นวดน้ำมันลังกาสุกะ
คุณมะนาเซ เจะแน หัวหน้างานการแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลจะแนะ จังหวัดนราธิวาส กล่าวถึงที่มาของการนวดน้ำมันลังกาสุกะว่า
“การนวดน้ำมันลังกาสุกะเกิดขึ้นจากการรวบรวมองค์ความรู้จากหมอพื้นบ้านใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เข้ากับการนวดแผนไทยราชสำนัก
“ในอดีต การนวดในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้จะมีแค่เฉพาะการนวดผู้หญิงหลังคลอดโดยโต๊ะบีแด (หมอตำแย) และนวดแก้ปวดเมื่อยสำหรับผู้ชายเท่านั้น เมื่อเป็นการนวดผสมผสานหลายศาสตร์ การนวดน้ำมันลังกาสะกุจึงมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร”
คุณมะนาเซยังบอกว่า ความพิเศษของการนวดน้ำมันลังกาสุกะอีกอย่างหนึ่งก็คือ น้ำมันที่ใช้นวด
“สูตรการทำน้ำมันลังกาสุกะนั้นได้มาจากการคัดเลือกสมุนไพรที่ดีที่สุดของโต๊ะบีแด 15 คน นำมาต้มกับน้ำมันงาหรือน้ำมันถั่วเหลือง และผสมกับน้ำมันฮาบาตุสเซาดะห์หรือน้ำมันยี่หร่าดำ ที่ชาวมุสลิมเชื่อว่าสามารถรักษาโรคได้ทุกชนิดการนวดด้วยการใช้น้ำมันจะมีข้อดีตรงที่ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและผิวหนังชุ่มชื้น
“การจะทำให้น้ำมันซึมเข้าผิวหนังได้ดีต้องทำควบคู่กับการประคบร้อนด้วยก้อนหิน เพื่อกระตุ้นระบบการไหลเวียนของเลือด ผ่อนคลายเส้นเอ็นและเนื้อเยื่อพังผืดต่างๆ”
คุณมะนาเซบอกว่า การนวดน้ำมันลังกาสุกะนั้นไม่มีข้อห้ามใดๆ สามารถนวดได้ทุกเพศทุกวัย แต่เพื่อให้ได้ผลดียิ่งขึ้น การนวดน้ำมันลังกาสุกะจะเหมาะกับคนในกลุ่มต่อไปนี้ค่ะ
“ผู้ที่มีปัญหาปวดหัวเข่า โดยเฉพาะผู้สูงอายุและหญิงวัยหมดประจำเดือนที่มีปัญหาเข่าเสื่อม หมอนวดจะใช้น้ำมันนวดบริเวณหัวเข่าและประคบร้อนด้วยก้อนหิน เพื่อให้กล้ามเนื้อซึมซับตัวยาได้ดียิ่งขึ้น”
เคล็ดลับการนวดคลายเครียดแบบลังกาสุกะ
1. นั่งขัดสมาธิ ชโลมน้ำมันที่นิ้วมือข้างขวา ยกเว้นนิ้วโป้ง
2. ใช้นิ้วชี้ กลาง นาง และก้อย กดรีดไปที่ต้นคอด้านซ้ายลงมาที่บ่า
3. กดรีดกล้ามเนื้อบริเวณต้นคอไหล่ และบ่า จนรู้สึกผ่อนคลายและหายตึงเครียด
4. นำผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นมาประคบบริเวณที่นวดเพื่อให้รู้สึกสบายยิ่งขึ้น
5. สลับไปนวดด้านขวา โดยทำเช่นเดียวกันกับข้างซ้าย
“ทุยหนา” มหัศจรรย์นวดแผนจีน
“ทุยหนา” ถือเป็นหนึ่งในศาสตร์การแพทย์แผนจีนโบราณที่สืบทอดกันมานานนับพันๆ ปี
แพทย์หญิงอัมพร กรอบทอง ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์กาญจ-นาภิเษก และหัวหน้าแพทย์แผนจีน ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยมหิดล เล่าที่มาของทุยหนาว่า
“ทุยหนามีหลักฐานปรากฏอยู่ในบันทึก ‘หวงตี้นุ่ยจิง’ ซึ่งเป็นคัมภีร์การแพทย์แผนจีนเล่มแรกๆ ในสมัยราชวงศ์ชิงและฮั่น หรือราว 2,000 ปีก่อน ระบุว่ามีการใช้วิธีบริหารพลังภายในหรือชี่กงกับนวดทุยหนาเพื่อบำบัดรักษาโรคอัมพฤกษ์อัมพาตอันเกิดจากความผิดปกติของเลือดลม
“หลังจากนั้นการนวดทุยหนาก็ได้รับการพัฒนาองค์ความรู้อย่างต่อเนื่องเรื่อยมา ปัจจุบันมีการใช้การนวดทุยหนาเพื่อป้องกันและรักษาโรคต่างๆ ได้อย่างกว้างขวางขึ้นเหมือนศาสตร์การแพทย์แผนจีนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นอัมพฤกษ์อัมพาต หรือการทำงานของอวัยวะผิดปกติ เช่น โรคลำไส้แปรปรวนโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบ โรคกระเพาะอาหารอักเสบ เป็นต้น”
แพทย์จีนจ๊ะมะ ไกรศรีสถาพรแพทย์จีนแห่งศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยมหิดล อธิบายลักษณะเด่นของการนวดแผนจีนทุยหนาว่า
“การรักษาโรคด้วยการนวดทุยหนามีจุดเด่นที่แตกต่างจากการนวดชนิดอื่นๆคือ ผู้ให้การรักษาต้องมีทั้งความรู้และความแม่นยำในเรื่องของจุดต่างๆ ในร่างกาย รวมทั้งพลังชี่กงที่จะถ่ายทอดเพื่อผลักดันให้ลมปราณหมุนเวียนนั่นเองซึ่งสาเหตุนี้ทำให้แพทย์จีนที่ใช้นวดทุยหนาในการรักษาไม่สามารถล้างมือในระหว่างการนวดได้ เพราะจะทำให้สูญเสียพลังและความร้อนจากฝ่ามือไป
“สำหรับวิธีการนวด ไม่เพียงแต่การใช้มืออย่างเดียว ยังอาจใช้เท้าและข้อศอกได้ด้วย หรือใช้เครื่องมือนวดโดยเฉพาะบางอย่าง เช่น น้ำมันตุงชิงน้ำมันงา ผงหินลื่น?หรือสารหล่อลื่นอื่นๆ ทั้งนี้อาจใช้สมุนไพรจีนและการครอบกระปุกร่วมด้วย”
ข้อมูลจาก : นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 261