อันยองฮาเซโย… วันนี้กิมจิจะพาไปทำเมนู กิมจิ!! สไตล์เกาหลี โดยครู Stella ซึ่งเป็น Workshop ในงาน Good Life Fair นั่นเอง ไปๆ มาๆ ดันมีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมนี้อย่างไม่ทันตั้งตัว เป็นประสบการณ์ที่ทุลักทุเลนิดหน่อยสำหรับสาวสายกินอย่างกิมจิ เพราะส่วนใหญ่จะกินลูกเดียว ทำอาหารบ้างครั้งคราวตามอารมณ์งิ
คุณครู Stella นักธรรมชาติบำบัดที่ใส่ใจเรื่องอาหารและสุขภาพด้วยวิถีธรรมชาติมาเป็นคนสอนทำวันนี้
คุณครู Stella สุดสวยของเรากำลังพูดถึงขั้นตอนการปรุงน้ำซอสที่จะมาทำกิมจิ
แต่วันนี้ได้ทำร่วมกันกับเพื่อนๆ เลยสนุกและได้รับความรู้มากมายที่เฮ้ยไม่เคยรู้มาก่อนว่ากินกิมจินั่นมีสารแอนตี้ไบโอติก (Anti-Biotic) ที่ช่วยยับยั้งแบคทีเรียไม่ดีเติบโตขึ้นภายในลำไส้ของเรา และช่วยระบบย่อยได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีวิตามินซีสูง จะทำให้ผิวพรรณดีขาวใส แบบสาวเกาหลี อุ๊ต๊ะ! รีบกลับไปซื้อไฮดองกิมจิใบใหญ่เท่าโอ่งแดงเลยจ้า มีความอยากสวยใสผุดผ่องเป็นยองใย เอาล่ะเราไปดูฝีมือการทำกิมจิและบรรยากาศในห้องเรียนกัน
นั่งที่เรียบร้อยพร้อมอุปกรณ์ที่ต้องใช้
เริ่มค่ะ!! ก่อนอื่นเราก็มาเตรียมอุปกรณ์กัน ดังนี้คือ ชามใหญ่สำหรับคลุกกิมจิ ถุงมือ เกลือ แป้งข้าวเหนียวที่ทำการละลายและทำให้สุกมาแล้ว พริกเกาหลี น้ำเปล่า แครอท ต้นหอม หัวไชเท้า กระเทียม ขิง สาลี่ และขาดไม่ได้คือผักกาดขาว นางเอกของงาน
ขั้นตอนต่อมาทำการหั่นผักกาดเผื่อเวลานวดผักกับน้ำเกลือจะได้ง่าย หรือใครที่ถนัดทำทั้งหัวใหญ่ๆ ก็ได้ไม่ว่ากันตามถนัดเลย และก็หั่นผักอื่นๆ เตรียมเอาไว้ อ่อ! สาลี่นั้นจะเอาไว้ใส่ในซอสจำเป็นต้องสับหยาบๆ เพื่อเพิ่มความหวานอร่อยให้กับซอสกิมจิ
จากนั้นเทน้ำกับเกลืออัตราส่วนเกลือ 1/4 ช้อน กับน้ำ 1 แก้ว ลงในชามแล้วนำผักที่หั่นลงไปนวดให้น้ำเกลือซึมเข้าไปในผักให้ทั่ว ไม่ต้องกล้วว่าใส่เกลือเยอะแล้วจะเค็มนะเพราะเดี๋ยวน้ำผักออกมารสชาติก็จะอ่อนลง ตอนแรกกิมจิก็กลัวว่าเอ๋นวดไปผักมันจะช้ำหรือเปล่า ครูบอกว่าไม่ต้องกลัวนวดไปเลยจนกว่าน้ำผักจะออกมา เราก็บีบๆ จนผักเริ่มใสถือว่าใช้ได้ สังเกตดูสีของผักที่นวดได้ที่จะเหมือนผักลวกเลยนะ [ไม่เละเท่าไหร่ 55 ในรูปฝีมือกิมจิเอง] เลยนึกขึ้นได้ว่าเฮ้ย! เหมือนวิธีทำส้มผักแถวภาคอีสานเลยนวดผักกับเกลือจนเป็นน้ำแบบนี้โอเคนั่นคือกิมจิอีสานนั่นเอง
ดูเละไปมั๊ยฝีมือเค้าเอง ภาพเบลอได้อีก!
