การแพทย์ ทั่วโลก-ทั่วไทย 12 ศาสตร์ใช้ได้จริง ครบที่สุด! ที่เดียว! (พร้อมพิกัด)
การแพทย์ ไม่ว่าจะแผนไหน ศาสตร์ใด ล้วนมีประโยชน์ที่แตกต่างกัน เเต่ศาสตร์ไหนจะเหมาะกับโรคอะไรนั้น ลองมาดูกันเลยนะครับ
1. การแพทย์แผนตะวันตก (Biomedicine)
การแพทย์แผนตะวันตก หรือการแพทย์แผนปัจจุบัน ที่มีการใช้กันอย่างกว้างขวางและทั่วโลก เป็นความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ และตรวจสอบได้ รักษาด้วยการใช้ยา การผ่าตัด รังสีรักษา และยาเคมีบำบัด
สามารถใช้บริการได้ตามโรงพยาบาล และคลินิกทั่วประเทศ
2. การแพทย์แผนไทย (Thai Traditional Medicine)
การแพทย์แผนไทย เป็นการแพทย์ที่อยู่กับสังคมไทยมาอย่างเนิ่นนาน มีการวิวัฒนาการ ผสมผสาน และพัฒนามาจากแพทย์อายุรเวท การแพทย์แผนจีน การแพทย์แนวพุทธศาสนา วิธีการรักษาเน้นการรักษาแบบองค์รวม โดยพิจารณาจากธาตุทั้ง 4 ในการเกิดโรค ทั้งโรคเรื้อรังและอาการทั่วไป ซึ่งรักษาด้วยการใช้สมุนไพร นวด ประคบ อบสมุนไพร และการอยู่ไฟ ฯลฯ
สามารถใช้บริการได้ตามโรงพยาบาล และคลินิกการแพทย์แผนไทยทั่วประเทศ สามารถใช้ได้ทั้งสิทธิประกันสุขภาพ และสิทธิการเบิกจ่ายตรง
3. การแพทย์แผนจีน (Chinese Traditional Medicine)
การแพทย์แผนจีน เป็นการแพทย์ที่ถูกพัฒนามาอย่างยาวนานในประเทศจีน โดยวินิจฉัยรักษาจากธาตุทั้ง 5 และหยินหยาง เช่น การใช้ สมุนไพรจีน(ยาจีน) ทุยนา (การนวด) การฝังเข็ม และ การครอบแก้ว
สามารถใช้บริการได้ตามโรงพยาบาลที่เปิดให้บริการการรักษาด้วยการแพทย์จีน เช่น โรงพยาบาลหัวเฉียว โรงพยาบาลแม่ฟ้าหลวง และ ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยมหิดล
4. โฮมีโอพาธี (Homeopathy)
การแพทย์พื้นบ้านของยุโรป ที่มีการใช้กันมาอย่างยาวนานมากกว่า 200 ปี เป็นศาสตร์การรักษาผู้ป่วยโดยใช้สารที่ก่อให้เกิดอาการของโรคแต่ละประเภทๆ ในคนปกติมารักษาโรคในคนที่ป่วย หรือคล้ายสุภาษิตไทย คือ หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง โดยการใช้ยาโฮมีโอพาธีที่เหมาะสมที่สุด ให้ผู้ป่วยกิน ซึ่งเป็นยาที่มาจากพืช สัตว์ และแร่ธาตุต่างๆ เช่น โรคภูมิแพ้อากาศ ภูมิแพ้ผิวหนัง ปวดศีรษะ อาการปวดจากกล้ามเนื้อและข้อ ฯลฯ
ในประเทศไทยอาจจะยังไม่มีการใช้กันอย่างแพร่หลายมากนัก สำหรับโรงพยาบาลที่เปิดให้บริการ เช่น ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยมหิดล สำนักการแพทย์ทางเลือก และโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า
5. สมาธิบำบัด (Meditation Therapy)
การทำสมาธิเกิดขึ้นครั้งแรกในภูมิภาคตะวันออก โดยเฉพาะในบริบททางศาสนา ก่อนจะถูกนำมาประยุกต์มาใช้ในบริบทต่างๆ เน้นความสงบเยือกเย็นและเข้าถึงจิตวิญญาณของธรรมชาติ ปัจจุบันมีงานวิจัยออกมามากมายเกี่ยวกับการทำสมาธิเพื่อการบำบัด เช่น การทำสมาธิแนวปฏิบัติแบบ TM (เน้นการทำสมาธิด้วยการฝึกหายใจเข้าออกลึกๆ และเพ่งไปที่ลมหายใจ) ช่วยลดการเผาผลาญพลังงาน ลดสารหลั่งสารแลคเตตที่ส่งผลให้เกิดความเครียด ลดอัตราการเต้นของหัวใจ ลดความดันโลหิต และการเหนี่ยวนำคลื่นสมอง เป็นต้น
สามารถเลือกปฏิบัติสมาธิได้ตามสถานต่างๆ เช่น การทำสมาธิบำบัดสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง ของวัดคำประมง จังหวัดสกลนคร และการทำสมาธิบำบัด SKT เพื่อบำบัดโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง มะเร็ง ของคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
6. กดจุดสะท้อน (Reflexology)
ศาตร์โบราณจากประเทศอียิปต์และประเทศจีน โดยอาศัยหลักการสะท้อนกลับของเท้า เพราะเท้าของเรามีตำแหน่งการตอบสนองสัมพันธ์กับทุกส่วนของร่างกาย ดังนั้นการกดจุดตำแหน่งต่างๆ ที่เท้าจึงสามารถวินิจฉัยได้ว่าส่วนใดของร่างกายเกิดความไม่สมดุล จะทำให้การทำงานของอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การนวดเท้าที่ปลอดภัยต้องได้รับการนวดจากผู้ที่เชียวชาญผ่านการอบรมจากกระทรวงสาธารณสุข และที่สำคัญผู้ที่มีประจำเดือนหรือตั้งครรภ์ ไม่ควรนวดกดจุดสะท้อน
7. ชีวจิต
ชีวจิต เป็นแนวทางการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ที่คิดค้นโดย อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง กูรูชีวจิตต้นตำรับ กล่าวคือ เป็นการรวมคำว่า กาย (ชีว) และใจ(จิต) เข้าด้วยกัน ซึ่งทั้งสองไม่อาจแยกออกจากกันได้ ดังนั้น คนเราจะมีความสุขความแข็งแรงได้ก็ต่อเมื่อกายและใจทำงานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ดังนั้น การใช้ชีวิตแบบอ้างอิงธรรมชาติคือคำตอบที่ดีที่สุด เพื่อให้เกิดความสมดุลของร่างกายโดยการกระตุ้นภูมิชีวิตให้กลายเป็นเกราะคุ้มกัน เช่น การกินอาหารที่มีประโยชน์ การดื่มน้ำอาร์ซี การรำกระบอง และการนวดกดจุด ฯลฯ
นอกจากสามารถติดตามองค์ความรู้ได้จากเพจและนิตยสารชีวจิตในวันที่ 1 และ 16 ของทุกๆเดือนแล้ว และสามารถใช้บริการรักษาได้ที่ชีวจิตโฮมคลินิก เฉพาะวันอาทิตย์ โทร. 0-2570-8273
8. อายุรเวท (Ayurveda)
การแพทย์โบราณแบบองค์รวมจากประเทศอินเดีย มีหลักการ คือ การปรับสมดุลพลังงานตรีโทษ และธาตุสำคัญทั้ง 5 ของร่างกาย มีวิธีการตรวจวินิจฉัยโรค เช่น การตรวจชีพจร การตรวจปัสสาวะ การตรวจเลือด และการตรวจร่างกาย และวิธีการรักษาโรคที่หลากหลาย เช่น การใช้สมุนไพรและแร่ธาตุ การนวด การผ่าตัด และโยคะ
การแพทย์อายุรเวทที่เปิดให้บริการ คือ ศูนย์การแพทย์อายุรเวท มหาวิทยาลัยรังสิต
9. สุคนธบำบัด (Aromatherapy)
