5 ประโยชน์จากพริกรสเผ็ดร้อน
เมื่อพูดถึง ประโยชน์จากพริก แล้วนั้น เราต่างรู้กันดีว่า พริก ใช้ปรุงอาหารไทยให้มีรสเผ็ดตามต้องการ ทั้งน้ำพริก แกง อาหารจานยำ พล่า โดยเฉพาะพริกเม็ดเล็กๆ แม้จะมีรสเผ็ดร้อนแต่กลับมีประโยชน์ไม่เล็กตามชื่อ และถึงแม้ว่าชีวจิตจะไม่ได้สนับสนุนให้กินอาหารรสจัด แต่หากรู้คุณค่าของพริกอย่างที่เราเอามาบอกแล้วก็ควรหัดกินพริกให้เป็นไว้บ้างนะคะ เพราะพริกนั้นมีคุณค่ามากมาย
หลายคนอาจสงสัยว่า “พริกมาจากไหน” พริกถูกค้นพบครั้งแรกที่อเมริกากลาง และอเมริกาใต้ ตั้งแต่เมื่อราว 7,000 ปีก่อน โดย คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส หลังจากนั้นได้มีการนำพริกมาปลูก และเผยแพร่ไปทั่วยุโรป ก่อนจะแผ่ขยายไปทั่วโลก ซึ่งประเทศไทยของเรานั้น ก็รู้จักและคุ้นเคยกับการปลูกพริกมานานแล้ว
สายพันธุ์ของพริกในประเทศไทย มีอยู่ทั้งหมดประมาณ 831 สายพันธุ์ และสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือ พริกชี้ฟ้า พริกขี้หนูเม็ดใหญ่ และพริกขี้หนูเม็ดเล็ก
คุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดของพริก ก็คงไม่พ้นเรื่องความเผ็ด เนื่องจากในพริกมีสารแคปไซซิน (Capsicin) ซึ่งเป็นสารที่ให้ความเผ็ดร้อน โดยสารชนิดนี้จะกระจายอยู่ในทุกส่วนของพริก ส่วนที่เผ็ดที่สุดก็คือ รกหรือไส้ของพริก ในขณะที่เปลือก และเมล็ด ที่คนทั่วไปมักเข้าใจว่าเป็นส่วนที่เผ็ดที่สุด กลับมีสารนี้อยู่น้อยกว่ามาก
สารแคปไซซินนี้ นอกจากจะดีต่อสุขภาพแล้ว ยังมีคุณสมบัติพิเศษตรงที่ สามารถทนความร้อนได้ดี ทำให้ไม่ว่าจะผ่านกระบวนการทำให้สุก หรือตากแดดจนแห้ง ก็ยังคงความเผ็ดร้อนไว้ได้ดังเดิม
และวันนี้คนที่ชอบทานเผ็ดต้องยิ้มกันแน่ ๆ เพราะเรานำเรื่องราวดี ๆ ของพริก สมุนไพรรสเผ็ดร้อน ที่ต้องมีติดครัวกันทุกบ้านมาฝาก ซึ่งขอบอกไว้ก่อนตรงนี้เลยว่า ประโยชน์ของพริกนั้นดีงามมาก ๆ
ข้อดีของพริก ที่แซ่บซี๊ดดีต่อสุขภาพ
1.แก้ไข้หวัด
คุณรู้กันหรือไม่ว่า ในพริกเขียวเม็ดอวบๆ มีวิตามินซีมากกว่าส้มถึง 2 เท่า ถ้าเป็นพริกหวานเม็ดสุกแดง วิตามินซีเพิ่มเป็น 3 เท่า และยังเป็นแหล่งเบต้าแคโรทีนชั้นดี ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่เชื่อว่าเป็นตัวก่อมะเร็ง และช่วยชะลอความแก่ได้อย่างดีอีกด้วย
2.ช่วยให้เจริญอาหาร
โดยกระตุ้นให้น้ำลายในปากออกมามากเอนไซม์ที่ออกมาพร้อมน้ำลายจะช่วยย่อยสลายแป้งในปาก กลายเป็นน้ำตาล ทำให้รู้สึกหวาน รสชาติอาหารอร่อยขึ้น
3.ช่วยย่อยอาหาร
เพราะช่วยกระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหาร ทำให้ระบบการย่อยดีขึ้น นอกจากนี้สารสกัดจากพริกจะช่วยกระตุ้นการหลั่งเอนไซม์บางชนิด ทำให้เกิดการบีบตัวและคลายตัวของกระเพาะอาหารและลำไส้ดีขึ้น ปัจจุบันจึงมีการนำสารสกัดจากพริกไปผสมในยาชนิดต่างๆ เช่น ยาธาตุ ยาเจริญอาหาร ยาขับลม และยาแก้ปวดท้อง
4.ช่วยลดอาการเจ็บปวดเฉพาะที่
ทุกวันนี้มียาขี้ผึ้งทาถูนวด แก้ปวดเมื่อย เคล็ดขัดยอก บางตำรับผสมสารจากพริก เช่น น้ำมันมวย น้ำมันบาล์ม
5.ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดได้
มีการศึกษาวิจัยจากต่างประเทศพบว่า สารแคปไซซินในพริกช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ โดยช่วยลดคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือด
ที่มา: นิตยสารชีวจิต ฉบับ 175
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