ศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง

วันเดียวก็เที่ยวได้ : ชมฟาร์ม เพาะเห็ด เก็บผักสด ท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ ศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง จังหวัดอ่างทอง

เพลิดเพลินกับธรรมชาติและภูมิปัญญาไทยที่ศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง จังหวัดอ่างทอง วันเดียวก็เที่ยวได้ ไม่ต้องง้อวันลา

หากนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดอ่างทอง หลายคนคงนึกวัดที่สวยงามและมีประวัติศาสตร์ยาวนานอย่าง “ วัดขุนอินทประมูล ” ที่มีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ หรือพระพุทธรูปในท่าบรรทมขนาดใหญ่ “ วัดม่วง ” ที่มีพระพุทธรูปปางมารวิชัย สีทองเรืองรอง ที่มีความสูงถึง 95 เมตร ประดิษฐานอยู่ หรือถ้าใครที่ชื่นชอบการช้อปปิ้ง เดินเล่น ชมสินค้าพื้นบ้าน ก็มี “ตลาดวิเศษชัยชาญ” หรือ “ ตลาดศาลเจ้าโรงทอง ” ให้สามารถแวะมาเดินเล่นได้ แต่คุณทราบหรือไม่ว่าที่จังหวัดอ่างทองนี้ ยังมีอีกหนึ่งสถานที่ที่นอกจากเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรแล้ว ยังช่วยเสริมอาชีพให้ราษฎรตามแนวพระราชดำริอีกด้วย สถานที่ที่จะพาทุกคนไปเที่ยวในวันนี้ก็คือ ” ศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง และโครงการฟาร์มตัวอย่างตามแนวพระราชดำริบ้านยางกลาง ‘” นั่นเอง

 

ศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทองและโครงการฟาร์มตัวอย่างตามแนวพระราชดำริบ้านยางกลาง

ตั้งอยู่ที่ตำบลสีบัวทอง อำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง

 

ศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง จุดเริ่มต้นของการสร้างอาชีพ

จุดเริ่มต้นของ ศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง เริ่มต้นจากเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ที่ จังหวัดอ่างทอง เมื่อปี พ.ศ. 2549 ทำให้ราษฎรจำนวนมากไม่สามารถประกอบอาชีพในที่ดินของตนเองได้ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 จึงทรงก่อตั้งศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทองและโครงการฟาร์มตัวอย่างตามแนวพระราชดำริบ้านยางกลางขึ้นเพื่อส่งเสริมอาชีพให้ราษฎร

 

วันนี้ Goodlifeupdate ขอพาทุกท่านไปเพลิดเพลินกับธรรมชาติ ทำกิจกรรมเชิงเกษตรสนุกๆ พร้อมชมโครงการฟาร์มตัวอย่างตามแนวพระราชดำริกันค่ะ

 

เก็บ “ลูกหม่อนสด” พร้อมรับประทาน

หลังจากได้ฟังการบรรยายถึงจุดเริ่มต้นและความสำคัญของศูนย์ศิลปาชีพแห่งนี้แล้ว กิจกรรมแรกที่อยากให้ทุกคนได้มาลองสัมผัสด้วยตนเองคือ การหิ้วชะลอมใบจิ๋วเดินเก็บลูกหม่อน เก็บไป กินไป ลูกหม่อนหวานอมเปรี้ยวกำลังดี ทั้งอร่อยและสนุก

ต้นหม่อนที่นี่ปลูกอยู่ในฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริ โดยจะปลูกให้ 1 ต้น มีกิ่งประมาณ 7-9 กิ่ง รักษาขนาดต้นให้เตี้ยๆ เอาไว้ จะได้สะดวกในการเก็บเกี่ยว และสามารถเก็บได้ปีละ 2 ครั้ง

ศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทองศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง

 

ฝึกกล้ามเนื้อแขนกับการโยนต้นกล้าข้าวใน “นาโยน”

ศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทองมีพื้นที่ประมาณ 1,000 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่สำหรับทำฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริประมาณ 720 ไร่ หนึ่งในพื้นที่เกษตรกรรมที่อยากพาทุกคนไปเรียนรู้ร่วมกันคือ “นาข้าว”

ศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทองศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง

ช่วงที่ Goodlifeupdate ไปท่องเที่ยวที่นี่นั้น เป็นช่วงเวลาที่ชาวนากำลังทำ “นาโยน” อยู่พอดี  วิธีการก็คือ เริ่มจากเพาะต้นกล้าข้าวในกระบะเพาะกล้าเล็กๆ ก่อน รอจนต้นข้าวงอกออกมา จึงค่อยย้ายมาปลูกในนาข้าว

แต่จะค่อยๆ จิ้มต้นข้าวลงไปในนาทีละต้นก็จะเหนื่อยและใช้เวลามาก เลยเกิดเป็นวิธีการที่ง่าย รวดเร็ว และสนุกกับการทำนามากขึ้น นั่นคือ.. “การทำนาโยน

