(โปรดอ่านด้วยทำนองเพลงฉ่อย) เอ๋ย…ย…มา สุพรรณบุรี ฉันจะขอกล่าวว่าอาหารหวานคาวแซ่บแค่ไหน ทั้งข้าวแกงรสเผ็ดเด็ดเหลือเชื่อ หรือจะกุ้งทอดเกลือตัวใหญ่ ๆ ปลาช่อนอบฟางจิ้มแจ่วแมงดา หรือต้มยำปลาม้าเปรี้ยวจี๊ดใจ เห็ดโคนเมืองสุพรรณนั้นว่าเนื้อดี หรือขนมสาลี่ลองดูไหม อาหารจีน – ไทยให้เลือกไม่ซ้ำหน้า
สุพรรณบุรี ที่เที่ยวฉันสรรหาจัดมาให้ ทั้งแหล่งกินแหล่งเที่ยวคัดอย่างดี ได้สนุกอิ่มใจ…เอชา เอชา ชา ชะ ช่า ชา หน่อยแม่
ใกล้เมืองแหล่งเรียนรู้วิถีชีวิต และจิตวิญญาณชาวนาไทย นาเฮียใช้

มาเรียนรู้วิถีชีวิตชาวนากันที่ “นาเฮียใช้” ตำบลบ้านโพธิ์ ซึ่งไม่ไกลจากตัวเมือง ครอบครัวเจริญธรรมรักษาผู้เป็นเจ้าของตั้งใจรวบรวมทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับวิถีชาวนา ชาวบ้าน เอาไว้อย่างสมบูรณ์ ด้วยหวังใจให้เป็นแหล่งเรียนรู้ เรื่องข้าว ชาวนา ตลอดจนแหล่งรวมพระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์ ที่เกี่ยวเนื่องกับข้าว
ทั้งแปลงนาสาธิตลักษณะข้าวนาปรัง 12 ชนิดพันธุ์ ตลอด 4 ช่วงอายุข้าว ใกล้กันมีเรือนหนังสือพระราชกรณียกิจและเรื่อนหนังสือข้าวที่รวบรวมหนังสือเกี่ยวกับข้าวและพระราชกรณียกิจของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ไว้

ถัดมาเป็นเรือนพระแม่โพสพและเรือนศูนย์รวมใจไทยทั้งชาติ จัดแสดงพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 พระบรมฉายาลักษณ์ในพระราชกรณียกิจต่าง ๆ พระบรมสาทิสลักษณ์ราชวงศ์จักรี มีร้านโชว์ห่วยโบราณจัดแสดงวิถีชีวิตคนไทยในรูปแบบของชุมชนและมีเรือนวิถีชีวิตชาวนาไทยในอดีต ซึ่งทั้งหมดนี้เข้าชมได้ฟรี

นอกจากนี้นาเฮียใช้ยังมีเรือนประชุมอยู่เย็นเป็นสุข จัดแสดงภาพยนตร์ประวัติความเป็นมาของศูนย์เรียนรู้และความรู้เรื่องการทำนาเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว โดยบุคคลทั่วไปคิดท่านละ 50 บาท โดยคิดเป็นราคาต่อรอบ 2,500 บาท (เริ่มต้น
ที่ 50 ท่าน) แถมยังมีร้านกาแฟและโซนจำหน่ายสินค้าหัตถกรรมและข้าวสารชนิดต่าง ๆ รวมถึงเป็นแหล่งจำหน่ายกล้าพันธุ์ข้าวอีกด้วย
วันเสาร์ – อาทิตย์จะมีขนมกุยช่ายทำจากต้นกุยช่ายปลอดสารพิษ อย่าลืมซื้อชิมด้วย
นาเฮียใช้เปิดให้เข้าชม
ทุกวัน ตั้งแต่ 8.00 น. – 17.00 น. วัดหยุดราชการเปิดถึง 18.00 น.
โทร. 09-2626-1515
ร้านกาแฟนาเฮียใช้

แต่เดิมเฮียใช้ผู้เป็นเจ้าของแหล่งเรียนรู้วิถีชีวิตชาวนา เคยช่วยบิดามารดาขายกาแฟโกปี๊มาก่อน ร้านกาแฟสดแห่งนี้จึงเป็นเหมือนตัวแทนเชื่อมโยงอดีตของผู้ก่อตั้ง และยังเป็นเหมือนร้านรับรองให้แขกผู้มาเยี่ยมชม ได้นั่งชิลจิบกาแฟสดอร่อย ๆ
แนะนำคือ เครปใบเตยมะพร้าวอ่อน แป้งเครปนุ่มสีเขียวพาสเทลหอมกลิ่นใบเตยเข้ากับครีมสด ผสมเนื้อมะพร้าวน้ำหอมอ่อนคั่นในแต่ละชั้น เบานุ่มและหอมกรุ่น


กาแฟสดร้อนและเย็นชนิดต่าง ๆ เครปใบเตยมะพร้าวอ่อน
เค้กชิ้นละ 65 บาท กาแฟแก้วละ 35 บาท
ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตชาวนานาเฮียใช้
เปิดทุกวัน-เวลา 7.00 น. – 18.00 น.
โทร 06-2459-6677
สุรชัยปลาเผา (บึงไผ่แขก)

คุณ สุรชัย ยะบุญวัน เจ้าของร้านเล่าว่า แต่เดิมตนประกอบอาชีพขายก๋วยเตี๋ยวพอเป็นที่ติดอกติดใจ ลูกค้าเริ่มถามถึงเมนูอื่น ๆ จึงค่อยขยับขยายเพิ่มเมนูอาหารมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งปัจจุบันมีอาหารให้เลือกถึง 70 กว่ารายการ โดยอาหารส่วนใหญ่เป็นอาหารไทยแบบสุพรรณบุรีที่เน้นรสจัดเครื่องถึง ปรุงโดยแม่ครัวพื้นถิ่นที่เป็นเครือญาติกัน โดยแบ่งหน้าที่กันไป เช่น แม่ครัวแกงก็ทำแต่แกง แม่ครัวของทอดก็ทำแต่ของทอด แม่ครัวยำก็ทำแต่ยำพล่า เรียกได้ว่าทุกเมนูมี
ผู้ควบคุมคุณภาพในตัว

