เมื่อตัดสินใจที่จะเริ่มต้นลดน้ำหนักแล้ว เชื่อว่าสาวๆ ทุกคนอยากจะลดให้ได้เร็วๆ บางคนแทบจะแบบว่าลดวันนี้พรุ่งนี้ผอมเลยได้ยิ่งดีก็มี อันนั้นก็เกินไป (ฮา) อย่าลืมนะคะว่ากว่าเราจะสะสมไขมันเอาไว้ได้เยอะขนาดนี้ต้องใช้เวลานานพอสมควร ครั้นจะกำจัดให้ออกไปก็คงต้องใช้เวลากันสักหน่อย ซึ่งอย่างที่รู้กันนั่นล่ะค่ะว่าการลดน้ำหนักถ้าจะให้ได้ผลดีและยั่งยืนต้องลดแบบค่อยเป็นค่อยไปถึงจะทำให้ปลอดภัยต่อสุขภาพและไม่กลับมาอ้วนอีกแบบโยโย่เอฟเฟกต์ยังไงล่ะคะ
“สุขภาพและรูปร่างที่ดีสร้างได้แต่ต้องใช้เวลา” ประโยคนี้จริงแท้และแน่นอนที่สุดค่ะ ที่สำคัญการลดน้ำหนักก็ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการอดอาหารเพียงอย่างเดียว เพียงแค่เราต้องรู้จักเลือกและจำกัดปริมาณอาหารที่รับประทานแต่ละมื้อให้ได้สัดส่วนในปริมาณที่พอเหมาะ นอกจากนี้อาจบวกเคล็ดลับในการลดน้ำหนักแบบค่อยเป็นค่อยไปเข้าไปอีกสักหน่อย เพื่อมิชชั่นจะได้คอมพลีทมากขึ้น วันนี้เราได้รวบรวมเคล็ดลับที่หลายคนอาจยังไม่รู้ ว่าหากทำแบบนี้อย่างต่อเนื่อง ความผอมจะมาเยือนแบบยั่งยืน จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลยค่ะ!
>> กินให้ช้า เคี้ยวให้ช้า <<
คุณเคยสังเกตตัวเองหรือไม่ว่าเวลากินอาหารเร็วๆ ด้วยความหิว และเร่งรีบ เราจะกินได้มาก แบบกินเท่าไรก็ไม่อิ่ม นั่นล่ะค่ะตัวการทำให้อ้วนง่าย แต่หากเปลี่ยนมาเป็นการค่อยๆ กิน ค่อยๆ เคี้ยว อย่างน้อยเคี้ยวให้ได้ประมาณ 20-30 ครั้ง ต่อ 1 คำ จะทำให้กินอาหารได้น้อยลง เพราะจะทำให้สมองมีเวลาที่จะส่งสัญญาณไปบอกให้ท้องรู้สึกอิ่มได้ แล้วที่สำคัญทำให้ระบบย่อยไม่ต้องทำงานหนักด้วย เพราะเราเคี้ยวอาหารได้ละเอียดขึ้นนั่นเอง
>> กรุณาอย่าตุน <<
ห้ามเลยนะคะกับความคิดในการซื้ออาหารตุนเอาไว้ในตู้เย็นทีละเยอะๆ เวลาเปิดตู้เย็นมาทีก็มีแต่อาหารเต็มไปหมด เพราะการทำแบบนั้นนอกจากทำให้ต้องกินอาหารที่ไม่สดใหม่แล้ว ยังต้องตอบสนองความเสียดายที่จะต้องทิ้งอาหารไปจึงต้องกินให้หมดๆ นั่นล่ะค่ะ ยิ่งทำให้อ้วน เพราะความเสียดายของ เอาแบบนี้ค่ะซื้อเท่าที่เราจะกินแบบเป็นมื้อๆ หรือถ้าอยากจะตุนก็เป็นพวกผลไม้ที่ไม่ทำให้อ้วน อย่าง แอปเปิล ฝรั่ง อะไรพวกนี้จะดีกว่า ถ้าตุนอาหารสดก็เอาแบบไม่กี่มื้อ เวลาหมดก็ค่อยซื้อใหม่ดีกว่าค่ะ
>> บุฟเฟต์เลี่ยงได้ควรเลี่ยง <<
“บุฟเฟต์” คืออาหารของคนอ้วนอย่างแท้จริง อันนี้น่าจะไม่มีใครเถียง ยิ่งหากเรากินเป็นประจำด้วยล่ะก็พังค่ะ ลองดูสิคะว่าในบุฟเฟต์มีอาหารให้เลือกกินมากมาย กินได้แบบไม่จำกัด หรือบางที่จำกัดเวลาก็จะยิ่งทำให้เราต้องรีบกินเข้าไปอีกกลัวว่าจะไม่คุ้ม ดังนั้น หากสาวๆ คนไหนที่พิศมัยในการกินบุฟเฟต์เป็นชีวิตจิตใจแล้วล่ะก็ต้องตัดใจด่วนเลยค่ะ เอาแบบถ้าจะกินก็นานๆ ทีก็พอ แบบเดือนละครั้ง ทำแบบนี้ได้ เราจะได้ห่างไกลจากความอ้วนนะคะ ท่องไว้ๆ
