ใบแมงลัก หรือ ผักอีตู่”
ใบแมงลัก หรือ ผักอีตู่ ผักพื้นบ้านที่หลายคนต้องรู้จักอย่างแน่นอน โดยเฉพาะชาวอีสาน! บ้านเฮา ที่มีอยู่ในเมนูอาหารอีสานหลากหลายเมนูเลยทีเดียว อาทิ หมกหน่อไม้ อ่อม แกงเห็ด หรือแกงหน่อไม้ส้มใส่ไก่ หืม… แต่ล่ะเมนูนี่แซบๆทั้งนั้นเลย ^^ เอาล่ะ แต่นอกจากความอร่อยของเมนูอาหารแล้ว ยังแฝงไปด้วยประโยชน์ดีๆมากมาย วันนี้แอดเลยรวม สาระน่ารู้ เกี่ยวกับผักชนิดนี้ มาฝากแฟนเพจทุกคน มาดูกันเลย…
มาทำความรู้จักกับ ใบแมงลัก กันเสียก่อน…
แมงลัก เป็นพืชในสกุล “กะเพรา” และ “โหระพา” ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ลักษณะของต้นจะคล้ายคลึงกัน ต่างกันตรงที่ กลิ่นและสีของใบจะอ่อนกว่า มีกลิ่นหอมทุกส่วน ดอกและช่อจะออกที่ปลายยอดคล้าย กะเพรากับโหระพา
มีชื่อตามท้องถิ่น
- ภาคเหนือ : ก้อมก้อข้าว
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : มังลัก อีตู่
วิธีสังเกตความแตกต่างของ ใบแมงลัก กับ “ใบโหระพา”
- เริ่มจากสังเกตที่ใบ ใบแมงลักจะมีลักษณะที่เล็กกว่าใบโหระพา
- สังเกตที่ลำต้นแมงลัก จะมีสีเขียวอ่อนเกือบขาว ส่วนใบโหระพา ลำต้นจะออกสีม่วงแดง
- ต้นของโหระพาจะใหญ่กว่าต้นแมงลัก
- ใบแมงลักจะเป็นรูปรีออกตรงข้ามกัน ปลายและโคนของใบแหลม ขอบใบเรียวหรือหยักมน ๆ ซึ่งต่างจากใบโหระพาที่ขอบใบจะหยักเป็นฟันเลื่อยห่าง ๆ
ประโยชน์ของใบแมงลัก
- ใบแมงลักมีธาตุเหล็กสูง ช่วยในการบำรุงเลือด ช่วยเปลี่ยนถ่ายออกซิเจน และช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
- ใบแมงลักคามีสารเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยทำให้ร่างกายสังเคราะห์วิตามินเอได้เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อการบำรุงผิวหนัง และบำรุงสายตา
- กรดของสารประกอบฟีนอลลิกในใบแมงลัก ออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์ ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ช่วยให้ผิวพรรณแลดูอ่อนกว่าวัย รวมถึงฤทธิ์อย่างอื่นๆอีกมากมาย
- ใช้ต้มน้ำดื่ม รักษาอาการเจ็บคอ ลดอาการไอ ขับเสมหะ และแก้หลอดลมอักเสบ
- ใบใช้ต้มน้ำดื่มรักษาอาการไข้หวัด
- ช่วยรักษาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ
- ช่วยลดอาการท้องผูก
- ช่วยลดอาการ และป้องกันโรคกระเพาะอาหาร
- ช่วยขับลมในกระเพาะอาหาร
- ลดอาการลำไส้อักเสบ
- ช่วยลดอาการแสบท้อง
- ลดอาการแผลในกระเพาะอาหาร
- รักษากลากน้ำนมบริเวณใบหน้าเด็ก โดยนำใบแมงลักประมาณ 1 กำมือ มาบดหรือตำผสมกับน้ำเล็กน้อย แล้วนำไปทาบริเวณที่เกิดกลากน้ำนม ต่อเนื่อง อาทิตย์ หลังจากนั้น รอยกลากจะค่อยๆจางลง และหายเป็นปกติ
สรรพคุณ เม็ดแมงลัก
