ร้านกาแฟเจ๊กเปี๊ยะ ร้านกาแฟเก่าแก่กลางเมืองหัวหินแห่งนี้ อายุอานามราว 70 กว่าปีเห็นจะได้ เพราะเท่าที่ได้คุยกับ เจ๊ท้อ – คุณวรรณพร วุฒิวิชณุวรรณ์ ลูกสาวคนที่ 4 ของเจ๊กเปี๊ยะ หรือนายจุนเปี๊ยะ แซ่อึ้ง ก็ได้ทราบความว่าก่อนที่เจ๊กเปี๊ยะจะมาเปิดร้านกาแฟเดิมทีเป็นคนจีนโล้สำเภามาแล้วตั้งรกรากอยู่แถวบ้านแหลมจังหวัดเพชรบุรี จากนั้นขยับขยายมาขายฝิ่นอยู่ในเมืองหัวหินซึ่งโรงฝิ่นเดิมที่เจ๊กเปี๊ยะอยู่นั้นก็ตั้งอยู่เยื้องกับร้านกาแฟในปัจจุบันนั่นเอง
ในระหว่างที่เจ๊กเปี๊ยะขายฝิ่น ภรรยาเจ๊กเปี๊ยะก็ตามมาจากเมืองจีนพอดี ทั้งสองมองหาลู่ทางในการทำธุรกิจอื่น ซึ่งประจวบเหมาะกับคนจีนเจ้าของร้านกาแฟหน้าโรงฝิ่นกำลังจะกลับเมืองจีนพอดี เจ๊กเปี๊ยะและภรรยาเลยขอเซ้งร้านกาแฟต่อทั้งคู่เลยหันมาเปิดร้านขายกาแฟแทนการขายฝิ่น โดยเริ่มตั้งแต่ไปหาเมล็ดกาแฟดิบมาคั่วเองบดเอง พอชงขายไปเรื่อย ๆ จนมีคนติดและเป็นที่รู้จักของคนทั้งหัวหิน พอเริ่มเก็บเล็กผสมน้อยได้ เจ๊กเปี๊ยะก็มาซื้อตึกฝั่งตรงข้ามกับโรงฝิ่นเปิดเป็นร้านกาแฟเจ๊กเปี๊ยะขึ้นมาจนถึงปัจจุบัน
หลังจากที่เจ๊กเปี๊ยะถึงแก่กรรมก็ส่งต่อร้านนี้ให้กับลูกสาวและลูกชายดูแลซึ่งหนึ่งในนั้นคือ เจ๊ท้อนั่นเอง เจ๊ท้อยังได้เล่าให้ฟังถึงความเก๋าของร้านว่า “เราก็ยังใช้วิธีการชงแบบสมัยรุ่นเตี่ยมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ไม่ได้คั่วเมล็ดกาแฟเองแล้วเพราะคั่วไม่ไหวแต่จะไปสั่งให้ร้านประจำคั่วให้ผสมเมล็ดกาแฟจนได้เป็นสูตรของร้านเรา และที่สำคัญ เราเลือกใช้นมยี่ห้อที่ผลิตจากนมวัวแท้ ๆ รสชาติจะหอมหวานมันพูดง่าย ๆ ว่าใช้วัตถุดิบดีนั่นแหละค่ะ แถมยังขายราคาถูกแสนถูกเมื่อเทียบกับรสชาติที่อร่อยเข้มข้น จนลูกค้ามากินก็ติดใจไปหลายราย”
มาร้านเจ๊กเปี๊ยะไม่ควรพลาดกาแฟร้อนรสเข้มข้นหวานมัน กับอีกหลายสารพันเมนูอร่อยเกินบรรยาย
ก่อนที่จะพาไปรู้จักกับเมนูเด็ดของร้าน เราย้อนถามเจ๊ท้อถึงเรื่องราวของร้านเจ๊กเปี๊ยะกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 กันเสียหน่อย เพราะเห็นว่าเป็นร้านเก่าแก่อยู่คู่เมืองหัวหินมาช้านานเผื่อจะมีโอกาสได้สนองพระเดชพระคุณพระองค์ท่านบ้าง ซึ่งเจ๊ท้อก็เล่าให้ฟังว่า “ร้านเราก็เคยเข้าไปชวเลี้ยงข้าราชบริพารที่ตามเสด็จอยู่บ้างค่ะ แต่ช่วงหลังอายุก็มาก ๆ กันแล้ว ขนย้ายของไม่ไหวเลยไม่ได้เข้าไป แต่ฉันก็เห็นพระองค์ท่านกับพระราชินีอยู่บ่อย ๆ ในช่วงเดือนมีนาคมจนถึงเดือนพฤษภาคมของทุกปี