การทำนาโยนนี่ก็ตามชื่อเลยค่ะ เป็นการโยนต้นกล้าข้าวลงไปในนาตรงๆ โดยเน้นการโยนให้กล้าข้าวลอยขึ้นไปสูงๆ กลางอากาศ กล้าข้าวจะได้กระจายห่างกัน และหันด้านรากดิ่งลงสู่ผืนนาตามแรงโน้มถ่วงโลก

ศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทองศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง

ถึงกล้าข้าวจะลงไปนอนระเกะระกะในน้ำ แต่ใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน กล้าข้าวเหล่านี้ก็จะตั้งตรงขึ้นมาได้เอง อดใจรออีกเพียง 3 เดือนก็พร้อมเก็บเกี่ยวแล้วค่ะ

 

เก็บผักสดกลับบ้านที่แปลงผักปลอดสารพิษ

ที่นี่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เรียนรู้วิธีการทำปุ๋ยมูลไส้เดือนโดยการผสมไข่ไก่ ผงชูรส และน้ำปลาเข้าด้วยกัน จนได้เป็นปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพดี ที่เหมาะแก่การเจริญเติบโตของพืช และสะอาด ปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค ก่อนที่จะนำปุ๋ยที่ได้มาปลูกผัก ซึ่งเราสามารถเดินชมแปลงผัก และเลือกเก็บผักสดกลับไปประกอบอาหารที่บ้านได้เลย

 

หวานเย็น คลายร้อน กับไอศกรีมน้ำสมุนไพร

ศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทองศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง

 

อุ้มตะกร้าชมเรือนเพาะเห็ด เก็บเห็ดหลากสายพันธุ์

หลายคนคงเคยกินเห็ด หลายคนอาจชื่นชอบเมนูอาหารที่มีเห็ดเป็นส่วนประกอบ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เคย “เก็บเห็ด” ด้วยตัวเอง

ที่นี่เปิดโอกาสให้ทุกคนเรียนรู้วิธีการเพาะเห็ด ตั้งแต่ขั้นตอนการใส่เชื้อเห็ดลงในอาหาร และชมการทำโรงเรือนสำหรับเพาะเห็ดอย่างใกล้ชิด โดยมีเห็ดหลากหลายสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็น เห็ดหูหนู เห็ดนางรมฮังการี เห็ดนางฟ้าภูฐาน ให้เลือกชมและเก็บด้วยมือของเราเอง นำกลับบ้านไปประกอบอาหารได้เต็มที่เลยค่ะ

เพาะเห็ด

เพาะเห็ด

 

เมนูปลอดสารพิษ อิ่มอร่อย สุขภาพดี

หลังจากที่ร่วมกิจกรรมสนุกๆ มาตลอดช่วงเช้า ก็ถึงเวลารับประทานอาหารกลางวัน อาหารกลางวันของที่นี่จัดมาในปิ่นโตเถาใหญ่ สวยงาม น่ารับประทาน ทั้งอาหารคาวและหวานซึ่งนำผลผลิตทางการเกษตรจากฟาร์มตัวอย่างมาปรุงด้วยกรรมวิธีที่ใส่ใจต่อสุขภาพ

ไม่ว่าจะเป็น ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ผสมแครอท ข้าวโพด และถั่วฝักยาว หอมอร่อย สีสวยน่ากิน ก๋วยเตี๋ยวลุยสวนที่เต็มไปด้วยผักสดใหม่ หวานกรอบอร่อย หมูย่างจิ้มน้ำจิ้มแจ่วรสแซ่บ และลาบหมู มันน้อย เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพ และกล้วยบวชชีหอมหวาน

หากรู้สึกคอแห้งก็มีทั้งน้ำสมุนไพร และนมแพะพร้อมดื่มเย็นชื่นใจ ดับกระหาย คลายร้อนตอนกลางวัน

 

ศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทองศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง

ของกินเล่นอย่างเห็ดทอด ดอกไม้ทอด และเห็ดย่างหอมอร่อย กรุบกรอบ ก็มีพร้อมเสิร์ฟอยู่ตลอด เป็นเมนูแนะนำที่อยากให้ทุกคนได้ลองชิม เห็ดสดใหม่ ย่างหอมๆ ราดด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ด อร่อยติดใจจนหยุดกินไม่ได้เลย

ศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทองศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง

เมนูสุขภาพเหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิตแต่ละฤดู ล้วนแล้วแต่สด สะอาด ดีต่อสุขภาพ และเก็บเกี่ยวมาจาก สามารถรับประทานได้ถึง 3-4 คน เลยทีเดียว

 

