หากจะพูดถึงจังหวัดร้อยเอ็ดหลายคนคงจะนึกถึงดินแดนที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม และข้าวหอมมะลิที่ของชาวทุ่งกุลาร้องไห้ที่สร้างชื่อเสียงดังกระฉ่อนไปทั่วโลก แต่ยังมีอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่จะพาทุกคนไปตื่นตาตื่นใจไปกับโบราณสถานคู่บ้านคู่เมืองของชาวกู่กาสิงห์ สัมผัสกับวิถีชีวิตพื้นบ้านที่เรียบง่ายและชื่นมื่นไปกับอาหารพื้นเมืองชั้นยอด พร้อมกับตะลุยดินแดนแห่งอารยธรรมชั้นเลิศที่ไม่ว่าใครได้เข้ามาเป็นอันต้องตกหลุมรักกันทุกคน
การเดินทางก็ไม่ยากค่ะ สามารถเดินทางโดยใช้เส้นทางร้อยเอ็ด-เกษตรวิสัย ทางหลวงหมายเลข 214 ระยะทาง 47 กิโลเมตร จากนั้นเดินทางต่อไปทางหลวงสายเกษตรวิสัย-สุวรรณภูมิ ประมาณ 4 กิโลเมตรจะมีแยกทางขวา ให้เลี้ยวเข้ากู่กาสิงห์เป็นระยะทางอีก 10 กิโลเมตร ก็ถึงที่หมายแล้วค่ะ
โบราณสถานที่ดูเหมือนจะเป็นซากปรักหักพังเหล่านี้มีอายุร่วม 1500 ปี เป็นปราสาทหินที่ยังสร้างไม่เสร็จ โดยมีอาคารมณฑปเป็นใจกลางสำคัญของกู่กาสิงห์ (กู่ หมายถึง สถูป) เป็นคำที่ใช้เรียกโบราณสถาน กู่กาสิงห์จึงหมายถึงเมืองโบราณที่มีตราสิงห์เป็นเครื่องหมาย โดยมีตำนานที่เล่าขานต่อกันมาว่าเจ้าเมืองขอมได้เกณฑ์กำลังฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย เข้ามาสร้างกู่แข่งกันโดยมีกติกาว่าเมื่อดาวรุ่งปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าให้หยุดการสร้างกู่ทันที ซึ่งขอมฝ่ายหญิงนั้นอยากเอาชนะฝ่ายชายมากจึงเอาโคมไฟขนาดใหญ่ติดบนยอดไม้สูง เมื่อขอมฝ่ายชายเห็นดวงไฟดังกล่าวจึงคิดว่าเป็นวันรุ่งขึ้นจึงหยุดการสร้างกู่ซะอย่างนั้น จึงทำให้ขอมฝ่ายหญิงสร้างเสร็จ ชนะไปในที่สุด
หลังจากที่เราชื่นชมกับโบราณสถานคู่เมืองของชาวกู่กาสิงห์ไปแล้ว ก็ไปแหล่งรวมความรู้อย่างพิพิธภัณฑ์มรดกทางภูมิปัญญากันต่อ ที่นี่จะมีการเก็บรวบรวมเครื่องมือที่ใช้หาเลี้ยงชีพของคนกู่กาสิงห์สมัยโบราณ รวมถึงนวัตกรรม ภูมิปัญญา และประเพณีต่างๆ รวบรวมมาไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษากันอีกด้วย
ถ้าเพื่อนๆ พร้อมแล้วเราเข้าไปตะลุยพิพิธภัณฑ์มรดกทางภูมิปัญญากันเลย สิ่งแรกที่เราจะพบจากที่นี่ถือคันไถ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของพี่น้องชาวนานั่นเองค่ะ เพราะพื้นที่กู่กาสิงห์เป็นส่วนหนึ่งของอำเภอทุ่งกุลาร้องไห้ที่ผลิตข้าวหอมมะลิที่อร่อยที่สุดในโลกอีกด้วย
ดังนั้น ที่นี่จึงจัดตั้งสหกรณ์ข้าวขึ้นมาเพื่อรองรับข้าวจำนวนมหาศาล และข้าวที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของชาวทุ่งกุลาร้องไห้ซึ่งเป็นที่นิยมของชาวโลกได้แก่ข้าวหอมมะลิ 105 เป็นข้าวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและขึ้นชื่อว่าอร่อยที่สุดในโลกอีกอีกด้วย