ทีเด็ดร้านนี้ที่ต้องพูดถึงเลยคือ ปลาช่อนอบฟาง พอสั่งปุ๊บ ที่ใช้ปลาสดเผาฟางกันสดใหม่ จึงมีกลิ่นหอมควันฟางและเนื้อปลาก็หนึบหวาน เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำจิ้มน้ำพริกแมงดา รสเปรี้ยว เค็ม เผ็ด และน้ำจิ้มซีฟู้ด เคียงด้วยมะเขือยาวเผาถ่านลอกเปลือกเนื้อหวาน กินแล้วอร่อยเข้ากัน
กับข้าวร้านนี้เจ้าของร้านบอกว่าไม่ปรุงรสหวาน เพราะคนสุพรรณไม่กินหวานนั่นเอง ใครที่อยากชิมอาหารพื้นเมืองอร่อย ๆ ก็อย่าพลาดนะจ๊ะ ปลาช่อนอบฟาง ฉู่ฉี่ปลาหมอนา แกงคั่วหอยขม ผัดเผ็ดปลาดุกนา กุ้งฝอยทอด ต้มยำปลาม้า ปลาช่อนอบฟางคิดราคาตามน้ำหนัก (กิโลกรัมละ280 บาท) กับข้าวทั่วไป ราคาเริ่มต้นที่ 80 – 150 บาท
จากถนนมาลัยแมน ทางหลวงหมายเลข 321 เลี้ยวเข้าซอยฝั่งซ้ายมือ ทางไปสนามซ้อมสุพรรณบุรีเอฟซี บึงไผ่แขก ตำบลดอนโพธิ์ทอง แล้วตามป้ายบอกทางไป ย้ำว่าทางไปร้านไม่มีไฟ หากไม่ชินทางควรไปกลางวันดีกว่ากลางคืน
เปิดทุกวัน 12.00 น. – 22.00 น.
โทร 08-1763-6102, 08-1942-4654
ข้าวหมูแดงเรือเมล์ สูตรน้ำพริกเผา

ข้าวหมูแดงอายุเกือบร้อยปีบุกเบิกโดยนายกังนั้ม แซ่ตั้ง ขายที่ท่าเรือโดยสารสองชั้นจากสุพรรณเข้ากรุงเทพฯที่เรียกว่า เรือเมล์ก่อนย้ายมาท่ร้านปัจจุบัน โดยมีคุณหมู (ผู้หญิง) ทายาทรุ่นที่ 3 ยืนหน้าเขียงและมีเฮียฮวด แซ่ตั้ง วัย 68 ปี ทายาทรุ่น 2 ผู้เป็นพ่อ คือผู้ปรุงสารพัดวัตถุดิบเองหลังร้าน ทั้งหมูกรอบ หมูแดง กุนเชียงโฮมเมดย่างสดกันวันต่อวัน
ขาหมูพะโล้หนังนิ่มรสเข้ม ทีเด็ดคือ ซอสข้าวหมูแดงที่ผสมสองส่วนคือ ส่วนซอสแดงรสหวาน และซอสสีน้ำตาลรสเผ็ดจากน้ำพริกเผา กินแนมต้นหอมสดดองโคนไว้ในแก้วพริกน้ำส้มให้มีรสเปรี้ยว อร่อยเข้ากันไม่เหมือนที่ไหน

ข้าวหมูแดงครบเครื่อง (มีกุนเชียง) ข้าวขาหมูตุ๋น จานละ 35 บาท เครื่องขาหมูเปล่า เครื่องหมูแดงเปล่า ชุดละ 70 บาท
หัวมุมถนนหมื่นหาญ (ถนนสายเดียวกันที่พาดผ่านหน้าร้านข้าวต้มโกตี๋) ตัดกับถนนเณรแก้ว
เปิดทุกวัน 9.00 น. – 14.00 น.
โทร 0-3552-3062, 08-1193-1987
เขตในเมืองศาลหลักเมือง อุทยานมังกรฟ้า และพิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร

แต่เดิมชื่อว่า “ศาลเทพารักษ์หลักเมือง” สันนิษฐานว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาแล้วปล่อยทิ้งร้าง ก่อนสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้บูรณะขึ้นมาใหม่ นอกจากศาลหลักเมืองแล้ว ติดกันยังมีสถาปัตยกรรมมังกรพ่นน้ำตัวมหึมา ซึ่งภายในจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร สร้างขึ้นในปี 2539 เนื่องในโอกาสที่ประเทศไทยและประเทศจีนมีความสัมพันธ์ทางการทูตครบ 20 ปี ภายในจัดแสดงเรื่องราวความเป็นมาของชาวจีนในประเทศไทยและประวัติศาสตร์จีนในแต่ละยุคแบ่งเป็น 20 ห้อง เช่น ห้องฉายภาพยนตร์ ห้องเทพนิยายห้องตำนาน ฯลฯ
โดยผู้ที่สนใจเข้าชมจะต้องจ่ายค่าบัตรเข้าชมในราคา 300 บาทต่อท่าน
นอกจากนี้ข้างศาลหลักเมืองยังมีเมืองจีจำลองให้คุณเข้ามาศึกษาวัฒนธรรมจีนหรือถ่ายภาพกันได้อีกด้วย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-3552-1690
กราบหลวงพ่อโต วัดป่าเลไลยก์

วัดเก่าแก่ที่มีหลักฐานทางพงศาวดารว่าสร้างก่อน พ.ศ. 1706 ภายในวิหารประดิษฐานหลวงพ่อโต หรือหลวงพ่อวัดป่า พระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์องค์ใหญ่ เชื่อกันว่าภายในองค์พระพุทธรูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุถึง 36 องค์ ซึ่งได้มาจากพระมหาเถรไลยลาย
นอกจากนี้หน้าวิหารใหญ่ยังมีระฆังโบราณสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งเชื่อกันว่าศักดิ์สิทธิ์ผู้ใดต้องการโยกย้ายงานหรือ
ปรับตำแหน่งงานให้ดีขึ้น ให้สวดคาถาที่ระบุไว้ อธิษฐานจิตแล้วเคาะระฆังนี้ 5 ครั้งก็จะได้สมใจนึก
หลังวิหารใหญ่ยังมีวิหารหลังเล็ก ประดิษฐานพระพุทธรูปหินทรายที่เชื่อกันว่าศักดิ์สิทธิ์มาก
นอกจากนี้ศาลารายที่รอบวิหารฝั่งซ้าย (หันหน้าเข้าวิหาร) ยังมีภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่องวรรณคดี เรื่องขุนช้างขุนแผนอีกด้วย และหากเดินต่อไปยังบริเวณหลังโบสถ์หลังใหม่จะมีบ้านเรือนไทย ที่เรียกว่า คุ้มขุนช้าง ด้านบนจัดแสดงข้าวของเครื่อใช้สมัยก่อน และภาพเขียนตัวละครสำคัญต่าง ๆ ในวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผน ให้ขึ้นไปชมได้ฟรี ด้านหน้าคุ้มขุนช้างมีรูปปั้นราชาเพลงลูกทุ่ง สุรพล สมบัติเจริญ ด้วย
วัดป่าเลไลยก์ตั้งอยู่ริมถนนมาลัยแมน (ทางหลวง 321) ห่างจากตัวเมืองประมาณ 3 กิโลเมตร
นพรัตน์ภัตตาคาร

จากตำนานร้านข้าวต้มและอาหารโต๊ะจีนเลื่องชื่อนามว่า “นัดพบ” สืบทอดตำรับอาหารจากรุ่นสู่รุ่นก่อนก่อตั้งเป็นภัตตาคารอาหารไทย – จีนชื่อดังนามว่า “นพรัตน์ภัตตาคาร”
โดยปัจจุบันมีคุณเฉลิมพล อนันต์ ธนสาร เป็นผู้ดูแล อาหารแต่ละรายการปรุงได้รสชาติอร่อยเฉียบขาด พอดี กินอร่อย
ที่สำคัญ ราคาสบายกระเป๋า
เมนูเด็ดต้อง ขาหมูหมั่นโถว ที่ต้องนำขาหมูมาทอดก่อนเคี่ยวกับเครื่องพะโล้และสามเกลอนานตั้ง 5 ชั่วโมงจนหนังหมูนุ่มเป็นเจล เนื้อหมูเปื่อยพอเคี้ยวปรุงรสหวานเค็มล้อกัน จิ้มหมั่นโถวโฮมเมดเนื้อฟูเบาแต่ไม่ติดฟันอร่อยมาก
เป็ดนพรัตน์ ก็เป็นอีกเมนูห้ามพลาด ทางร้านจะใช้เป็ดล่อนสูตรเด็ดที่หนังกรอบนอกเนื้อในแห้งนิ่มไม่สากคอมาราดด้วยซอสเปรี้ยวหวานปรุงขึ้นมาใหม่ไล่รสหวานเปรี้ยวเค็มพอดี กลายเป็นจานเด็ดที่มัดใจลูกค้าคนสำคัญมาแล้ว
ออส่วนของร้านนี้ต้องยกนิ้วให้ หอยนางรมนั้นสด แป้งไม่เยอะมากเน้นใส่ไข่เป็นสำคัญ กินแล้วไม่เลี่ยน
วัตถุดิบร้านนี้คัดสรรอย่างดีทั้งในไทยและต่างประเทศ เช่นกุ้งแม่น้ำจากอินเดียใต้ที่มันเยอะฟูเหลือง เห็ดโคนสุพรรณจากอำเภอด่านช้าง ตำบลหุบเขาวงที่ถือว่าเป็นสุดยอดแหล่งเห็ดโคนเมืองสุพรรณ ฯลฯ ที่สำคัญ
อาหารทุกจานล้วนอร่อยด้วยน้ำซุปกระดูกหมูและความสดของวัตถุดิบ ปราศจากผงชูรสนะจ๊ะ
ขาหมูหมั่นโถว เป็ดนพรัตน์ ขาห่านอบหมี่ ออส่วน ปลาม้านึ่งซีอิ๊ว ต้มยำกุ้งเห็ดโคน ทอดมันกุ้ง
อาหารจานเดียวเริ่มต้นที่ 60 บาท ขาหมูหมั่นโถว 180 บาท เป็ดนพรัตน์ครึ่งตัว 180 บาท ขาห่านโปแลนด์อบหมี่ 320 บาท เมนูกุ้งแม่น้ำและปลาบางรายการราคาขึ้นอยู่กับน้ำหนักของวัตถุดิบ
พิกัด ฝั่งตรงข้ามวัดป่าเลไลยก์
เวลาเปิด-ปิด : 10.30 น. – 22.00 น. ครัวปิด21.00 น. (หยุดทุกวันพุธ)
โทร 0-3555-5333, 08-1587-6154
หมายเหตุ : ทางร้านมีเมนูเป็ดปักกิ่งจำหน่าย หากต้องการรับประทาน ควรโทร.สั่งล่วงหน้า 1 ชั่วโมง
ขัวะ

ขัวะ แปลว่ากว้าง ซึ่งเป็นชื่อร้านอาหารจีนแต้จิ๋วโฮมเมด 7 โต๊ะแห่งนี้ ร้านนี้ถือเป็นร้านที่เด็ดคู่บ้านคู่เมืองแห่งหนึ่ง เปิด
มากว่า 30 ปี ออกตัวก่อนว่าของเขาราคาค่อนข้างสูง ไม่มีป้ายราคาติดในเมนู เพราะคัดสรรวัตถุดิบอย่างดี แต่ละวันราคาวัตถุดิบอาจไม่เท่ากัน แต่หากคิดว่าแลกกับรสชาติความเก๋าในการปรงุ อาหารซึ่งเเจ้าของร้าน (คุณวัฒนวงศ์ สมอดิศร) ลงมือปรุงด้วยตัวเอง ก็สามารถไปเล่าให้ใครเขาฟังได้แล้วว่ามาถึงเมืองสุพรรณจริง ๆ
พอมาถึงร้านหากมีวัตถุดิบพิเศษ พี่หมวย(คุณจิรา สมอดิศร) เจ้าของร้านอีกท่าน จะแจ้งให้คุณทราบและแนะนำเมนูที่เหมาะจะนำไปปรุง ทว่าหากแวะมาต้องชิมที่เด็ดของร้านคือซี่โครงหมูทอดกระเทียมที่หมักแบบสูตรลับจนเนื้อที่ติดซี่โครงนั้นนิ่มหนึบทอดมาใหม่ ๆ กรอบนอกนิด ๆกินแล้วอร่อย
ฮ่อยจ๊อ ก็ทำเองเนื้อปูแน่น ทอดไฟพอดี ฟองเต้าหู้ด้านนอกจึงกรอบได้ใจ ต้มยำเนื้อตุ๋น หอมกลิ่นเนื้อตุ๋นที่เจืออยู่ในน้ำซุป ปรุงมารสเปรี้ยวนำ เติมความเผ็ดและหอมด้วยพริกแห้งคั่วเข้ม ซดตัดเลี่ยนของทอดของมันได้ดีไม่น้อย เห็ดโคนผัดกุ้ง ก็รสดีกินกับข้าวแล้วเจริญอาหาร
ซี่โครงหมูทอดกระเทียม เห็ดโคนผัดกุ้ง ต้มยำเนื้อตุ๋น ผัดไทยวุ้นเส้น ฮ่อยจ๊อ
อาหารจานเดียวเริ่มต้นที่ 40 บาท กับข้าวทั่วไป เริ่มต้นที่ 120 บาท หากเป็นเมนูกุ้ง ปู ปลา ขึ้นอยู่กับขนาดและน้ำหนัก
ควรสอบถามที่ร้าน
พิกัด : ถนนนางพิม ฝั่งถนนเดียวกับร้านก๋วยเตี๋ยวเดินดง
เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน 10.00 น. – 22.00 น.
โทร 0-3552-1045, 08-8224-5578
ร้านก๋วยเตี๋ยวเดินดง

คุณเดินดง วิวัฒน์ไฟฟ้า เจ้าของร้าน คิดค้นก๋วยเตี๋ยวสูตรเด็ดนี้ขึ้นมาเอง เปิดขายมา12 ปีแล้ว โดยให้คุณเลือกเส้นตามชอบใจ ซึ่งทางร้านจะนำไปลวก คลุกกับซีอิ๊วดำ จัดลงจานเคียงด้วยเครื่องลวก เครื่องตุ๋นต่าง ๆ มีให้เลือกทั้งหมู เป็ด ไก่ ปลา และมีน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเปรี้ยว เผ็ด เค็ม หวาน เคียงมาพร้อมผักสด เวลากินก็เทส่วนผสมทุกอย่างเคล้ารวมกัน ถ้าผักในจานยังไม่จุใจ ทางร้านก็มีสเตชั่นผักสดให้เลือกหยิบเพิ่มเติมได้ตามใจ
นอกจากนี้ ทางร้านยังมีไก่บุง ทำจากน่องไก่ชิ้นโตยัดใส่ในมะระแล้วตุ๋นจนสุกเข้าเนื้อทั้งไก่ทั้งมะระ หรือจะเป็นขา (จริง ๆ คือตีนไก่) ตุ๋นลำไยแห้ง ที่ตุ๋นมาเปื่อยนุ่มเป็นเจล รสเค็ม หวาน จิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดแล้วอร่อยลงตัว ปลาลวกราดซอสสีแดงข้น ๆ รสหวานเผ็ดเปรี้ยวเค็ม หอมกลิ่นข่า ขิง เต้าเจี้ยว หมูสะเต๊ะร้านนี้เขาหมักหมูอย่างไรไม่รู้จึงกรอบอร่อยราวกับกินลูกชิ้น
นอกจากก๋วยเตี๋ยวที่ร้านยังมีขนมหวานให้เลือกมากมายไว้ตบท้ายมื้ออร่อย แต่ที่ไม่ควรพลาดคือกล้วยปิ้ง ซึ่งคุณเดินดงขายมาตั้งแต่สมัยอายุ 12 ปีจนปัจจุบัน
ก๋วยเตี๋ยวเดินดงเส้นบะหมี่หมูรวม (ใช้บะหมี่สุพรรณเส้นกลมใหญ่) ก๋วยเตี๋ยวเดินดงเส้นเล็กเป็ดตุ๋น ขาไก่ตุ๋นลำไย เกาเหลาไก่บุงตุ๋นมะระยัดไส้ ปลาลวกราดน้ำจิ้ม หมูสะเต๊ะ กล้วยปิ้ง
ก๋วยเตี๋ยวเดินดง ปลาหรือเป็ด ราคา 60 บาท หากเป็นหมูหรือเนื้อ ราคา 50 บาท ขาไก่ตุ๋น 50 – 100 – 120 บาท
พิกัด : ฝั่งถนนเดียวกันกับร้านขัวะ
เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน 8.30 น. -16.00 น. (หยุดทุกวันไหว้ตรุษจีนและสารทจีน)
โทร 08-1570-4056, 09-8527-5487
ขนมไทยป้าใจ

ร้านขนมไทยโฮมเมดประจำเมืองที่คนสุพรรณบุรีการันตีว่าเป็นแรร์ไอเท็ม ขายมารวมเวลา 80 ปี ปัจจุบันป้าใจเจ้าของสูตรเสียชีวิตแล้ว แต่น้องสาวคือ คุณกานดายังรับช่วงทำต่อ รสชาติหน้าตาขนมอาจไม่ได้วิจิตรอย่างชาววัง แต่ก็อร่อยจริงใจแบบพื้นบ้าน ทีเด็ดถูกลิ้นนักชิมอย่างข้าพเจ้าเห็นจะเป็น ข้าวเหนียวแดง ที่หอม เนื้อหนึบ และข้าวแห้งนั้นกรุบกรอบเคี้ยวเพลินจนต้องยกนิ้วให้
ขนมชั้นซ้อนกัน 9 ชั้น หอมกลิ่นใบเตยทองหยอด เม็ดโต รสหวานหอม สีเหลืองสด เนื้ออาจสากไปนิด แต่ยังอร่อย ถั่วกวน เนื้อแน่นเผือกกวน เนื้อเนียน ซึ่งเผือกนี้จะปรุงให้มีรสเค็มด้วยช่วยตัดเลี่ยนได้ดี
นอกจากเมนูที่แนะนำแล้ว ทางร้านยังการันตีอีกว่า ข้าวเหนียวมะม่วงของเขานั้นเด็ดกว่าเจ้าดังในเมืองหลวง จริงเท็จอย่างไรไปชิมได้ในช่วงฤดูร้อน ตั้งแต่เดือนมีนาคมของทุกปีเป็นต้นไป
ขนมเริ่มต้น ชิ้นละ 15 บาท
พิกัด : ใกล้วัดปราสาทฝั่งตรงข้ามสำนักเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี
เวลาเปิด-ปิด : 7.00 น. – 18.00 น. ปิดร้านบ้างเมื่อมีธุระ แต่จะแขวนป้ายบอกไว้ที่หน้าร้าน
ควรโทรศัพท์สอบถามก่อนไป 08-1820-0139
จุดชมวิวเมืองสุพรรณหอคอยบรรหาร – แจ่มใส

อาจเงียบเหงาไปบ้างหากไปเยือนหอคอยกลางเมืองแห่งนี้ในวันธรรมดา แต่นั่นก็ทำให้คุณมีเวลาชมวิวเมืองในจุดต่าง ๆ แบบพานอรามาบนความสูง 123.25 เมตรโดยไม่มีใครรบกวน ไปถึงต้องจ่ายค่าเข้าชม 40 บาทต่อท่าน ค่าจอดรถ 10 บาท แล้วจะมีเจ้าหน้าที่ประจำลิฟต์พาคุณขึ้นไปส่งยังชั้น 4 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดสำหรับชมวิว ณ จุดดังกล่าวจะมีโต๊ะบริการแลกเหรียญ 10 เพื่อหยอดกล้องส่องทางไกล
ขอแนะว่าบางครั้งเจ้าหน้าที่อาจไม่อยู่ จึงควรแลกเหรียญ 10 ติดตัวไปเองเพราะกล้องส่องทางไกลในแต่ละจุดนั้นจะเสียค่าบริการจุดละ 10 บาท ชมได้ 3 นาที แต่ละจุดชมวิวจะระบุชัดเจนว่าคุณจะสามารถชมอะไรได้บ้าง เช่น วัดป่าเลไลยก์ มังกรตัวใหญ่ที่ศาลหลักเมือง ฯลฯ
ชมเสร็จเดินลงไปยังชั้น 3 เป็นจุดขายของที่ระลึก แล้วกดลิฟต์เรียกเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะพาไปยังจุดจำหน่ายขนมขบเคี้ยว นั่งชมวิวไปกินขนมไปเพลิน ๆ ในบริเวณชั้น 2 ก่อนกลับลงมายังชั้นล่าง เพื่อชมน้ำพุเปลี่ยนสีหอคอยบรรหาร – แจ่มใ
ตั้งอยู่ที่สวนเฉลิมภัทรราชินี ตำบลท่าพี่เลี้ยง อำเภอเมืองฯ จังหวัดสุพรรณบุรี
เวลาเปิด-ปิด : วันจันทร์ – วันศุกร์ เปิดให้บริการเวลา 10.00 น. – 19.00 น. วันเสาร์ – วันอาทิตย์ เปิดถึง 20.30 น.
ใกล้กับจุดชมวิวนี้มีถนนสายหนึ่งชื่อถนนขุนไกร (ชื่อถนนคนเมืองสุพรรณจะเป็นตัวละครในเรื่อง ขุนช้างขุนแผน ทั้ง หมด)ยามเย็นตั้งแต่ 17.00 น. – 23.00 น.จะมีร้านรวงมาตั้งแผงขายอาหารให้เลือกกินกันได้ตามชอบ เป็นที่รู้จักกันดีว่า “ขุนไกรไนต์ฟู้ด”สตรีทฟู้ดที่คนชอบกินไม่ควรพลาดมาลิ้มลอง
ข้าวต้มโกตี๋

ถ้าแวะมาสุพรรณแล้วเกิดหิวขึ้นมาตอนดึก ๆ ร้านข้าวต้มโกตี๋ช่วยคุณได้ นอกจากร้านจะใหญ่โตแล้ว ยังเก่าแก่รู้จักกันดีทั้งจังหวัด มีเมนูอาหารให้เลือกสารพัด ทีเด็ดเริ่มจากข้าวต้มใส่ใบเตยกลิ่นหอม น้ำข้าวข้นกินแล้วนุ่มนวล ตามติดด้วยกับข้าวอย่าง โป๊ะแตกแห้ง ทำจากเครื่องทะเลทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา ชุบแป้งทอด ผัดกับซอสรสเค็มหวานเผ็ด ใส่ใโหระพา
พริกชี้ฟ้าหั่นแฉลบ รสแซ่บถึงใจ เต้าหู้คั่วเกลือ หน้าตาจืด ๆ เหมือนเต้าหู้ทอดธรรมดาผัดมากับต้นหอม แต่เวลากินจะได้รสเค็ม ๆ จากเกลือ หวานจากต้นหอม กินกับข้าวต้มอร่อยดี
ปลาช่อนหวาน ทำจากปลาช่อนแดดเดียวหั่นชิ้นพอคำทอดแล้วเคลือบน้ำตาล ไข่ตุ๋นก็เนื้อเนียนนิ่ม เนื้อหมูที่รองมาด้านล่างก็เนื้อนุ่มไม่กระด้าง ต้มแซ่บเอ็นเนื้อ ก็รสจี๊ดถึงใจ หอมกลิ่นน้ำซุปเนื้อและพริกแห้งคั่ว หรือจะเป็นปลาอินทรีสดทอดราดน้ำซีอิ๊วก็อร่อยไม่น้อย
โป๊ะแตกแห้ง เต้าหู้คั่วเกลือ ไข่ตุ๋น ต้มแซ่บเอ็นเนื้อ ยำปลาดุกฟู ปลาช่อนหวาน ปลาอินทรีทอดซีอิ๊ว ราคากับข้าวเริ่มต้นที่ 40 – 200 บาท
พิกัด : ถนนหมื่นหาญ ฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาลพรชัย
เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน 16.30 น. – 2.00 น.
โทร 0-3550-2793
ก๋วยเตี๋ยวเจ๊เคี้ยม

