ผู้หญิงหัวใจแกร่งบีม วรานิษฐ์ จิราโรจน์เจริญ (จบ)
เรื่อง วรานิษฐ์ จิราโรจน์เจริญ
เรียบเรียง เชิญพร คงมา
ภาพ สรยุทธ พุ่มภักดี
เมื่อผ่านเรื่องพ่อและปลดหนี้ก้อนโตมาได้สักพัก ชีวิตของบีมก็ต้องมาเจอบททดสอบชีวิตอีกครั้ง คราวนี้เป็นอาการเจ็บป่วยของเบลล์ - ชยานิษฐ์ จิราโรจน์เจริญน้องสาวคนเดียวของบีมกับโรคร้ายที่ใครได้ยินชื่อก็กลัว…
เบลล์อายุห่างจากบีม 5 ปี ชื่อเล่นของน้อง บีมก็เป็นคนตั้งให้ เพราะเบลล์เกิดวันคริสต์มาส ที่ทุกปีเราจะได้ยินเพลง“จิงเกิลเบลล์” จึงตั้งชื่อให้น้องว่า “เบลล์”บีมดีใจมากที่มีน้องสาว เราเห็นน้องน่ารักเหมือนตุ๊กตาตัวเล็ก ๆ บีมช่วยแม่เลี้ยงน้องมาตั้งแต่แบเบาะ ตอนเด็ก ๆ เบลล์จึงติดบีมแจและหวงบีมมาก ขนาดที่ไม่ยอมให้บีมออกไปเที่ยวกับเพื่อน ถ้าบีมจะออกไปเที่ยวไหน เบลล์จะร้องไห้กระจองอแงจนบีมต้องยอมอยู่บ้านกับน้อง
เจอบททดสอบอีกครั้ง
เบลล์มีแผลที่ด้านหลังแขนซ้ายมาตั้งแต่เรียนมัธยมแล้ว ทุกคนในครอบครัวคิดว่าเป็นแผลเป็นทั่วไป แต่สองสามปีหลังมานี้แผลดังกล่าวค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้นและเปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ำ นอกจากนั้นเนื้อยังบุ๋มลงไปจึงพาน้องไปหาหมอ ซึ่งทำให้รู้ว่าเบลล์เป็น…“โรคมะเร็งเนื้อเยื่ออ่อน” โรคที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้เพียงหนึ่งในล้านคนเท่านั้น และวงการแพทย์ก็ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดที่ทำให้เป็นโรคนี้
เมื่อได้ยินว่าเป็นโรคมะเร็ง ตอนแรกทุกคนตกใจมาก เพราะได้ชื่อว่าเป็นโรคร้ายแล้วเราก็ไม่รู้จักโรคที่ว่านี้เลยด้วย บีมกับแม่เป็นห่วงน้องมาก แต่เราก็ยังพอใจชื้นเมื่อคุณหมอบอกว่ามะเร็งชนิดนี้จะไม่ลุกลามไปที่อื่น
บีมรีบหาข้อมูลของโรคและวิธีการรักษาอย่างละเอียด พาน้องไปตรวจและปรึกษากับคุณหมอที่เชี่ยวชาญหลายท่าน สุดท้ายได้ข้อสรุปว่าต้องรีบผ่าตัดเนื้อส่วนที่มีเซลล์มะเร็งออกไปให้หมดโดยเร็วที่สุด
ในช่วงเวลานั้นบีมเป็นห่วงน้องมากแต่จากประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านเรื่องราวหนัก ๆมาหลายครั้งได้กลายเป็นภูมิคุ้มกันให้เราคราวนี้บีมไม่ได้คิดว่าเจอปัญหาชีวิตอีกแล้วแต่มองว่านี่คืออีกหนึ่ง “บททดสอบ” ว่าเราจะเข้มแข็งพอที่จะหาทางผ่านไปได้หรือไม่บีมให้กำลังใจน้อง แม่ และตัวเองตลอดว่าเราต้องผ่านมันไปให้ได้
ดังนั้นเบลล์จึงมีกำลังใจดีตลอด ตอนอยู่โรงพยาบาลเราก็ทำให้บรรยากาศมีความสุขก่อนเข้าห้องผ่าตัดก็ถ่ายรูปเล่นกัน พูดคุยสนุกสนานเหมือนปกติ เบลล์ต้องเข้าผ่าตัดสองรอบจึงเอาเซลล์มะเร็งออกไปได้หมดแต่ยังต้องเช็กร่างกายทุกสามเดือน ทุกวันนี้เบลล์ก็มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงเป็นปกติดีทุกอย่าง
ประกาศตัวเป็น “ซิงเกิ้ลมัม”
บีมคบกับแฟนคนนี้มานานมาก ตั้งแต่อายุ 20 กว่า แต่ด้วยวัยที่เติบโตขึ้น เราผ่านเรื่องราวชีวิตหลายอย่างจนเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นทำให้ความคิดและการใช้ชีวิตเปลี่ยนไป จนวันหนึ่งบีมคิดว่าเราไม่ได้รักกัน แต่อยู่ด้วยกันเพราะความผูกพันเท่านั้น จึงตัดสินใจเลิกกัน
หลังจากนั้นบีมสังเกตว่าประจำเดือนไม่มาตามปกติ ตอนแรกบีมคิดเอาเองว่าคงเป็นผลข้างเคียงจากการทำงานหนัก พอมีเวลาจึงไปตรวจ และผลตรวจออกมาว่า
บีมท้องได้สองเดือนกว่าแล้ว…
