อาหารและเครื่องดื่มชีวจิต

CHEEWAJIT DIET อาหารและเครื่องดื่มชีวจิต เพิ่มภูมิชีวิต ไร้พิษท็อกซิน

CHEEWAJIT DIET อาหารและเครื่องดื่มชีวจิต เพิ่มภูมิชีวิต ไร้พิษท็อกซินอาหารที่เรากินเข้าไปไม่ว่าอะไรก็ตามจะส่งผลต่อร่างกายเสมอ พูดง่าย ๆ ก็คือ อาหารทำให้เกิดโรคได้ (You are what you eat.) และในขณะเดียวกันอาหารก็ช่วยรักษาโรคได้ด้วย (Food is medicine.)

อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง กูรูต้นตำรับชีวจิต อธิบายถึงแนวคิดเรื่อง อาหารและเครื่องดื่มชีวจิต ที่ช่วยสร้างภูมิชีวิตพิชิตโรคไว้มากมาย สรุปความสำคัญได้ดังนี้

การจะสร้างภูมิชีวิตหรือ (Immune System) ขึ้นมานั้น ขั้นแรกที่ง่ายที่สุด คือ การบำรุงด้วยอาหาร เราจึงต้องพิจารณาว่าอาหารที่เรากินอยู่ทุกวันนี้ถูกต้องหรือยัง หากเรากินอาหารตามแฟชั่น เห่อกินตามฝรั่ง เห่อเนื้อ นม ไข่ เห่ออาหารประเภทแดกด่วน หวานจัด มันจัด นั่นคืออาหารที่มีแต่ท็อกซิน (Toxin) ทั้งนั้น ยิ่งท็อกซินมากขึ้นเท่าไร ก็เป็นการทำลายภูมิชีวิตมากเท่านั้น เพราะฉะนั้นต้องหยุดอาหารที่มีท็อกซินหรือหยุดการกินผิด ๆ ไว้ก่อน

สูตรอาหาร ชีวจิต เป็นสูตรอาหารที่ได้ทดลองและคัดเลือกมาเป็นเวลานานว่าเป็นอาหารที่ไม่มีท็อกซินหรือมีท็อกซินน้อยที่สุด นอกไปจากนั้นเรายังแนะนำวิธีทำอาหารว่าควรจะปรุงอาหารด้วยวิธีธรรมชาติหรือปรุงด้วยวิธีบริสุทธ์ิที่สุด คือไม่ปรุงแต่ง หรือปรุงแต่งแต่น้อย ไม่ต้องเติมรสเติมชาติเลยยิ่งดี จะต้องเรียนรู้ว่ารสธรรมชาติหรือรสอาหารชั้นเดียวนั้นมีประโยชน์อย่างไร

นั่นหมายความว่า เมื่ออาหารบริสุทธิ์ได้แล้ว ต้องฝึกวิธีกินด้วย กินง่าย ๆ ปรุงง่าย ๆ วิธีธรรมชาตินั้นดีที่สุด และวิธีธรรมชาติเป็นตัวสร้างภูมิชีวิตที่ดีที่สุด

อาหารชีวจิต

แนะนำอาหารตามแนวชีวจิต ดังนี้

  1. อาหารประเภทแป้งไม่ขัดขาว หรือที่เรียกว่า Whole Grains เช่น ที่เป็นข้าว ก็เป็นข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้อง ถ้าเป้นข้าวโพดก็เป้นข้าวโพดทั้งเมล็ดหรือฝัก ถ้าเป็นแป้งขนมปัง ก็เป็นขนมปังโฮลวีต ปริมาณอาหารประเภทนี้ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ของแต่ละมื้อ
  2. ผัก ใช้ทั้งผักดิบ ผักสุก อย่างละครึ่ง ทำเป็นผักสุกจิ้มน้ำพริกบ้าง หรือผัดโดยใช้น้ำมันพืช แต่น้อยปริมาณ 25 เปอร์เซ็นต์ของแต่ละมื้อ
  3. อาหารประเภทโปรต เช่น ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วเหลือง ถั่วดำ และผลิตผลจากถั่ว เช่น เต้าหู้ โปรตีนเกษตร ปริมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ของแต่ละมื้อ นอกจากนี้จะใช้โปรตีนจากสัตว์เป็นครั้งคราว คือปลาและอาหารทะเลประมาณสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
  4. เบ็ดเตล็ด หรือแกง หรือซุป ถ้าเป็นแกงไทยก็ใช้แกงจืดหรือแกงเลียง หรือจะทำเป็นซุปมิโซะก็ได้ ถั่วกินเล่นต่าง ๆ ผลไม้ไม่หวาน ปริมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของแต่ละมื้อ แต่ถ้ามีภาวะอ้วน หรือเป็นโรคเบาหวาน ก็ควรใช้อาหารชีวจิตสูตร 2 คือ ลดอาหารประเภทแป้งไม่ขัดขาวลงเหลือแค่ปริมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ของแต่ละมื้อ เพิ่มอาหารประเภทผักเป็น 35 เปอร์เซ็นต์ของแต่ละมื้อ เพิ่มอาหารประเภทโปรตีนเป็น 25 เปอร์เซ็นต์ของแต่ละมื้อ และคงอาหารในกลุ่มเบ็ดเตล็ดปริมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของแต่ละมื้อ

เครื่องดื่มชีวจิต

นอกจากอาหารแล้ว อาจารย์สาทิส ยังแนะนำเครื่องดื่มแบบชีวจิต ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้

น้ำอาร์ซี

น้ำอาร์ซี ย่อมาจาก Rejuvenating Concoction แปลว่า เครื่องดื่มที่ปรุงข้นขึ้น เพื่อช่วยให้กระปรี้กระเปร่า ประกอบด้วยกลูโคส ดีเอ็นเอ (DNA) และอาร์เอ็นเอ (RNA) จากธรรมชาติ โดยมีหลักการทำว่า

  1. ใช้คาร์โบไฮเดรตบริสุทธิ์ และถ้าได้ Complex Carbohydrate จะดีมาก
  2. ใช้วิธีเี่ยวเอาน้ำ เพื่อไปสร้างกลูโคสที่ดี
  3. เลือกอาหารที่มี DNA และ RNA
  4. เลือกอาหารที่มีแร่ธาตุ มีส่วนผสมดังนี้ ส่วนผสม ประกอบด้วย ธัญพืช 9 ชนิด ได้แก่ ธัญพืชเมล็ดแข็ง
    5 ชนิด คือ ข้าวสาลี ข้าวฟ่าง ข้าวบาร์เลย์ ลูกเดือย เม็ดบัว อย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ ธัญพืชเมล็ดแข็งปานกลาง 3 ชนิด ได้แก่ ข้าว
    ซ้อมมือ ข้าวแดงมันปู ข้าวเหนียวซ้อมมือ อย่างละ 2 ช้อนโต๊ะ และข้าวโอ๊ต 1 ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า 1 ลิตร
    วิธีทำ 1. ล้างธัญพืชให้สะอาด (ยกเว้นข้าวโอ๊ต) พักไว้ 2. เทน้ำลงในหม้อ เทธัญพืชเมล็ดแข็งทั้ง 5 ชนิดลงไป ต้มให้เดือด 3. ใส่ธัญพืชเมล็ดแข็งปานกลาง 3 ชนิดลงไป รอเดือด ทิ้งไว้ 5 – 10 นาที ปิดไฟทันที แล้วใส่ข้าวโอ๊ตลงไป 4. รอให้ธัญพืชนอนก้น รินเฉพาะน้ำใสใส่กระติกเก็บความร้อน ดื่มทีละนิดจนหมด ไม่ควรเก็บไว้ข้ามวัน กากข้าวที่เหลือสามารถนำไปหุงเป็นข้าวต้ม โจ๊ก หรือทำเป็นขนมหวานได้

น้ำเอนไซม์

อาจารย์สาทิส อธิบายเรื่องของเอนไซม์ไว้สรุปว่าเอนไซม์มีอยู่ในสิ่งมีชีวิตทุกชีวิตในโลกนี้ ถ้าไม่มีเอนไซม์ก็ไม่มีชีวิต เอนไซม์มีหน้าที่กระตุ้น หรือเริ่มต้นให้วงจรหรือระบบต่าง ๆ ของชีวิตทำงาน การทำงานของระบบต่าง ๆ ของชีวิตนั้นเพื่อจุดประสงค์สองประการ

ประการแรก เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นแก่ชีวิตนั้น หรือถ้าอันตรายเกิดขึ้นแล้ว ก็ป้องกันไม่ให้อันตรายนั้น ลุกลาม หรือร้ายแรงยิ่งขึ้น

ประการที่สอง คือ เอนไซม์จะทำหน้าที่ส่งเสริม หรือบำรุงให้ระบบต่าง ๆ ของชีวิตทำงานได้ดีขึ้นหรือง่ายขึ้น โดยเอนไซม์นั้นถูกเอนไซม์ตัวอื่น ๆ กดหรือทำลายอำนาจของเอนไซม์ได้ อย่างเช่นขึ้นฉ่ายที่บอกให้คั้นเอาแต่น้ำ แต่ผู้บริโภคขี้เกียจไม่อยากคั้นน้ำ เคี้ยวกินเฉย ๆ ง่ายดี ขอชี้แจงให้เห็นว่า ในปากและน้ำลายของเรามีเอนไซม์ตัวอื่นอยู่แล้ว เมื่อเราเคี้ยวขึ้นฉ่ายในปาก เอนไซม์ในขึ้นฉ่ายก็จะถูกเอนไซม์ในปากทำลายไป

เอนไซม์ถูกความร้อนไม่ได้ จะต้ม จะผัด จะลวกอย่างไรก็ไม่ได้ เอนไซม์ในผักจะตายหมด เอนไซม์ถูกกระแสไฟฟ้าหรือกระแสแม่เหล็กไม่ได้ ถ้าใส่เครื่องปั่นไฟฟ้า หรือแม่เหล็ก เอนไซม์จะตายหมด เอนไซม์เก็บไว้นาน ๆ ไม่ได้ อย่างมากไม่ควรเกินครึ่งชั่วโมง
ด้วยเหตุนี้วิธีที่ดีที่สุดที่เราแนะนำคือ นำผักที่ต้องการไปสับ ไปคั้นหรือไปตำ แล้วคั้นด้วยผ้าขาวบาง จะได้น้ำเอนไซม์แบบธรรมชาติ
ราคาถูกและภูมิใจดีด้วย เพราะเราทำทุกอย่างด้วยมือของเรา หรือจะใช้เครื่องแยกกากซึ่งแยกกากผักไปทางและน้ำเอนไซม์ไปทางก็ได้

น้ำเอนไซม์แต่ละชนิดมีประโยชน์ ดังนี้

  • แครอต ช่วยล้างไขมันและช่วยการทำงานของตับ
  • ขึ้นฉ่ายหรือเซเลอรี่ ช่วยทำให้เลือดสะอาดข้นึ และช่วยลดคอเลสเตอรอลให้น้อยลง
  • รากบัวหลวง ช่วยในการหายใจและการทำงานของปอด ช่วยให้ Oxidation ทำได้ดีขึ้น
  • มะระ ช่วยในการฟอกเลือดและการทำงานของไต
  • กระเทียม ช่วยในการฆ่าเชื้อ
  • แคนตาลูปและแตงโม ช่วยในการทำงานของไต
  • ลูกใต้ใบ ช่วยในการทำงานของตับและไต
  • ตำลึง ช่วยสมานแผลในกระเพาะ

น้ำชาสุขภาพ

อาจารย์สาทิสอธิบายเรื่องของน้ำชาสุขภาพสรุปว่า น้ำชาสุขภาพใช้แทนกาแฟหรือชา โดยใช้สมุนไพร รากไม้ ดอกไม้ เมล็ดจากไม้ชนิดต่าง ๆ ใช้เป็นยาและเครื่องดื่ม ช่วยให้แข็งแรงสดชื่นได้เป็นอย่างดี
เถาวัลย์เปรียง หั่นเป็นแว่น ๆ นำมาคั่วให้หอม ชงน้ำดื่ม ดื่มได้อร่อยด้วย เป็นยาด้วย ปัสสาวะคล่อง แก้ขัดเบา
เตยหอม หั่นแล้วนำมาคั่วชงน้ำดื่ม บำรุงหัวใจ ขับปัสสาวะ
ใบสัก หั่นแล้วนำมาคั่วชงน้ำดื่ม บำรุงหัวใจ ขับปัสสาวะ
เก๊กฮวย ตากแห้ง ชงน้ำร้อน ผสมกับมะลิแห้ง ก็จะช่วยให้หอมและมีรสอร่อยขึ้น บำรุงประสาท หัวใจ
รากบัว หั่นเป็นแว่น ต้มกับน้ำจนเดือด ดื่มเป็นเครืองดื่มช่วยระบบหายใจ แก้ไซนัส
เม็ดชุมเห็ด นำไปคั่ว ชงน้ำดื่ม ขับปัสสาวะและแก้โรคท้องผูก ตับอักเสบ
มะตูม ใช้มะตูมดิบหั่นเป็นแว่นตากแดด แล้วอบหรือหั่นเป็นชิ้น คั่วให้หอม ชงน้ำดื่ม ช่วยเจริญอาหาร แก้จุกเสียด แน่นท้อง กรดในกระเพาะมาก
ขิง ใช้ขิงแก่ต้มน้ำจนเดือด ด่มื แก้ท้องข้นึ ท้องเฟ้อ เรอเหม็นเปรี้ยว ในกระเพาะมีกรดมาก
ตะไคร้ หั่นเป็นแว่นชงน้ำดื่ม ขับปัสสาวะ ขับลม แก้ท้องขึ้น ท้องเฟ้อ
หญ้าคา ใช้ทั้งต้นและรากต้มน้ำดื่ม ผสมกับตะไคร้ ขับปัสสาวะ แก้ขัดเบาได้ด้วย
สะระแหน่ ใช้ผสมกับน้ำผลไม้โดยเด็ดเป็นใบ ๆ โรยหน้าน้ำผลไม้ ทำให้น้ำผลไม้รสดีและหอมขึ้น ช่วยขับลม แก้ท้องขึ้น ท้องเฟ้อ
ดอกคำฝอย ชงชาดื่ม ขับปัสสาวะและลดไขมันในเส้นเลือด

“อาหารและเครื่องดื่มชีวจิต นั้นมีความหลากหลาย ทำง่ายอร่อย และดีต่อสุขภาพแน่นอน อยากให้ทุกคนได้ลองนำไปปรับใช้กันนะคะ”

เรื่อง กองบรรณาธิการ ภาพ iStock เขียนลงเว็บ เนื้อทอง ทรงสละบุญ

ชีวจิต 503 นิตยสารรายปักษ์ ปีที่ 21 16 กันยายน 2562
บทความน่าสนใจอื่นๆ

วิถีการกินเพื่อสุขภาพดี อย่างยั่งยืน แบบอาหารชีวจิต

ชวนกินอาหารชีวจิต ต้านโรคอ้วน ช่วยหุ่นดีสมใจ

อาหารชีวจิต วิถีการกินเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงในระยะยาว

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.