ก๋วยเตี๋ยวเมืองสุพรรณไม่เหมือนที่อื่น รสชาติก๋วยเตี๋ยวคนเมืองนี้เน้นจืด ๆ ต่อให้เป็นไก่ตุ๋นหรือเป็ดตุ๋นน้ำซีอิ๊วก็จืด ๆ ไม่ได้เค็มหวานจัดอย่างที่คน กทม. คุ้นกัน เน้นให้คนกินมาปรุงเอง แต่ทีเด็ดของก๋วยเตี๋ยวเมืองสุพรรณคือ เส้นบะหมี่สดซึ่งเป็นเส้นกลมใหญ่เกือบเท่าเส้นราเม็ง ปรุงขายกันวันต่อวัน ใครอยากลองชิมให้แวะมาที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ๊เคี้ยม เป็นรถขายก๋วยเตี๋ยวในตลาดเย็นบริเวณถนนขนุไกร ที่เรียกกันว่า “ขุนไกรไนต์ฟู้ด” การันตีความอร่อยตำรับแท้ของบ้านนี้เมืองนี้จากจำนวนคนที่มามุงซื้อกันแน่นขนัด
ความดีงามคือใช้เส้นบะหมี่สดสุพรรณบุรี ถั่วลิสงคั่วใหม่ หมูบะช่อนุ่มเด้ง หากสั่งบะหมี่แห้งจะปรุงมามีรสหวานและหอมถั่วลิสงคั่วสดใหม่หอมๆ มาเติมเค็ม เติมเปรี้ยวกันเองก็อร่อยถูกใจ
บะหมี่แห้งหมูแดง บะหมี่ไก่ตุ๋นชามละ 30 บาท พิเศษ 35 – 40 บาท
พิกัด : ตลาดเย็น ขุนไกรไนต์ฟู้ดใกล้กับหอคอยบรรหาร – แจ่มใส หลังวิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี
เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน 17.00 น. – 21.00 น. (หยุดเฉพาะเวลามีธุระ)
โทร 08-9516-8137
เที่ยวอำเภออู่ทอง ไหว้พระองค์ใหญ่ไปพิพิธภัณฑ์ ก่อนกินข้าวแกงบ้านหนองเสือรสเด็ดแวะครัวต้นตาล

อำเภออู่ทองเป็นเขตเมืองโบราณที่มีหลักฐานค้นพบศิลปะสมัยทวารวดีมากมาย กระทั่งสามารถก่อตั้งพิพิธภัณฑ์อู่ทอง
ให้เข้าไปเยี่ยมชมได้ฟรี นอกจากนี้ขับรถต่อไปอีกไม่ไกลยังมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่แกะสลักบนหน้าผา ซึ่งกำลังก่อสร้าง
สามารถเข้าเยี่ยมชมและร่วมปิดทองพระเกศมาลาก่อนนำไปประกอบกับพระพุทธรูปบนหน้าผาได้
นอกจากจุดเที่ยวทั้งสองจุด อำเภออู่ทองยังมีที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย เช่น ในฤดูหนาวสามารถชมดอกทิวลิปบานและดอกไม้เมืองหนาว ณ ศูนย์พืชเพาะเลี้ยง อำเภออู่ทอง เป็นต้น
อำเภอสองพี่น้อง มอบดอกกุหลาบแดงรำลึกถึงพุ่มพวง ดวงจันทร์ วัดทับกระดาน ชิมของอร่อย

“โลกสุดสวยอันแสนกว้างไกล มวลพิษภัยดูมากมี แต่ชีวิตในโลกทุกชีวี ยังต้องมีดิ้นรน” เสียงหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า
ของราชินีลูกทุ่งจากแผ่นซีดีเปิดขับกล่อมผู้คนที่แวะมาเยือน วัดทับกระดาน อำเภอสองพี่น้องแห่งนี้ ชวนให้นึกถึงวันวานในวันที่คุณพุ่มพวง ดวงจันทร์ ยังมีชีวิตอยู่
หลายคนมาเพื่อระลึกถึงศิลปินในดวงใจ หลายคนมาอธิษฐานขอโชคลาภ โดยจุดไหว้รูปปั้นพุ่มพวงในวัดแห่งนี้นั้นมีทั้งหมด 6 จุด จุดแรกสุดจะสะดุดตาอยู่ตรงศาลากลางน้ำติดกับศาลเจ้าแม่ต้นไทรที่ผูกผ้าสี ๆ ไว้เต็มต้น พอบูชาดอกไม้สด ธูปเทียนทองคำเปลวปิดพระแล้ว จะมีดอกกุหลาบแดงให้นำลงไปไหว้รูปปั้นคุณพุ่มพวง ถัดไปจะอยู่ในบริเวณวัดใกล้ ๆ กัน แนะว่าควรเดินชมให้ทั่วเพราะหุ่นแต่ละตัวจะมีความแตกต่างกันไป
ร้านข้าวแกงครัวหนองเสือ