วินาทีนั้นบีมตกใจมาก คิดสับสนอยู่ในใจว่า “นี่เรื่องจริงเหรอ” จนคุณหมอพาไปอัลตราซาวนด์ แล้วเราได้เห็นร่างกายของเด็กตัวน้อยอยู่ในท้อง ได้ยินเสียงหัวใจ มันบ่งบอกว่าทุกอย่างคือเรื่องจริง
ตอนที่ต้องมาบอกเรื่องนี้กับคุณแม่เป็นช่วงเวลาที่ลำบากใจมาก เพราะตั้งแต่บีมโตมา บีมเป็นเด็กดีมาตลอด แล้วอยู่ดี ๆต้องมาบอกเรื่องแบบนี้ มันเป็นเรื่องใหญ่มาก พอบอกคุณแม่ไป ท่านก็ช็อก บีมได้แต่ขอโทษและร้องไห้เสียใจที่ทำให้พ่อและแม่เสื่อมเสียชื่อเสียง
บีมปรึกษาคุณแม่ว่าบีมควรแต่งงานกับเขาให้ถูกต้องตามธรรมเนียมไหม เพราะฝ่ายชายก็ยินดีจะรับผิดชอบ แม้ว่าบีมอาจไม่มีความสุขถ้าต้องใช้ชีวิตร่วมกับพ่อของลูก คุณแม่กลับบอกว่า
“ไม่จำเป็นเลย แม่ไม่ต้องการให้บีมมาแต่งงานเพื่อแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดไปแล้ว ตอนนี้บีมมีสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือลูกที่บีมต้องดูแลเขาให้ดีที่สุด”
บีมจึงเลือกทางออกที่ดีที่สุดให้ตัวเองและทุกคนด้วยการตัดสินใจเป็น “ซิงเกิ้ลมัม” บีมพยายามศึกษาหาข้อมูลและดูตัวอย่างจากบ้านที่เป็นคุณพ่อหรือคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ก็เห็นว่าเขาสามารถเลี้ยงลูกได้ดีเติบโตมาเป็นเด็กที่มีความสุขได้ ดีกว่าเราอยู่พร้อมหน้าครอบครัวแล้วทะเลาะกันให้ลูกเห็น
เมื่อได้ทางออกที่ทุกคนเข้าใจแล้วบีมจึงบอกทุกคนด้วยตัวเอง เพราะพี่ ๆสื่อมวลชนทุกคนดูแลบีมและครอบครัว
อย่างดีมาตลอด ตอนคุณพ่อป่วย ทุกคนก็ให้กำลังใจ ถึงแม้บีมจะไม่ได้โด่งดังอะไรแต่เราก็มีรายได้จากการทำงานในวงการ
หลายคนถามถึงเรื่องพ่อของลูก เขาก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง เมื่อเราไม่คิดจะแต่งงานกันแล้ว บีมก็อยากให้เขามีชีวิตส่วนตัวของเขาไป เมื่อได้เปิดใจทุกเรื่องกับทุกคนแล้วบีมก็โล่งใจ
เรื่องแปลกมากอย่างหนึ่งคือ ก่อนแถลงข่าวร่างกายบีมดูไม่เปลี่ยนแปลงเท่าไหร่ คนทั่วไปมองไม่ออกว่ามีน้อง แต่หลังจากวันนั้นท้องบีมก็ใหญ่ออกมาจนเห็นอย่างชัดเจน ซึ่งบีมเองก็แปลกใจเหมือนกัน
สำหรับลูกคนนี้บีมตั้งใจจะเลี้ยงเขาให้เป็นเด็กกล้าพูด กล้าคิด กล้าทำ แต่ต้องเป็นเด็กที่มีสัมมาคารวะ มีมารยาทแบบเด็กไทย และที่สำคัญคือ บีมจะไม่สปอยล์ลูก เขาต้องเป็นเด็กกินง่ายอยู่ง่ายเหมือนที่คุณตาสอนแม่มาแน่นอน
ทุกวันนี้บีมรู้สึกโชคดีที่มีแม่คอยดูแลทุกเช้าแม่จะเตรียมอาหารและผลไม้ไว้ให้กิน ส่วนเบลล์ก็บอกว่าจะช่วยทำงานเก็บเงินให้หลาน ได้ยินแบบนี้ก็ชื่นใจ เรียกว่าชีวิตลงตัวมาก บีมและเบลล์ช่วยกันดูแลแม่ดูแลครอบครัวของเราให้ดีที่สุด บีมเริ่มทำธุรกิจอาหารเสริมที่บีมชอบและอยากทำมานานแล้ว นี่ถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสใหม่ที่ได้เรียนรู้ และบีมตั้งใจที่จะทำธุรกิจนี้เลี้ยงครอบครัวของบีมต่อไป
สิ่งหนึ่งที่ทำให้บีมต่อสู้กับทุกบททดสอบที่ผ่านเข้ามาในชีวิตได้คือการคิดบวก เมื่อทุกอย่างเกิดขึ้นแล้ว ถ้าเราคิดในแง่ลบ มันก็มีแต่สร้างปัญหาให้ตัวเราเอง ทำให้สุขภาพจิตเสีย พอสภาพจิตใจแย่ มันก็ดึงแต่สิ่งแย่ ๆ เข้ามาหาเรา แต่ถ้าคิดว่ามันเป็นแค่บททดสอบในชีวิต เราจะผ่านไปได้ในที่สุด
บีมใช้ชีวิตทุกวันเหมือนกับเป็นวันสุดท้าย ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น เราจะไม่เสียใจเลย…
Secret BOX
เรามีความสุขมากขึ้นอาจไม่ใช่เพราะความทุกข์ในโลกนี้ลดลง
แต่อาจจะเป็นเพราะเราเข้าใจโลกมากขึ้นต่างหาก
นิรนาม