ศาสตร์การบำบัดด้วยกลิ่น น้ำมันหอมระเหย ที่ได้จากพืช และสมุนไพรหลากชนิด ซึ่งทำให้ร่างกายทำให้ร่างกายมีจิตใจ และอารมณ์เกิดความสมดุล ผ่านทางจมูกและสมองให้หลั่งสารเคมี ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ลดเครียด ลดความเจ็บปวด เช่น กลิ่นมะลิ บำรุงหัวใจ กลิ่นกระดังงา ลดกระวนกระวาย ฯลฯ วิธีการบำบัด สามารถใช้ได้ทั้งสูดดม ทา นวด ผสมน้ำอุ่นอาบหรือประคบ
น้ำมันหอมระเหยที่มีคุณสมบัติในการรักษาต้องมีความบริสุทธิ์และคุณภาพสูง และต้องอ่านฉลาก ที่ติดภาชนะบรรจุทุกครั้ง
10. ไคโรแพรคติก (Chiropractic)
ไคโรแพรคติก คือ ศาสตร์การรักษาความผิดปกติของระบบกล้ามเนื้อและกระดูก โดยใช้เทคนิคการรักษาด้วยมือเปล่าด้วยการจัดกระดูก ไม่ใช้ยาและการผ่าตัด เช่น อาการปวดหลัง ปวดคอ หมอนรองกระดูกเคลื่อน ฯลฯ
ผู้เชี่ยวชาญไคโรแพรคติก ต้องได้รับการผ่านอบรมและมีใบอนุญาติจากกองประกอบโรคศิลปะ กระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น
11. ธรรมชาติบำบัด (Naturopathy)
ธรรมชาติบำบัดเป็นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่มาจากยุโรป โดยเชื่อว่าว่าโรค คือการแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่จะพยายามบำบัดและจัดการตัวเอง เพื่อให้กลับมาสู่สภาวะปกติ เช่น การไอ การจาม หรือมีผื่น ล้วนเป็นกลไกการกำจัดสารพิษของร่างกาย
ดังนั้น การเข้าใจสภาพธรรมชาติของร่างกาย รู้สาเหตุแล้วแก้ไขที่สาเหตุนั้น โดยใช้ธรรมชาติบำบัดรักษาโดยไม่เกิดอันตราย เช่น การเลือกใช้สมุนไพร โฮมีโอพาธีย์ การนวด วารีบำบัด สรีรวิทยาทางการแพทย์ พฤติกรรมมนุษย์ การแพทย์แผนจีน การแพทย์อายุรเวท การฝังเข็ม การบำบัดด้วยอาหาร ฯลฯ
สามารถติดตามนักธรรมชาติบำบัด ซึ่งเป็นคนแรกๆของไทยได้ในนิตยสารชีวจิต คอลัมน์ “อยู่เป็นลืมป่วย”
12. แมคโครไบโอติกส์ (Macrobiotics)
ศาตร์ด้านการกินที่มีพื้นฐานมาจากแนวความคิดจากพุทธศาสนานิกายเซน ซึ่งเป็นการกินอาหารที่สอดคล้องกับสภาวะของยินและหยางในธรรมชาติที่เปลี่ยนตามกาลเวลาและสถานที่ ไม่ใช่การกินอาหารที่แปลก หรือการกินเฉพาะผู้ป่วยเพียงอย่างเดียว คนปกติก็สามารถกินได้ โดยร่างกายต้องได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่เหมือนกับโภชนาการสมัยใหม่ แต่จะมีความแตกต่างกันในแหล่งที่มาเท่านั้น อาหารแมคโครไบโอติกส์ สามารถช่วยบำบัดโรคต่างๆมากมาย เช่น โรค NCDs โรคภูมิแพ้ ฯลฯ
สามารถรับคำปรึกษาหรือใช้บริการได้ที่สำนักการแพทย์ทางเลือก ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยมหิดล และโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ฯลฯ
ชอบการรักษา แบบไหน เดินตรงเข้าไปเลยครับ
การแพทย์อื่นๆ ที่ต้องรู้