โรงผลิด “กระดาษข่อย” แห่งเดียวในประเทศไทย

กิ่งข่อย นอกจากจะใช้แปรงฟันแล้ว ยังสามารถนำมาทำกระดาษได้อีกด้วย

อีกหนึ่งงานฝีมือที่ทรงคุณค่าของ ศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง คือ การผลิตกระดาษข่อย ซึ่งมีที่ ศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง แห่งนี้เพียงแห่งเดียวในประเทศไทย ก่อนที่จะนำกระดาษข่อยมาทำเป็นหัวโขน โดยเราสามารถร่วมทำกระดาษข่อยในทุกขั้นตอน และชมได้อย่างใกล้ชิด ตั้งแต่ขั้นตอนการฉีกเยื่อข่อยออกจากกิ่ง นำเยื่อข่อยไปทุบให้ละเอียด ผสมน้ำ เทลงบนพิมพ์ รีดน้ำออก ตากไว้จนแห้ง รีดให้เรียบเป็นแผ่น เคลือบแป้งเพื่อให้พร้อมใช้งาน เวลาขีดเขียนลงไป น้ำหมึกจะได้ไม่ซึมกระจายจนเขียนไม่สวยงาม ไปจนถึงการนำกระดาษข่อยมาทำเป็นหัวโขน และลงสีจนได้เป็นหัวโขนที่เสร็จสมบูรณ์สวยงาม 

พี่ๆ ที่นี่ใจดีมากค่ะ เราสามารถร่วมดู ร่วมทำกับพี่ๆ ได้เลย หากมีข้อสงสัย ก็มีอาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญพร้อมอธิบายความรู้ให้อย่างเต็มที่

ศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง

 

สืบสานภูมิปัญญา “ผ้าทอมือ” และ “เซรามิก”

ศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง ยังมีการอนุรักษ์การทอผ้า เย็บปักผ้า รวมไปถึงดูกรรมวิธีการผลิตเครื่องปั้นดินเผา และเซรามิกทุกขั้นตอน ทั้งวิธีการปั้นด้วยมือ ซึ่งดูเหมือนง่าย แต่ที่จริงแล้วไม่ง่ายอย่างที่คิด! ใครที่แวะมา อย่าลืมมาลองปั้นดินกันดูนะคะ แล้วจะรู้ว่าภาชนะดินเผาแต่ละชิ้นนั้นไม่ได้ทำขึ้นมาง่ายๆ เลย

นอกจากการปั้นมือแล้ว ที่นี่ก็ยังมีเครื่องขึ้นรูปเซรามิกที่สามารถผลิตชิ้นงานเซรามิกสวยๆ อย่างแก้วกาแฟ ได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาทีอีกด้วย

ศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง

ศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง

ปิดท้ายกิจกรรมในวันนี้ด้วยการโชว์ฝีไม้ลายมือในการเพ้นท์ถ้วยเซรามิกด้วยตัวเอง วาดเสร็จแล้วอย่าลืมจดชื่อที่อยู่เอาไว้ด้วย เดี๋ยวพี่ๆ เขาจะนำถ้วยเซรามิกของเราไปเผาและเคลือบเป็นถ้วยที่สวยงาม จัดส่งไปให้ถึงที่บ้านเลยค่ะ รับรองว่าถ้วยใบนี้มีใบเดียวในโลกไม่ซ้ำแบบใครแน่นอน

 

มาร่วมเรียนรู้งานหัตถกรรมและการเกษตรตามแนวพระราชดำริกันได้ที่ ศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง และโครงการฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริบ้านยางกลาง รับรองว่าได้ทั้งความสนุก ความรู้ และมิตรภาพดีๆ ที่แสนอบอุ่นหัวใจกลับไอย่างแน่นอนค่ะ

 

ศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง และโครงการฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริบ้านยางกลาง ต.สีบัวทอง อ.แสวงหา จ.อ่างทอง เปิดให้เข้าชมทุกเสาร์ที่ 1 และ 3 ของเดือน ตั้งแต่เดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป

 

จำกัดจำนวนผู้เข้าชม วันละ 30 คน

ผู้ใหญ่ ราคา 799 บาท

เด็ก อายุ 3-12 ปี ราคา 599 บาท

เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี เข้าชมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

 

ติดตามข่าวสารและสอบถามรายละเอียดการท่องเที่ยวได้ที่ ศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง Sibuathong Support Foundation Center

โทรศัพท์ 0-2225-9420, 0-2225-9430 ต่อ 0, 223, 140

 

ขอขอบคุณ พิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สำหรับกิจกรรมท่องเที่ยวที่ทั้งสนุกและได้ความรู้ครั้งนี้ค่ะ

 

 

บทความที่น่าสนใจ

1 Day Trip: ชวนออเจ้าไปตามรอย บุพเพสันนิวาส วันเดียวก็เที่ยวลพบุรีได้

พักรบ พบพระใหญ่ เส้นทางสายศรัทธา อยุธยา – อ่างทอง

© COPYRIGHT 2024 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.