ฝรั่ง กับการลดน้ำหนัก
แอดมินคิดว่าหลายๆคนกำลังเข้าสู่ในโหมด ‘ลดน้ำหนัก‘ อย่างจริงจังนั้น โดยเฉพาะตัวแอดมินเอง… นอกจากจะต้องปรับปรุงพฤติกรรมของตัวเองอย่างขนานใหญ่แล้ว รูปแบบอาหารก็ต้องเปลี่ยนแปลงจากที่กินอยู่เป็นประจำ มาเปลี่ยนเป็น อาหารเฉพาะของโปรเจกต์ดังกล่าวนี้ เพื่อเป้าหมายสิ่งเดียว นั่นคือ การลดน้ำหนักตามเป้าหมายอย่างที่ตั้งใจไว้…และแน่นอน เมื่อมาถึงโหมด ‘ผลไม้’ ด้วยขึ้นชื่อว่าเป็น ‘พืช’ ชนิดนึง ที่เป็นผลมาจากราก ทำให้เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ที่ช่วยทำให้เราสามารถอิ่มท้องได้แล้ว สรรพคุณที่ได้จากสิ่งเหล่านี้ ก็ไปช่วยสร้างประโยชน์ให้กับร่างกายได้ด้วย ซึ่ง ผลไม้ที่มีนามว่า ‘ฝรั่ง’ นั้น ก็อยู่ในจำพวกนั้นหลายๆคน คงทราบคร่าวๆ แล้วว่าผลไม้นาม ‘ฝรั่ง’ นั้น เป็นตัวช่วยชั้นดีในการลดน้ำหนักให้กับใครก็ตามที่เริ่มภารกิจดังกล่าว นอกจากนี้ ยังให้ประโยชน์แก่ร่างกายไม่แพ้ผลไม้ชนิดอื่นอีกด้วย
โภชณาการปริมาณน้ำหนัก 165 กรัม จะให้วิตามินสูงถึง 377 มิลลิกรัมเลยทีเดียว แถมยังให้พลังงานต่ำอีกต่างหาก (ฝรั่ง 1 ลูก ให้พลังงานแค่ 45 แคลอรี่ เท่านั้น)
ส่วนประโยชน์ในด้านอื่นๆ
ด้านโรคภัย เช่น ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด, ใช้รักษาอหิวาตกโรค, ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน, ช่วยในเรื่องระบบขับถ่ายให้ห่างไกลโรคลำไส้อักเสบ, สารอนุมูลอิสระ ยังช่วยให้เราไม่เป็นโรคมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งในช่องท้อง มะเร็งกล่องเสียง หรือมะเร็งหลอดอาหาร เป็นต้น
ด้านร่ายกาย นอกจากเป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนักแล้ว ยังช่วยเพิ่มระดับไขมันดีในร่างกาย (HDL), การได้รับวิตามินซี จะช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานเป็นปกติ ซึ่งส่งผลให้สุขภาพหัวใจของเราแข็งแรง , ช่วยกำจัดคราบอาหารบนตัวฟัน ในตอนรับประทานได้
ด้านสมอง ช่วยให้ความจำของเราดีขึ้นอย่างเห้นได้ชัด เพราะในผลนั้น มีแร่ธาตุ จำพวก ฟอสฟอรัสและทองแดง ที่ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง ทำให้เรามีความจำที่ดีขึ้น
ด้านผิวพรรณ เช่น มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูงมาก ที่ช่วยให้ชะลอวัยและริ้วรอยต่าง, เสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย, บำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง
ข้อควรระวังในการรับประทาน
- ผู้หญิงตั้งครรภ์แนะนำว่าควรเลี่ยงการทาน หรือไม่ควรทานในปริมาณที่มากเกินไป เพราะอาจจะส่งผลทำให้มีลมภายในช่องท้องมากกว่าปกติ
- มีเส้นใยอาหารมาก หากทานในปริมาณมากเกินความต้องการของร่างกายก็จะส่งผลทำให้เกิดปัญหาท้องผูกตามมาได้
- หลีกเลี่ยงการรับประทานคู่กับน้ำตาลและพริกเกลือ เพราะจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยโรคเบาหวาน รวมถึงผู้ที่เป็นความดันโลหิตที่ชอบทานแบบจิ้มพริกเกลือที่มีปริมาณเกลือโซเดียมมากเกินไปก็ควรเลี่ยงหรือลดปริมาณเครื่องจิ้มต่างๆ ให้น้อยลง
ขอบคุณข้อมูลจาก