ณ ตลาดคลองถม ตลาดนัดชื่อดังที่มีสินค้าราคาประหยัดให้เลือกมากมาย หนึ่งในสินค้าขายดีของที่นี่คือ “ร้านไอศครีมเมืองไทย” ที่ครองใจนักช็อปมานานกว่า 30 ปี
คุณไชยณรงค์ วรวุฒิคชานนท์ เจ้าของบริษัทไอศครีม เมืองไทย จำกัด เผยที่มาของบริษัทให้ฟังว่า
“เมื่อประมาณ 30 ปีก่อน ผมทำงานเป็นช่างทำทองและขี่มอเตอร์ไซค์ส่งหนังสือพิมพ์เป็นอาชีพเสริม พอประสบอุบัติเหตุรถชน ผมต้องออกจากงานทั้งสองอย่าง ตอนนั้นมืดแปดด้าน เงินเก็บก็เหลือน้อย แถมความรู้ก็แค่ชั้น ป.4เดินไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ
“ระหว่างที่กำลังคิดอะไรไม่ออก ผมมองไปเห็นร้านรถเข็นขายไอศกรีมแล้วเกิดความคิดว่า ร้านไอติมนี่ดีนะ ไม่ว่ายังไงก็ขายได้ เพราะบ้านเราเป็นเมืองร้อน ลองสมัครเป็นคนขายไอติมดีกว่า น่าจะพอประทังชีวิตได้ เดินเข็นรถไอติมขายไปเรื่อย ๆ เหนื่อยก็นั่งพัก พอหายเหนื่อยค่อยเข็นขายต่อ
“ผมจึงไปสมัครเป็นพนักงานขายไอศกรีม เดินเข็นรถไอศกรีมทั้งวันอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย จุดที่ขายดีที่สุดคือแถวสนามหลวง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังได้เงินน้อย ชักหน้าไม่ถึงหลัง แม้จะใช้เงินอย่างประหยัดเพียงใดก็ตาม ไม่นานผมก็คิดได้ว่าถ้าอยากมีเงินมากกว่านี้ต้องมีกิจการเป็นของตัวเอง”
เส้นทางของเจ้าของกิจการวุฒิ ป.4 ไม่ใช่เรื่องง่าย
“ผมไม่มีความรู้ด้านการทำไอศกรีมเลย โชคยังดีที่ผมมีนิสัยนอบน้อมและคุยสนุก ผู้ใหญ่จึงเมตตา หลายคนช่วยชิมช่วยแนะนำ อีกหลายคนบอกให้ผมลองไปขอสูตรจากร้านไอศกรีมที่ขายดี บางร้านผมแบกหน้าไปเป็นลูกมือเขานานนับปีกว่าจะได้เคล็ดลับการทำไอศกรีมมา จนในที่สุดผมก็มีร้านไอศกรีมรถเข็นเป็นของตัวเอง แม้จะเป็นเพียงรถเข็นเล็ก ๆ แต่ผมก็ภูมิใจ
“ร้านรถเข็นของผมตั้งขายประจำอยู่ที่ตลาดคลองถม สมัยนั้นย่านนี้ไม่ค่อยมีร้านขายไอศกรีม ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าแม่ค้า หรือไม่ก็เป็นคนที่เดินผ่านไปมา คนใจดีหลายคนช่วยกันติว่าส่วนผสมน้อยไป หรือรสชาติยังไม่เข้มข้น ผมน้อมรับทุกคำติและนำมาปรับปรุงจนรสชาติของไอศกรีมเริ่มถูกปากลูกค้ามากขึ้น
“ผ่านไปหลายปีผมมีลูกค้าขาประจำมากขึ้นเรื่อย ๆ จากที่เคยขายได้วันละ 1 ถัง ก็เพิ่มเป็น 2, 4 และ 6 ถัง ผมขายทุกวันไม่มีวันหยุด และเริ่มรับรับสมัครพนักงาน จนทุกวันนี้ผมเปิดขายแฟรนไชส์และมีโรงงานผลิตไอศกรีมเป็นของตัวเอง”
ยิ่งได้ ยิ่งต้องให้! คือสโลแกนสำคัญในการใช้ชีวิตของคุณไชยณรงค์
“ประมาณ 5 ปีก่อน ผมตั้งใจว่าจะคืนกำไร คืนความสุขให้ลูกค้า จึงจัดโครงการเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า “เจ้าของวันเกิดกินไอศกรีมฟรี!” ขึ้นเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้ลูกค้าทุกคนที่เข้ามาในร้าน จนทุกวันนี้ก็ยังคงแจกไอศกรีมให้ลูกค้าทุกวัน รวมแล้วหลายร้อยถัง แต่ผมไม่เคยรู้สึกเสียดาย กลับมีความสุขมากมิหนำซ้ำถ้าวันไหนที่แจกน้อย ผมยังนึกเสียใจด้วยซ้ำ
“ส่วนวันเกิดในปีนี้ ผมถือโอกาสทำบุญทำทานยิ่งใหญ่กว่าเคย วันนั้นผมแจกทั้งไอศกรีม ซีดีบทสวดคาถาชินบัญชรให้ลูกค้าทุกคน และแจกพระเครื่องให้ลูกค้าขาประจำ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ เพราะผมเชื่อว่าการมอบพระคือการมอบความปรารถนาดีและเป็นบุญอันประเสริฐสุด
“ทุกครั้งที่เป็นผู้ให้ ผมสังเกตเห็นแววตาแห่งความสุขของผู้รับเสมอ เพียงเท่านี้ผมก็มีความสุขและรู้สึกภาคภูมิใจมากแล้ว”
เรื่อง ชลธิชา แสงใสแก้ว ภาพ วรวุฒิ วิชาธร