- ใช้ต้มน้ำดื่มหรือรับประทานสำหรับเป็นยาระบายอ่อนๆ เพราะเมล็ดประกอบด้วยเมือกลื่นที่ช่วยในการขับถ่าย ทั้งทำให้อุจจาระอ่อนตัว และอุจจาระเคลื่อนตัวได้ดี
- ช่วยลดอาการท้องผูกจากคุณสมบัติของเมือกในเมล็ดที่กล่าวข้างต้น
- เมือกในเมล็ดช่วยเพิ่มความหนืดของอาหาร และช่วยให้เกิดการย่อยอาหารอย่างช้าๆ ทำให้รู้สึกอิ่มได้นานขึ้น
- เมล็ดแมงลักคามีแคลเซียมสูง ช่วยเสริมการสร้างกระดูก และฟัน ป้องกันโรคกระดูกเสื่อม
- เมล็ดมีขนาดเล็ก แต่มีเส้นใยสูงมาก ช่วยเป็นยาระบาย ทำให้ขับถ่ายได้ง่ายขึ้น
- เมือกเมล็ด ช่วยลดอาการแสบในกระเพาะอาหาร และลดการเป็นโรคกระเพาะอาหาร
- ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก และลดน้ำหนักได้ดี
ข้อควรระวังในการรับประทาน เม็ดแมงลัก
- การรับประทานเม็ดแมงลักในปริมาณมากๆ อาจจะเกิดอาการแน่นท้องรู้สึกไม่สบายตัวได้
- การรับประทานเม็ดแมงลักในขณะที่ยังพองตัวไม่เต็มที่ อาจจะเกิดการดูดน้ำจากกระเพาะอาหารทำให้เม็ดแมงลักจับตัวกันเป็นก้อนและอุดตันในลำไส้ ซึ่งอาจทำให้ท้องผูกได้เช่นกันถ้ารับประทานแบบผิดวิธี
- ไม่ควรรับประทานเม็ดแมงลักพร้อมกับกับยาอื่น ๆ เพราะจะมีผลทำให้ร่างกายดูดซึมยาเหล่านั้นได้ไม่ดีและน้อยลง ดังนั้นควรทานยาก่อนสักประมาณ 15-30 นาทีแล้วค่อยรับประทานเม็ดแมงลักตาม
- สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก การรับประทานเม็ดแมงลักแทนมื้ออาหารหลักควรรับประทานเป็นบางมื้อ เพราะอาจจะทำให้ร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็นอื่น ๆได้
- อีกสิ่งที่ต้องระวังไว้ก็คือการเลือกซื้อ ควรเลือกซื้อเม็ดแมงลักที่มีความสะอาดได้มาตรฐานน่าเชื่อถือ อยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่ปิดมิดชิด เก็บไว้ในที่เหมาะสม เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว อาจมีเชื้อราหรือสารพิษอย่างอะฟลาทอกซินปนเปื้อนมาด้วยก็ได้ (สารอะฟลาทอกซิน เมื่อบริโภคจำนวนมากอาจทำให้อาการท้องเดิน อาเจียน และสะสมเป็นสารก่อมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งตับ)
วิธีเก็บรักษาแมงลัก
แมงลักเป็นผักที่บอบบาง ช้ำง่ายและเหี่ยวง่าย เราจะมีวิธีเก็บรักษาให้สดนานๆ มีขั้นตอนดังนี้…
เริ่มจากตัดกิ่งแมงลัก แล้วนำมาล้างน้ำให้สะอาด (แมงลักเป็นผักที่บอบบาง ช้ำง่ายและเหี่ยวง่าย) หลังจากนั้นให้สะเด็ดน้ำออกให้หมด แล้วนำมาห่อด้วยกระดาษหรือผ้าขาวบาง จากนั้นใส่ถุงหรือกล่องพลาสติก แล้วนำไปแช่ตู้เย็น จะเก็บไว้ใช้ได้นานขึ้น
เพียงเท่านี้ก็ได้ประโยชน์และสาระมากมายแล้วนะคะ ถ้าดูแล้วอย่าลืมไปหารับประทานกันนะ เพื่อสุขภาพที่ดีของลูกเพจทุกคน ^ ^
ขอบคุณข้อมูลจาก
กดติดตาม Instagram ได้ที่ @ amarincuisine Follow มาเยอะๆ นะคะ 😘
ง่าย สนุก สุข อร่อย อยากกิน..อยากฟิน..อยากทำ.. อย่าลืมติดตาม #Acuisine นะจ๊ะ