“เอ๋ย…ย เรื่องฝีมือทำอาหารทานแล้วไม่เบื่อ ก็ต้องบ้านหนองเสือ ติดใจ…” พี่สมใจ แผนสมบูรณ์ 1 ใน 7 แม่ครัวแห่งร้านข้าวแกงเลื่องชื่อร้องเพลงฉ่อยแนะนำร้านให้เราฟังอย่างไพเราะ ร้านข้าวแกงครัวหนองเสือแห่งนี้เป็นการรวมกลุ่มของชาวบ้านเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวแบบชุมชน
แม่ครัวทั้งหมดเป็นคนบ้านหนองเสือแท้วัตถุดิบที่ใช้เป็นของปลอดสารพิษที่ชาวบ้านเลี้ยงและปลูกกันเอง เช่น ไก่ไทย ผักต่าง ๆ ปลาที่ชาวบ้านจับมาได้ เป็นต้น พริกแกงที่ร้านโขลกสดใหม่ทุกวัน เมนูอาหารปรับเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แต่เน้นว่าเป็นอาหารพื้นบ้านเมืองสุพรรณ เช่นแกงป่าไก่ไทยใส่มะเขือเหลืองที่ใช้น้ำซาวข้าวครั้งที่ 2 มาช่วยให้น้ำแกงนั้นข้นโดยไม่ต้องใช้น้ำมัน หรือ ผัดพริกแกงผักบุ้งนาใส่หมูสามชั้น รสมัน เผ็ดเค็ม
แกงเลียงใส่ปลาช่อนนาย่าง รสหวานธรรมชาติจากผักดังที่เพลงฉ่อยของร้านร้องว่า “แกงเลียงเรียบร้อยละก็ไม่น้อยหน้า ใส่ผักทั้งห้า ฉันจะสาธยาย ใส่ข้าวโพดอ่อนและก็ไม่อ่อนนัก ใส่ใบแมงลักหอมชื่นใจ แตงโม ฟักทอง ยอดตำลึง กินแล้วคิดถึงเดี๋ยวต้องมาใหม่…” และอีกสารพัดเมนูพื้นบ้านที่ควรลิ้มลอง
นอกจากอาหารรสเด็ดแล้วที่ร้านแห่งนี้ยังเป็นศูนย์เรียนรู้งานหัตถกรรมจักสาน และมีร้านจำหน่ายเพื่อส่งเสริมภูมิปัญญา
เอาไว้ ซึ่งหากใครต้องการเข้ามาเรียนรู้ก็แจ้งกับทางร้านเพื่อจัดเวลามาเรียนรู้วิถีชาวบ้านของชาวหนองเสือได้
อ้อ…ลืมบอกไปว่า กับข้าวร้านนี้ถ้ามาไม่ทัน 9.00 น. อาจจะหมดอดกิน จึงแนะว่าควรโทร.จองก่อน
แกงเผ็ดไก่ไทย แกงเลียง ผัดพริกแกงผักบุ้งนา ต้มกะปิปลาสามรส น้ำพริกปลาร้า แจ่วหมูพริกแห้ง ต้มซุปซี่โครงวัว ต้มยำกระดูกหมู ผัดเผ็ดปลาดุก แกงเผ็ดหน่อไม้ดองหมูเด้ง ไข่พะโล้ขาหมู ห่อหมกปลาช่อน ทอดมันหัวปลี ต้มโคล้งปลาเค็มใส่ใบมะขามอ่อนแบบโบราณ
ข้าวราดแกงกับข้าว 1 อย่าง เริ่มต้นที่ 30 บาท 2 อย่าง35 บาท กับข้าวตักถุงเริ่มตักที่ 30 บาท
พิกัด : อำเภออู่ทอง หากมาจากตัวเมืองสุพรรณบุรี ขับรถมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองอู่ทองร้านจะอยู่ติดถนนใหญ่ฝั่งซ้ายมือต้องกลับรถมา จุดสังเกตคือหน้าร้านจะมีจักรยานไม้คันโต ข้างกันมีร้านขายเครื่องจักสาน
เวลาเปิด-ปิด : 5.30 น. – 14.00 น. แต่ส่วนใหญ่ขายหมดตั้งแต่แต่ 9.00 น. หากของหมดสามารถมาที่ร้านแล้วสั่งเป็นอาหารตามสั่งรับประทานได้
โทร 08-1196-4240, 08-9969-3201
ครัวต้นตาล
อำเภอสองพี่น้องมีร้านอาหารอร่อยเลื่องชื่ออยู่ร้านหนึ่งขายมายาวนานกว่า 30 ปี นั่นก็คือ ร้านครัวต้นตาลแห่งนี้ เจ้าของร้านคือคุณรัชนี ชื่นสุขอุรากุล ลงมือปรุงอาหารเองมีโต๊ะเพียงราว ๆ 9 โต๊ะ เมนูส่วนใหญ่เป็นอาหารไทยที่เริ่มปรุงรสหวานลงในอาหารบ้างนิด ๆพอให้รสอาหารกลมกล่อม ใช้วัตถุดิบทั้งของพื้นถิ่นและบางอย่างสั่งมาจากจังหวัดนครปฐม
เมนูเด็ดแนะให้สั่ง ลูกชิ้นปลากรายลวก เนื้อหนึบติดสปริงกินกับน้ำจิ้มรสหวานเปรี้ยวเผ็ด แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย ใส่ถั่วฝักยาวและมะเขือพวงรสเค็มนวล ๆ หวานกะทิ ไม่เผ็ดมาก ราดข้าวแล้วอร่อย ผัดวุ้นเส้น ก็ผัดมาดูชุ่มฉ่ำแต่ไม่เละ ใส่กุ้งทั้งตัว ต้นหอม แครอต ขึ้นฉ่าย และไข่ไก่ รสเค็มหวานกินกับข้าวอร่อย ลาบปลาช่อน ทอดมาทั้งตัวกรอบนอกนุ่มในราดน้ำลาบกึ่งยำรสหวาน เค็ม เปรี้ยวเผ็ด หอมข้าวคั่ว พร้อมผักสมุนไพรซอยหลากชนิด หลนกุ้งสด หั่นเนื้อกุ้งเป็นชิ้นใส่หมูสับของร้านก็ใช้ได้ รสจะติดหวานสักหน่อย เค็มนิด ๆ กินราดข้าวแนมผักแล้วอร่อยดี
ราคาอาหารเริ่มต้นที่ 100 บาท
พิกัด : ใกล้ท่ารถเทศบาลอำเภอสองพี่น้อง ติดกับโรงเจ(ติดแม่น้ำ) สามารถจอดรถในโรงเจแล้วเดินมาร้านได้
เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน 11.00 น. – 21.00 น. ครัวปิด 20.00 น. ลานจอดรถบริเวณโรงเจที่ติดกันปิดประตูเวลา 18.00 น.
โทร 0-3553-1107, 08-4085-7447
ขนมสาลี่แม่บ๊วย

