เสาร์อาทิตย์ หรือวันหยุดยาวทั้งที ใครที่เบื่อหน่ายกับบรรยากาศจอแจแออัด อยากมองหาที่เที่ยวใหม่ๆ ห่างไกลมลพิษในเมือง เราขอแนะนำทริปกินเที่ยวไหว้พระเบาๆ ที่ สิงห์บุรี กันค่ะ
หลายๆ คนพอพูดถึงสิงห์บุรีก็มักจะนึกถึงวัดวาอาราม ตลาดย้อนยุค และปลาเผาอร่อยๆ ใช่มั้ยคะ ? มาค่ะ วันนี้เราจะชวนคุณมาบุกเบิกสถานที่ท่องเที่ยวที่บ้านทองเอน จ.สิงห์บุรีกัน รับรองว่าน่าตื่นตาตื่นใจไม่แพ้ที่ไหนแน่นอน
:: สักการะหลวงพ่อดี ชมพระธาตุโบราณ วัดกลาง ::
เดินทางออกจากกรุงเทพฯ กันตั้งแต่เช้าตรู่ ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงก็มาถึงสิงห์บุรีเมืองคนดี บรรยากาศร่มรื่นข้างทางพาให้ใจเราเคลิ้มไปกับสีเขียวๆ ของทุ่งนาและธรรมชาติ เผลอแป็บเดียวรถก็มาจอดที่หน้าวัดกลางแล้ว
ที่นี่มีคุณป้าใจดีคอยเป็นไกด์นำชมรอบวัดให้ด้วย ที่แรกที่คุณป้าพาไป คือศาลา หลวงพ่อดี ซึ่งขึ้นชื่อลือชาเรื่องการบนบานศาลกล่าวมาก ใครมาต้องได้ลองสักครั้ง ได้ยินว่าสมหวังกันไปหลายรายแล้ว แต่ที่ห้ามลืมเลยคือการแก้บนค่ะ หากพรที่ขอสัมฤทธิ์ผลให้มาแก้บนที่นี่โดยการจุดพลุ 3 ดอก และให้ดีต้องแก้บนกันก่อนเวลาเที่ยงด้วย เพราะมีความเชื่อว่า หลังเวลาเที่ยงไปแล้ว หลวงพ่อดีท่านจะเดินทางไปเข้าเฝ้าพระอินทร์บนสวรรค์นั่นเอง
ถัดมาเป็นพระธาตุเก่าแก่ ที่ทางโบราณคดีได้เข้ามาสำรวจและพบว่าตั้งอยู่ที่นี่มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา พระกรุใต้ฐานเจดีย์คือพระเหยี่ยวดำเหยี่ยวแดง เจดีย์พระธาตุเป็นทรงระฆังคว่ำ เรียงรายอยู่รอบอุโบสถ ขึ้นสีดำเก่าแลดูขลังตามกาลเวลาที่ล่วงเลย
:: แวะชมจำปา 100 ปี ::
ไฮไลท์อีกอย่างที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ ต้นจำปาอายุมากกว่า 100 ปีที่ปลูกอยู่ใจกลางวัด ต้นจำปาโบราณ 2 ต้นนี้เล่าสืบต่อกันมาว่า บรรพบุรุษของชาวบ้านทองเอนซึ่งเป็นชาวลาวแง้ว ที่ถูกกวาดต้อนมาจากหลวงพระบางตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 เป็นผู้นำมาปลูกไว้ จนถึงตอนนี้ยังคงยืนต้นงดงาม ดอกบานทั้งปีได้อย่างน่าอัศจรรย์ ใครไปใครมาก็มักจะแวะมาถ่ายรูปชื่นชม ปัจจุบันได้มีการสร้างพระพุทธรูปขึ้นมาใหม่ไว้บริเวณกลางต้นจำปาทั้ง 2 เพื่อความเป็นสิริมงคล
:: เยี่ยมชมไร่แสนสมบูรณ์ เกษตรสมบูรณ์ ที่อยู่ได้ด้วยตัวเอง ::
พูดถึงโครงการพระราชดำริ เศรษฐกิจพอเพียง ในสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชแล้ว มีหลายคนที่น้อมนำแนวคิดนี้มาใช้ ไร่แสนสมบูรณ์ที่เรามาเยี่ยมเยือนวันนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น คุณสมบูณ์และคุณพรพรรณ แก้วแสน เจ้าของไร่เล่าให้เราฟังว่า ทีแรกเขาทำอาชีพขับรถเทรลเลอร์ก่อนจะเบนเข็มมาขุดบ่อเลี้ยงปลา กุ้งและเป็ดที่บ้านเกิด ถึงจะมีแต่คนคัดค้านแต่ด้วยใจสู้และอุตสาหะ วันนี้ไร่ของพวกเขาจึงเริ่มออกดอกออกผล เกิดเป็นรายได้ให้พออยู่พอกินตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงในที่สุด