>> ชั่งน้ำหนักเป็นครั้งคราว <<
การชั่งน้ำหนักจะทำให้คุณรู้ว่าตัวเองมีน้ำหนักเท่าไร หรือว่าน้ำหนักลงไปเท่าไรแล้ว ดังนั้น ช่วงที่กำลังลดน้ำหนักควรชั่งแบบเป็นครั้งคราว ไม่ชั่งบ่อยแบบชั่งทุกวัน เพราะน้ำหนักของคนเราลงวันละเป็นกิโลไม่ได้ ถ้าชั่งบ่อยๆ อาจทำให้เสียกำลังใจเปล่าๆ ถ้าให้ดีควรชั่งแค่สัปดาห์ละครั้ง หรือเดือนละครั้งก็พอ จะได้เห็นผลดีกว่าหากเราตั้งใจลดจริงๆ แถมเคล็ดลับให้อีกนิดนะคะ เวลาชั่งน้ำหนักถ้าจะให้ดี ควรชั่งหลังตื่นนอนและเปลือยกายชั่งเลยค่ะ จากนั้นก็สำรวจตัวเองในห้องน้ำให้ทั่ว แล้วจะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดี
>> ตักแต่พอกิน <<
การค่อยๆ ตักอาหารเพียงบางส่วนไม่ตักมากจนเกินพอดี เป็นการตัดวงจรการกินอาหารแบบเกินพิกัดได้ดีที่สุด หากยังไม่รู้สึกหายหิวก็ไปตักเพิ่มอีกนิดหน่อยเพื่อเติมให้ร่างกายได้รับปริมาณอาหารที่พอดี เพราะถ้าตักเยอะเราก็จะกินจนหมด ซึ่งที่จริงร่างกายอาจจะอิ่มแล้ว แต่สมองสั่งว่าต้องตักที่กินให้หมดถึงเรียกว่าอิ่ม ควรตักแต่พอดี ไม่ต้องเยอะหากทำจนติดเป็นนิสัยในครั้งต่อไปคุณก็จะกินอาหารแค่เพียงที่ตักมาเท่านั้น ไม่มีการตักเพิ่มหากไม่จำเป็น และการตักแต่พอดีเป็นการควบคุมการขยายตัวของกระเพาะอาหารได้ด้วย แถมยังช่วยให้ในแต่ละมื้อไม่ต้องทนหิวโหย หรืออิ่มจนเกินไป เพราะในแต่ละมื้อได้รับสารอาหารที่เพียงพอแก่ร่างกายต้องการ แถมไม่ต้องใช้เวลานานในการออกกำลังกายเพื่อเบิร์นไขมันหรือพลังงานออกจากร่างกายมากนักอีกด้วยล่ะค่ะ
>> ใส่ให้คับกินได้น้อย <<
การสวมใส่เสื้อผ้าคับๆ เป็นประจำ เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่จะช่วยทำให้เรากินได้น้อยลง ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เราอยู่บ้าน หรืออยู่นอกบ้าน ใส่ให้ฟิตทั้งช่วงบนและช่วงล่าง จะทำให้การกินของเราได้รับการควบคุมอยู่ตลอดเวลา ทำให้กินได้น้อยไปโดยอัตโนมัติเพราะเมื่อกินมากก็จะรู้สึกอึดอัด หน้าท้องจะยื่นและห้อย สุดท้ายจะทำให้เราเรียนรู้การกินในปริมาณที่พอเหมาะไปเอง หากเป็นไปได้สาวๆ ควรหาสเตย์มาใส่ร่วมกับเสื้อผ้ารัดๆ ด้วยจะทำให้กินได้น้อยลง แถมยังมีรูปร่างที่ดีขึ้นอีกด้วย
>> กินแล้วแปรงฟันเลย <<
วิธีการนี้บอกเลยค่ะว่าเหมาะอย่างยิ่งสำหรับสาวขี้เกียจ โดยเฉพาะคนที่ขี้เกียจแปรงฟัน เมื่อคุณกินอาหารมื้อเย็นเรียบร้อยแล้วควรตัดวงจรการกินมื้อดึกด้วยการรีบแปรงฟันในทันที แปรงนานๆ ให้ฟันสะอาดสดชื่นจะทำให้ปากหอมสะอาด มีแต่กลิ่นยาสีฟัน จะทำให้ไม่รู้สึกอยากกินอาหารให้ปากสกปรกจนต้องกลับไปแปรงฟังอีกซ้ำสองไงล่ะคะ เป็นจิตวิทยาเล็กๆ ก็ว่าได้ค่ะ
>> ไม่อดแต่ลดแทน <<