ในหลวงกับพระราชินีจะเสด็จมาหัวหิน ตอนนั้นฉันยังเด็กมาก พอถึงเวลาห้าโมงเย็นก็จะรีบวิ่งไปยืนรอริมถนน เพราะทั้งสองพระองค์จะนั่งรถยนต์หลวงผ่านไปเขาเต่าทุกวัน ภาพที่ยังติดตาและตรึงใจฉันอยู่แบบไม่ลืม คือ รอยยิ้มของทั้งสองพระองค์และการโบกมือทักทายพสกนิกรที่มายืนรอรับเสด็จ เพียงเท่านี้ฉันก็ดีใจแล้วในสมัยนั้น”เจ๊ท้อยังบอกกับเราพร้อมกับน้ำตาซึม ๆ ว่า “คนหัวหินก็รักในหลวงไม่แพ้คนกรุงเทพฯ หรอกค่ะคุณ เพราะที่นี่ก็เหมือนบ้านหลังที่สองของท่านเหมือนกันค่ะ”
มาถึงเมนูที่ควรสั่งเมื่อถึงร้านเจ๊กเปี๊ยะคือ กาแฟร้อนรสชาติเข้มข้นหวานมันหอมกลิ่นกาแฟคั่วแบบไทย ชาเย็น รสหวานมันหอมกลิ่นใบชาคุณภาพดี นอกจากนี้ในช่วงเช้าถึงเที่ยงรอบ ๆ ร้านเจ๊กเปี๊ยะจะมีร้านอาหารรถเข็นรายล้อม เรียกได้ว่าเป็นร้านคู่บุญกับร้านเจ๊กเปี๊ยะเลยก็ว่าได้ มีทั้ง ร้านก๋วยเตี๋ยวป้าเอี้ยง ก๋วยเตี๋ยวปลาน้ำใสเมนูเด็ดคือบะหมี่แห้งทะเล กินกับน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวรสเด็ดร้านข้าวมันไก่ทองพูน ข้าวเม็ดร่วนไม่แข็งและแฉะเกินไป เนื้อไก่นุ่มชุ่มฉ่ำ น้ำจิ้มหอมกลิ่นขิงและเต้าเจี้ยว ต้มเลือดหมูเจ๊หมวย น้ำซุปรสกลมกล่อมเนื้อหมูนุ่มหอมกลิ่นพริกไทยและเป็นที่น่าเสียดาย เพราะในวันที่ทีมงานไปถ่ายทำคอลัมน์นี้ขาดร้านเด็ดไป 2 ร้าน คือ ร้านข้าวหมูแดง – หมูกรอบ และร้านหมูสะเต๊ะป้าต่มุ ซึ่งทั้งสองร้านนี้ก็ได้รับเลือกให้เข้าไปออกร้านในวังไกลกังวลด้วย
ส่วนรอบเย็นร้านคู่บุญของร้านเจ๊กเปี๊ยะจะเปลี่ยนเป็น ร้านอาหารทะเลตามสั่ง และ ร้านจิ้มจุ่ม เจ๊ส้ม บอกเลยว่าเด็ดจริง ๆ เพราะคิวยาวรอต่อกันเป็นสิบ ๆ คิว มีทั้งคนไทยและคนต่างชาติมายืนรอ เพราะด้วยความอร่อยและราคายุติธรรมทำให้ใคร ๆ ก็ติดใจ เมนูเด็ดของร้านคงไม่พ้นจิ้มจุ่มกับน้ำจิ้มรสเด็ดสูตรเฉพาะ และเมนูอาหารทะเล เช่น กุ้ง – ปูอบวุ้นเส้น ปูนิ่มผัดพริกไทยดำและอีกหลายเมนูที่น่าลิ้มลอง
จานเด็ด : กาแฟร้อน ชาเย็น บะหมี่แห้งทะเล ข้าวมันไก่ หมูสะเต๊ะ ข้าวหมูแดง – หมูกรอบ ต้มเลือดหมู อาหารทะเล และจิ้มจุ่ม
ราคา : กาแฟเริ่มต้นที่ 15 บาท อาหารเริ่มต้นที่ 35 บาท
ที่ตั้งร้านอาหาร : เข้าซอยหัวหิน 57 ประมาณ 100 เมตร ร้านตั้งอยู่ขวามือ ใกล้สี่แยก (สี่แยกเจ๊กเปี๊ยะ)
เวลาเปิด – ปิด : เปิด 2 ช่วง คือ 6.30 น. – 12.30 น. และ 17.00 น. -19.45 น.
โทร.0-3251-1289
เรื่อง : เป็นเอก, สิทธิโชค ภาพ : จิรวัฒน์, พีระพัฒน์ ภาพพระบรมฉายาลักษณ์ : สุกัญญา เกศมณี