‘ถ้าเราได้แต่คิดสิ่งที่คิดก็จะอยู่แต่ในสมองของเราจนตาย ถ้าเราไม่ลงมือทำ เราก็ไม่มีวันนี้ เราก็ได้แต่เขียนไว้ในกระดาษอย่างเดียว’ นี่คือแนวคิดที่ทำให้คุณพรพรรณและสามีฮึดสู้ จนพัฒนา ‘ไร่แสนสมบูรณ์’ ออกมาได้เป็นรูปเป็นร่างอย่างทุกวันนี้
และแล้วมื้ออาหารกลางวันที่รอคอย ณ ไร่แสนสมบูรณ์ก็มาถึง
มื้อกลางวันแสนอร่อยของเราเป็นอาหารพื้นเพในท้องถิ่น อาทิ ปลาหมอเผา ไข่เจียวอัญชัน ผัดมะเขือ น้ำพริกตาแดง ตบท้ายด้วย กล้วยปิ้งบ้านทองเอน ที่เคี้ยวหนึบหวานหนับไม่เหมือนที่ใด แถมพ่วงด้วยน้ำแข็งไสหวานเย็นขับไล่ความร้อนได้ชะงัด ฟินคลายร้อนกันถ้วนหน้า
:: สนุกกับการละเล่น และวิถีชีวิต บ้านทองเอน ::
พอท้องอิ่มกันแล้วก็เริ่มมีกิจกรรมให้ได้ออกกำลังกันบ้าง ที่บ้านทองเอนเขามีการ ตีไก่ กันด้วย ไอ้เราก็ตื่นเต้นกลัวไก่เจ็บ ปรากฏว่าไม่ได้เอาไก่มาตีกันนะคะ โบราณแถวนี้เขาเล่นกันน่ารักๆ ด้วยการอุ้มไก่มาพนันขันต่อกัน แล้วเอาหญ้าแพรกมาไล่ตีกันค่า หญ้าใครหักก่อนคนนั้นเสียไก่ เศร้ากันไป ถือเป็นการละเล่นสนุกสนานที่พวกเราก็เพิ่งเคยได้เล่นเหมือนกัน !
ตีไก่เสร็จก็มานั่งทำ ไข่เค็มใบเตย กันต่อ ไข่เค็มของที่นี่ทำจากไข่เป็ดลูกใหญ่ๆ พอกด้วยดินสอพองแน่นๆ พอกต่อด้วยใบเตยหนาๆ ทิ้งไว้ประมาณ 7 วันให้กลิ่นหอมของใบเตยซึมลึกเข้าไปในเปลือกไข่ แถมยังได้รสเค็มกำลังดี
รอ 7 วัน รับประกันความอร่อยเหาะ !
พักยกไปดูกุ้งที่ดักไว้ในขวดกันบ้าง ติดมามิใช่น้อยเลยนะนี่
ตบท้ายทริป ไร่แสนสมบูรณ์ ด้วยการงัดความเป็นกุลสตรีมาสู้กัน !
ใครพับบัวสวยกว่ากันคนนั้นชนะ แหม งานนี้ไม่มีใครยอมใครกันเลยทีเดียว
:: สอนทำจีบนก ชิมอาหารรสมือชาวบ้าน ที่โฮมสเตย์ อู่ข้าว ::
จบกิจกรรมก็ได้เวลาเดินทางไปต่อที่ โฮมสเตย์อู่ข้าว กิจกรรมดีๆ ยังไม่จบแค่นั้น ที่นี่มีสอนทำ ‘จีบนก’ กันด้วยค่า
วิธีทำคือใช้แป้งสาคูปั้นเป็นทรงกลม บีบให้แบน แล้วนำมาห่อไส้กลมๆ ที่ทางโฮมสเตย์ปั้นรอไว้อยู่แล้ว ปักเสี้ยวแครอทไว้บริเวณปากนก ใช้งาดำแปะเป็นรูปดวงตา ใช้แหนบทองหนีบให้เป็นรูปจีบรอบตัวนก ก่อนจะเอาไปนึ่ง แล้วรอกินสวยๆ
นึ่งออกมาเรียบร้อย นกอ้วนบ้างผอมบ้าง ใครทำรับผิดชอบกินกันเอง แต่รับรองว่าอร่อยแน่นอนเพราะไส้ข้างในมีมืออาชีพทำไว้ให้อยู่แล้ว อิอิ
ต่อจากนั้นก็เป็นมื้อค่ำกลางสายฝนพรำ ได้แก่ ไข่เจียวทอดชะอม ผักทอด ต้มจืดผักตำลึง ปลาช่อนนึ่ง เหนาะกับสะเดาราดน้ำจิ้มหวานพอดีคำ ทานพร้อมข้าวนิ่มๆ ที่มารู้ทีหลังว่าชื่อ ‘ข้าวกข.43’ ข้าวสายพันธุ์ใหม่ซึ่งคิดค้นโดยชาวบ้านในพื้นที่ มีน้ำตาลในแป้งน้อย เหมาะกับคนเป็น โรคเบาหวาน ดีต่อสุขภาพกันไปอีก ทั้งอร่อยดีมีประโยชน์ขนาดนี้อยากให้ได้มาลองชิมกันจริงๆ !
จบทริปบนเตียงนิ่มๆ ท้องก็อิ่ม นอนฟังเสียงฝนพรำกันเพลินๆ ทริปดีๆ อาหารอร่อย ได้ไหว้พระ พับดอกบัว จับกุ้ง เก็บไข่เป็ด ทำไข่เค็ม ครบครันขนาดนี้ แนะนำเลยสำหรับคนที่อยากมาลองสัมผัสชีวิตวิถีเกษตรท่ามกลางธรรมชาติกันแบบจัดเต็มค่ะ
ขอขอบคุณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภูมิภาคภาคกลาง