เห็ดปุยฝ้าย หรือ เห็ดยามาบูชิตาเกะ🍄
เห็ดปุยฝ้าย เห็ดที่มีรูปร่างแปลก เป็นเห็ดที่มีลักษณะทรงกลม มีเส้นฟูคล้ายกับปุยฝ้าย สีขาวสะอาด กลิ่นหอมคล้ายกับเห็ดนางรม สามารถนำมาประกอบอาหารรับประทานได้ ซึ่งเห็ดชนิดนี้มีโปรตีนที่สูงเทียบเท่ากับเนื้อสัตว์เลยก็ว่าได้ จึงได้รับฉายาว่าเป็นเนื้อสัตว์จากพืชกันเลยทีเดียว ในประเทศไทยนำเห็ดชนิดนี้มาเพาะได้ครั้งแรกที่จังหวัดเชียงราย เอาล่ะ!เรามาทำความรู้จักกับเห็ดชนิดนี้กันดีกว่าค่ะ
เห็ดยามาบูชิตาเกะ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Hericium erinaceus ชื่ออื่นๆ : Lion’s Mane, Hedgehog Mushroom ภาษาไทยเรียกกันว่า เห็ดหัวลิงหรือเห็ดภู่มาลา หรือ เห็ดปุยฝ้าย ซึ่งในภาษาญี่ปุ่น ยามาบูชิตาเกะ แปลว่า ผู้หลับใหลอยู่ในหุบเขา เพราะเห็นชนิดนี้จะเกาะอยู่ตามบริเวณไม้ยืนต้น เช่น ต้นโอ๊ค หรือวอลนัท ลักษณะเห็ดจะ คล้ายเส้นไหมสีขาวยาวประมาณ 5-20 เซนติเมตร สามารถพบได้บริเวณทางซีกโลกเหนือ เช่น ยุโรป และเอเชียตะวันออกในประเทศญี่ปุ่น สมัยโบราณมีการนำเห็ดชนิดนี้ ไปผสมในตำรับยารักษาโรคระบบทางเดินอาหาร เช่น แผลในกระเพาะอาหาร เป็นต้น
🌸ทำไมถึงเหมาะเป็นอาหารสำหรับผู้ป่วย?🌸
นิยมนำมาประกอบอาหารเป็นเมนูเพื่อสุขภาพ เพราะมีไขมันต่ำ มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว โปรตีนสูง ซึ่งเป็นทางอาหารทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ไม่ทานเนื้อสัตว์ เห็ดปุยฝ้ายจึงเหมาะที่จะเป็นอาหารประจำวันอย่างหนึ่ง ที่มีคุณค่าทางอาหารและมีสรรพคุณเป็นยาเฉพาะตัว ในประเทศจีนมักใช้เห็ดนี้เป็นยาตั้งแต่สมัยโบราณ เนื่องจากมีสรรพคุณทางยาที่หลากหลายจึงเหมาะเป็นอาหารสำหรับผู้ป่วยเป็นอย่างมาก
🍄สุดยอดอาหารบำรุงระบบประสาท🍄
เปรียบได้ว่าเป็น “สารอาหารจากธรรมชาติเพื่อเซลระบบประสาท” มีสรรพคุณปกป้องระบบประสาท เซลล์สมอง ป้องกันสมองเสื่อม โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง โรคกระเพาะอาหาร และสรรพคุณต่างๆ ดังนี้
💗ปกป้องระบบประสาท ป้องกันสมองเสื่อม ความผิดปกติทางสมอง และช่วยฟื้นฟูสมอง
💗โรคซึมเศร้า กระวนกระวาย ลดอาการต่างๆที่เกิดจากวัยใกล้หมดประจำเดือน
💗ป้องกันการเจริญของเนื้องอกจากการกระตุ้นให้เกิดการสร้างภูมิคุ้มกัน
💗แผลในกระเพาะอาหาร แผลในลำไส้
💗 มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ
💗ลดความดันเลือด โคเลสเตอรอล ลดน้ำตาลในเลือด โรคเบาหวาน
💗ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด ป้องกันเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรค
✨สรรพคุณของเห็ดปุยฝ้าย✨
สารออกฤทธิ์สำคัญ (Medicinal compound) อาทิ ทรีอิทอล,ดี-อราบินิทอล,กรดปาลเมทิก,เบต้า-กลูแคน และไตรเทอร์ปีน สารสำคัญเหล่านี้ สามารถควบคุมระดับไขมันในเลือดออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและต้านเซลล์มะเร็งชนิดต่างๆ
🌿ช่วยควบคุมระดบไขมันในเลือดได้ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็งชนิดต่างๆ
🌿ช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและยังมีประสิทธิภาพในการปรับสมดุลของภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติให้กลับสู่สภาวะสมดุล
🌿มีสารแลนติแนน และเปปไทด์ ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายและทั้งยังเร่งสร้างสารภูมิคุ้มกันอินเตอร์ฟีรอนโดยมีผลในการยับยั้งการเจริญของก้อนมะเร็งได้
🌿มีโพลีแซคคาไรด์ ช่วยยับยั้งการเกิดของเซลล์มะเร็งและช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร
ยำเห็ดปุยฝ้าย
ส่วนผสม ยำเห็ดปุยฝ้าย
🍄เห็ดปุยฝ้ายฉีกเป็นชิ้นพอดีคำ 1 ถ้วย
🍄ต้นหอมหั่นท่อน 1 ต้น
🍄ขึ้นฉ่ายหั่นท่อน 1 ต้น
🍄มะเขือเทศหั่นเสี้ยว 1/2 ลูก
🍄หอมหัวใหญ่หั่นเสี้ยว 1/2 ลูก
🍄พริกขี้หนูแดงซอย 10 เม็ด
🍄น้ำมะนาว 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
🍄น้ำปลาโซเดียมต่ำ 1 ช้อนโต๊ะ
🍄น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
วิธีทำ
1.ตั้งหม้อใส่น้ำรอจนเดือด ใส่เกลือเล็กน้อย แล้วนำเห็ดไปลวก ตักขึ้นพักไว้
2.เตรียมชามผสมน้ำยำ โดยใส่น้ำปลาโซเดียมต่ำ น้ำมะนาว น้ำตาลทราย คนผสมให้น้ำตาลละลาย ชิมรสตามชอบ
3.ใส่เห็ด หอมหัวใหญ่ มะเขือเทศ พริกขี้หนู ขึ้นฉ่าย หอมหัวใหญ่ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
4.จัดเสิร์ฟใส่จาน พร้อมรับประทาน
🥘เมนูแนะนำ
เป็นเห็ดที่มีสรรพคุณทางยาสูง เหมาะนำมาปรุงอาหารให้แก่ผู้ป่วย
🍳ไข่เจียวเห็ดปุยฝ้าย ฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ ผสมลงในไข่เจียว ปรุงรสตามชอบ อร่อยอย่าบอกใคร
🍤เห็ดปุยฝ้ายเทมปุระ เห็ดปุยฝ้ายทอดกรอบๆ เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มเทมปุระอร่อยสไตล์ญี่ปุ่น
🍲แกงจืดเห็ด ปุยฝ้าย ฉีกเห็ดปุยฝ้ายชิ้นพอดีคำ ใส่เพิ่มลงในแกงจืด เห็ดจะช่วยทำให้รสชาติของแกงนั้นกลมกล่อมยิ่งขึ้น
☝🏻หากเห็ดปุยฝ้ายมีรสขม แก้ไขได้ง่ายเพียงนำเห็ดคลุกเกลือแล้วล้างน้ำออก หรือนำไปลวกน้ำร้อนแล้วจึงนำไปปรุงอาหาร ก็สามารถขจัดความขมของเห็ดลงได้
เอกสารอ้างอิง
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, USDA National Nutrient Database
สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยบูรพา
อานนท์ไบโอเทค, ดร.อานนท์ เอื้อตระกูล
www.greenclinic.in.th