การอดอาหารเป็นบางมื้อหรือเป็นบางวันนั้นแทนที่จะดีคือลดน้ำหนักได้เร็วกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย ส่วนใหญ่ที่ได้ผลกลับมาคือกลับมีน้ำหนักที่มากขึ้นด้วยซ้ำ เพราะร่างกายเกิดตบะแตก ทำให้อยากกินอาหารเข้าไปในปริมาณที่มากเพื่อทดแทนช่วงเวลาที่อดอาหารไป แม้จะแค่มื้อสองมื้อไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม ดังนั้น แทนที่จะอดอาหารให้เรี่ยวแรงถดถอยและเสียการควบคุมอารมณ์และจิตใจของตัวเอง เปลี่ยนมาเป็นการลดอาหารลงโดยลดปริมาณอาหารเหลือครึ่งหนึ่ง หรือ 2 ใน 3 ของที่เคยกินปกติ ค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ ทีละน้อย ในปริมาณที่ร่างกายรับได้ สุดท้ายเราจะกลายเป็นคนปกติที่กินอาหารในปริมาณไม่มาก และจะมีรูปร่างดีเหมือนคนอื่นยังไงล่ะคะ
>> ฟังเพลงช่วยออกกำลังกายได้นานขึ้น <<
การฟังเพลงขณะออกกำลังกายทำให้ออกกำลังกายได้นานขึ้น มีนักวิจัยหลายคนค้นพบว่าเสียงเพลงช่วยเพิ่มความอดทนของกล้ามเนื้อในการลุก-นั่ง และการดันพื้น สำหรับการเดิน-วิ่ง พร้อมฟังเพลงไปด้วยทำให้การเดินและวิ่งมีอัตราที่เร็วขึ้น อีกทั้งเสียงเพลงยังช่วยเพิ่มระยะเวลาในการออกกำลังกายได้มากขึ้นหากเราฟังเพลงจังหวะช้าๆ เสียงเบาๆ จะทำให้เราออกกำลังกายได้นานขึ้นกว่าปกติ ไม่ควรเปิดเพลงจังหวะเร็วและดังมากนะคะ อันนั้นจะทำให้เหนื่อยมากขึ้นเพราะเสียงเพลงที่ไปกระตุ้นหัวใจค่ะ
>> กินเผ็ดลดอ้วน <<
อาหารเผ็ดๆ ที่มีพริก พริกไทย หรือเครื่องเทศที่มีความเผ็ดร้อนนั้นดีต่อสุขภาพและรูปร่างของสาวๆ คือช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใสเนื่องจากความเผ็ดทำให้ร่างกายขับเหงื่อและสารพิษออกมาได้ ทำให้เลือดลมสูบฉีดไหลเวียนดีขึ้น ผิวพรรณก็จะดีไปด้วย ที่สำคัญคือมีการศึกษาพบว่าความเผ็ดของพริกช่วยเพิ่มอุณหภูมิในร่างกายอช่วยในการเผาผลาญจึงมีประโยชน์เรื่องการควบคุมน้ำหนัก แถมกินพริกมากๆ จะไม่ทำให้รู้สึกอยากกินหวานอีกด้วย แต่ควรเลือกกินเผ็ดเป็นบางมื้อก็พอนะคะ ไม่ควรกินเผ็ดมากเกินไปเพราะอาจเป็นอันตรายต่อระบบย่อยและระบบขับถ่ายค่ะ
>> เปิดโอกาสแก่ตัวเอง <<
ใช้คำซะหรูเลยว่าเปิดโอกาส (ฮา) ที่จริงก็คือการเปิดโอกาสให้ตัวเองได้กินอะไรตามใจชอบบ้าง เมื่ออยู่ในช่วงของการลดน้ำหนักผ่านไปสัก 1-2 สัปดาห์ ถือเป็นการให้กำลังใจตัวเองไม่บีบคั้นตัวเองมากนัก เช่น อาจให้รางวัลตัวเองด้วยไอศกรีมรสโปรด 1 ถ้วย กินช็อกโกแลต 1-2 แท่ง หลังจากลดน้ำหนักมาได้สัก 1 เดือนแล้ว เราจะมีกำลังใจว่า อดเปรี้ยวไว้กินหวาน เมื่อน้ำหนักลงก็กินอะไรที่ชอบได้ เชื่อเถอะค่ะว่าวิธีนี้ได้ผลชัวร์ เราลองมาแล้ว!
การลดน้ำหนักจะไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไปค่ะหากเรามีทัศนคติที่ดี แถมยังทำให้มีความสุขกับการลดน้ำหนักอีกด้วย ก่อนลดน้ำหนักเราต้องถามตัวเองให้ดีว่าเราต้องการลดเพื่ออะไร จากนั้นก็เดินหน้าลดไปเรื่อยๆ ค่อยๆ เริ่มทีละน้อยจากวิธีที่เราแนะนำไป ไม่ยากเกินไปใช่มั้ยคะ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