พอเรานวดจนได้ทีแล้ว ใส่หัวไชเท้าแครอทตามลงไปนวดอีกแป๊บพอได้ที่แล้วบีบเอาน้ำออกให้มากที่สุดแล้วพักเอาไว้จากนั้นเรามาปรุงน้ำซอสหมักกิมจิกันต่อ
เริ่มด้วยการเอาแป้งข้าวเหนียวที่เราเอาไปอุ่นไฟจนได้เนื้อข้นเหมือนกาว (แป้งจะใช้อัตราส่วนแป้ง 1 ช้อนโต๊ะ กับน้ำ 1 ถ้วย เอามาต้ม) แล้วรอให้เย็นเทลงในชามผสม ใส่กระเทียมที่สับหยาบๆ 1/2 ช้อนโต๊ะ ขิง 1 ช้อนโต๊ะ พริกเกาหลี (พริกเกาหลีนี้จะมีความหอมรสหวานกว่าพริกของไทยเวลาเอามาตากแห้งพริกของไทยจะออกรสชาติขมเลยต้องใช้พริกเกาหลีถึงจะดีที่สุดหาซื้อได้ตามแมคโครก็ได้) และสุดท้ายใส่สาลี่สับหยาบๆ ตามลงไปเพื่อแทนการใส่น้ำตาลแล้วจะได้ความหอมหวานของผลสาลี่เป็นแบบธรรมชาติฝุดๆ แต่ถ้าไม่มีครูบอกว่าใส่แอปเปิ้ลแทนก็ได้ อร่อยเหมือนกัน
คลุกให้ทั่ว ถ้ากลัวรสไม่เข้มข้นเติมซอสกิมจิลงไปเพิ่มก็ได้นะ
พอเราได้ซอสกิมจิแล้วมาถึงขั้นตอนการคลุกกันแล้ว ตักซอสได้ตามความต้องการเลยว่าอยากได้รสเข้มขนาดไหนตามชอบเลยจ้า ส่วนตัวกิมจิชอบรสจัดๆ เน้นๆ เลยใส่เยอะหน่อย พอคลุกส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันแล้วตักใส่โหลเลย
สีสันน่ากินมากรับรองอร่อย กิมจิฝีมือยัยกิมจิ
กิมจิโหลนี้ต้องเก็บไว้ที่อุหภูมิห้องและที่ที่มีแสงน้อยประมาณ 3-5 วันแล้วแต่ขนาดของภาชนะที่ใส่และอากาศด้านนอกด้วยถ้าถึงวันที่ 3 แล้วลองเปิดออกมาชิมว่าเปรี้ยวได้ที่หรือยังถ้ายังก็เก็บต่ออีกหน่อยถึงจะกินได้นะเออ อายุของกิมจิหลังจากที่ได้ทีแล้วจะอยู่ได้อีกประมาณ 1 เดือน ถ้าหลังจากนั้นประโยชน์จะน้อยลงนะจ๊ะ เพราะแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายของเราบางตัวมีอายุจะสั้นเพราะงั้นไม่ควรเกิน 1 เดือนจะดีที่สุดจ้า อันนี้ครูบอกมา อยากสวยสุขภาพดีก็ต้องยอมค่ะเผลอๆ หมดตั้งแต่วันที่ 7 เลยก็ได้เนอะ
สำเร็จ!!!! มันดีงามมากพูดเลย โอปป้ารีบมาขอด่วนสวยและทำกิมจิได้ ^^
ทั้งหมดนี้เป็นขั้นตอนการทำกิมจิและทริปเล็กๆ น้อยๆ ที่ได้จากการได้เข้าทำ Workshop ดีๆ มีประโยชน์ที่ Health&Cuisine จัดขึ้น ครั้งหน้าถ้าเพื่อนๆ คนไหนสนใจอยากจะเข้าร่วมก็ต้องรอติดตามความเคลื่อนไหวของงาน Good Life Fair ในครั้งต่อไปนะคะ เพราะประสบการณ์ดีๆ แบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ นะ
ครั้งหน้าจะมีเรื่องเล่าอะไรสนุกๆ หรือกิจกรรมดีๆ อะไรอีกนั้นต้องติดตามค่ะ วันนี้ขอตัวไปนวดกิมจิเพื่อความงามอันเจิดจรัสต่อแล้วจ้า บะบาย ^^
ปล.เพิ่มเติมนิดหน่อยนะ เวลาใส่กิมจิลงขวดให้เหลือพื้นทีจากปากขวดไว้หน่อยนะจ๊ะเพราะวันที่กิมจิทำนั้นอัดแน่นมากพอผ่านไปหนึ่งวันกิมจิแทบระเบิดขวดออกมา คืออากาศภายในขวดมันดันน้ำขึ้นมาจนฝาเปิดเลยทีเดียวเชียวแต่ด้วยอากาศร้อนเลยเปรี้ยวเร็วขึ้นด้วยล่ะ
มาเที่ยวงาน Good Life Fair เริ่มตั้งแต่ 10 โมงเช้า ถึง 2 ทุ่ม วันนี้ – 10 ก.ค.59 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นี้รีบมาช็อปกันนะ
#GOODLIFEFAIR #healthandcuisinemag #healthandcuisine
ข้อมูลและภาพประกอบโดย : Admin Pak Kimji
ขอบคุณความรู้ดีๆ จาก คุณ Stella wellness
ขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีที่ให้เข้าร่วม Health&Cuisine