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการที่พักแบบได้บรรยากาศชาวชุมชนกู่กาสิงห์ ก็จะมีกลุ่มโฮมสเตย์ที่ชาวบ้านรวมกลุ่มกันสร้างขึ้นมา รวมถึงยังมีกิจกรรมสนุกๆ ให้ทำอีกเพียบ ด้านหลังโฮมสเตย์จะเป็นสวนผักบนพื้นที่ร่วม 6 ไร่ เรียกได้ว่าทุกท่านจะได้สัมผัสวิถีชีวิตแบบชาวกู่กาสิงห์แบบเต็มๆ
กิจกรรมสนุกๆ อย่างแรกคือการเก็บชะอมซึ่งต้นชะอมสูงที่นี่ขอบอกว่าสูงมาก แอบกระซิบนิดนึงว่าการเก็บชะอมจะต้องได้เลือดนะ เพราะมันมีหนามต้องใช้ความพิถีพิถันซักหน่อย วิธีการเก็บชะอมก็ง่ายๆ ค่ะ ตัดอย่างเดียว
ถึงเวลาเยี่ยมชมสวนหลังโฮมสเตย์ ที่นี่น่าตื่นตาตื่นใจมากทีเดียวเพราะเปรียบเสมือนเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตเลยก็ว่าได้ค่ะ ทั้งปลูกทั้งเลี้ยงทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นพืชผักสวนครัว ผลไม้ สมุนไพร เลี้ยงปลา เลี้ยงเป็ด และอีกหลายอย่าง จนได้เป็นสวนเกษตรต้นแบบ แถมตอนนี้ก็ยังใจดีเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมวิถีชีวิตของชาวกู่กาสิงห์ได้อีกด้วย คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้มอีกค่ะ
อีกหนึ่งกิจกรรมสนุกๆ ที่พลาดไม่ได้คือการหว่านเมล็ดข้าวค่ะ ขั้นตอนก็ง่ายๆ เลย กำเมล็ดข้าวแต่พอเหมาะแล้วหว่านไปข้างหน้าได้เลยค่ะ
ปิดท้ายด้วยการเก็บไข่ผำ หรือไข่น้ำ พืชที่เกิดขึ้นตามฤดูกาล พบได้ในแหล่งน้ำสะอาดเท่านั้น และยังเป็นพืชดอกที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลกอีกด้วย นอกจากนี้เป็นแหล่งโปรตีน และเคลเซียมชั้นดี ไม่ได้หาทานได้ง่ายๆ นะคะ พอตักขึ้นมาจะมีลักษณะเป็นผงๆ สีเขียวเหมือนผงชาเขียวนั่นเอง ชาวบ้านมักนิยมนำไปทำแกงไข่ผำ หรือทอดกับไข่เจียวก็อร่อยกลอมกล่อมค่ะ
หลังจากที่ได้ทดลองการใช้ชีวิตตามวิถีชาวกู่กาสิงห์แล้วก็ถึงเวลารับประทานอาหาร กับข้าวที่เป็นอาหารเย็นสำหรับเลี้ยงแขก ชาวบ้านจะเรียกว่า พาแลง (พา หมายถึง สำรับกับข้าว หรือถาดที่ชาวอีสานไว้ใส่กับข้าวล้อมวงรับประทาน) ส่วนคำว่า (แลง หมายถึง ตอนเย็น) ชาวอีสานจะให้ความสำคัญกับพาแลงเป็นอย่างมาก เพราะถือว่าเป็นการเลี้ยงต้อนรับแขกอย่างอบอุ่น ที่สำคัญอาหารที่นี่เค้าปลอดสารพิษ 100% ค่ะ
และนี่ก็คือทั้งหมดของความชื่นใจในชุมชนกู่กาสิงห์แห่งนี้ ได้ทั้งความรู้ ทั้งความสนุกสนานแถมยังได้อิ่มท้องกับพาแลงที่น่าประทับใจ ถ้าใครได้มีอากาสได้แวะเวียนเข้ามาที่จังหวัดร้อยเอ็ดก็อย่าลืมไปท่องเที่ยวแหล่งโบราณสถาน และสัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวกู่กาสิงห์กันด้วยนะคะ รับรองว่าทุกท่านจะได้มากกว่าความประทับใจ
ขอบคุณข้อมูลดีๆ จากอมรินทร์ทีวี ร่วมกับโครงการพลังประชารัฐและไทยเบฟเวอเรจ
ขอบคุณภาพสวยๆ จากรายการชื่นใจไทยแลนด์ ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 21:30 น. ช่อง 34 อมรินทร์ทีวี
ติดต่อเยี่ยมชมชุมชน
ชุมชนกู่กาสิงห์ อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด โทร.08-4789-7006, 04-363-2155, 04-363-2115