การันตีว่าขนมสาลี่แม่บ๊วยนั้นอร่อยเด็ดจริง เนื้อขนมนั้นฟูหนา นุ่ม เด้ง ไม่ยุ่ย ไม่มีกลิ่นสารเสริมมากมาย รสใบเตยสีเขียวจะหอมกลิ่นใบเตย หากเป็นรสกลิ่นนมแมวสีชมพูก็จะหอมกลิ่นนมแมวอ่อนๆ แบบคลาสสิก รสกาแฟสีน้ำตาล
แค่ฉีกถุงกลิ่นกาแฟสดก็เตะจมูกกันเต็ม ๆ บอกได้เลยว่าของเขาเด็ด ของเขาดีจริง ๆ
นอกจากขนมสาลี่แล้ว อย่าลืมซื้อขนมแห้ว ขนมกล้วย และครองแครงกรอบของที่ร้านด้วย เดี๋ยวพลาด
ของอร่อยแล้วจะหาว่าไม่บอก
ขนมสาลี่ถุงละ 40 บาท ขนมแห้วขนมกล้วย กล่องละ 25 บาท
พิกัด : เทศบาลตำบลโคกครามอำเภอบางปลาม้า ฝั่งตรงข้ามร้านกุ่ยหมง
เวลาเปิด-ปิด : วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 9.00 น. – 17.00 น. วันเสาร์ – วันอาทิตย์ 9.00 น. – 18.00 น.
โทร 0-3558-7077
เยือนตำนานความอร่อยเมืองสุพรรณ ณ อำเภอบางปลาม้า ร้านกุ่ยหมง


ตำนานความอร่อยของเมนู “กุ้งแม่น้ำทอดเกลือ” เนื้อหนึบ รสเค็มนวล หอมมันกุ้ง ที่ใครก็ทำไม่เหมือน คุณศุภชัย วทาทิยาภรณ์ (เอี้ยง) เจ้าของร้านยุคปัจจุบันวัย 67 ปี (บุตรชายคนที่ 6) เล่าให้ฟังว่าร้านนี้ก่อตั้งโดยนายจือกุ่ย แซ่ลี้ ซึ่งมาจากจีน โดยให้ภรรยาคือ นางหลิน แซ่ลี้ เป็นแม่ครัว และที่ร้านก็ยังยึดธรรมเนียมนี้ไว้คือ ผู้ปรุงอาหารจะเป็นผู้หญิงในบ้าน
“เราจะปรุงสูตรพ่อแม่ ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย วัตถุดิบที่ใช้ก็ใช้ของไทย เช่น กุ้งแม่น้ำจะเป็นกุ้งธรรมชาติสั่งจากแม่น้ำ
ตาปี และทะเลสาบลำปำ จังหวัดพัทลุง เพราะเนื้ออร่อย ต่อให้ตัวใหญ่แค่ไหนก็ยังนุ่มหนึบไม่เหนียวเหมือนกุ้งต่างประเทศ ปลาม้าต้องสั่งจากอยุธยา เห็ดโคนใช้เฉพาะของสุพรรณบุรีเท่านั้น ปลาเนื้ออ่อนและปลากรายสั่งจากบ้านแพน อยุธยา จึงดี”
กุ้งทอดเกลือ ที่นี่ไม่เหมือนใคร เพราะเป็นต้นตำรับ เนื้อกุ้งนั้นหนึบนุ่ม น้ำมันทอดกุ้งที่ใส่ลงในจานนั้นหอมกลิ่นมันกุ้งชัดเจน ไม่มีใครทำได้เหมือน จุดนี้ฉันการันตีว่าจริง ส่วนทางร้านเขาปรุงอย่างไรอันนี้เป็นความลับ
นอกจากนี้อาหารต่าง ๆ ของที่ร้านก็อร่อยชวนนึกถึงวันวาน เช่น เห็ดโคนผัดน้ำมันหอย มีกลิ่นรสแบบภัตตาคารจีนดั้งเดิม หรือ ข้าวผัดกุ้ง ใส่ซีอิ๊วดำ เนื้อและมันกุ้งแม่น้ำนุ่ม ๆ หอม ๆ หรือ ผัดกะเพราเนื้อปลากรายกระเทียมโทน ก็ทั้งหอม รสเผ็ดร้อนพอดี กินกับข้าวเจริญอาหารอย่างยิ่ง ปลาม้าทอดราดพริกก็ทอดได้เยี่ยม กรอบฟูด้านนอกเนื้อในนุ่ม ราดซอสสีแดงรสหวานเปรี้ยวเค็มเผ็ด อร่อยล้ำ
กุ้งทอดเกลือราคาขึ้นอยู่กับขนาด เริ่มต้นที่ตัวละ 500 – 2,000 บาท (ตัวละ 8 ขีด)
แต่ละวันไม่ได้มีทุกขนาดจึงควรโทรศัพท์สอบถามและสั่งจองไว้ (ภาพกุ้งทอดเกลือในจาน ราคาตัวละ
800 บาท คือ ขนาดประมาณ 5 ตัวต่อกิโลกรัม) อาหารอื่น ๆ เริ่มต้นที่ 80 – 300 บาท
พิกัด : เทศบาลตำบลโคกคราม อำเภอบางปลาม้า ติดกับธนาคารออมสิน
เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน 10.30 น. – 15.00 น.
โทร 0-3558-7256, 08-9515-1302, 09-7159-4246
เรื่อง : สิทธิโชค ศรีโช ภาพ : พีระพัฒน์ พุ่มลำเจียก
#ACuisine #เอควิซีน #CherryKitCook
อยากกิน อยากฟิน อยากทำ อย่าลืมติดตาม A Cuisine (เอควิซีน)
📌Website: https://goodlifeupdate.com/healthy-food
📌Messenger : http://m.me/AcuisineTH
📌Instagram : www.instagram.com/acuisine.th/
📌Pinterest : www.pinterest.com/AcuisineTH/