บลูเบอร์รี่
B l u e b e r r y
วันนี้ A Cuisine ขอนำสาระน่ารู้ของ บลูเบอร์รี่ ถูกขนานนามว่าเป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่มีประโยชน์มากที่สุด! แอดเลยนำประโยชน์เด่นๆมาฝากแฟนเพจทุกคนมาดูกันเลยค่ะ
Blueberry เป็น 1 ในผลไม้ยอดนิยมที่คนนำมาทำอาหาร ขนมหวาน และเครื่องดื่ม โดย Blueberry สดปริมาณ 100 กรัม จะมีน้ำเป็นส่วนประกอบถึง 84 เปอร์เซ็นต์ และให้พลังงาน 57 แคลอรี่ ทั้งยังอุดมไปด้วยโพแทสเซียม ฟอสฟอรัส ไฟเบอร์ วิตามินเค และสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกมากมายอย่างสารฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ที่มีงานวิจัยบางส่วนพบว่าสารนี้อาจมีสรรพคุณในการบำรุงหัวใจและสมองด้วย อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์บางส่วนได้พิสูจน์คุณประโยชน์ด้านต่าง ๆ ของ Blueberry ไว้ ดังนี้…
15 ประโยชน์ของ บลูเบอร์รี่
อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด
ซึ่งร่างกายต้องการเพื่อช่วยทำให้เซลล์ในร่างกายสามารถซ่อมแซมตัวเองจากโรคต่างๆ ได้ดีขึ้น รวมทั้งการรักษาบาดแผล การป้องกันโรคมะเร็ง ลดการเป็นโรคเลือดออกตามไรฟัน ตลอดจนถึงโรคเก๊าท์หรืออาการปวดตามข้อ
มากด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
ซึ่งมีส่วนช่วยเพิ่มประสิทภาพการทำงานของเซลล์ให้ดียิ่งขึ้น ช่วยลดการอักเสบของหลอดเลือดอันเป็นสาเหตุของโรคหัวใจ โรคทางประสาทและสมอง ช่วยป้องกันการเสื่อมของร่างกายและชะลอความแก่ชรา ฟื้นฟูการสร้างคอลลาเจนที่ผิว ทำให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์ ริ้วรอยดูลบเลือนลง ทำให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย และอาจช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้ด้วย (ข้อมูลของ USDA หรือ สถาบันวิจัยโภชนาการทางด้านสรีระศาสตร์ ได้ระบุว่าบลูเบอร์รี่จัดเป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงที่สุด ซึ่งผลจากการทดสอบค่าที่เรียกว่า “ORAC” (Oxygen Radical Absorbance Capacity) ได้แสดงให้เห็นว่าบลูเบอร์รี่สดจะมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าผลไม้สดและผักชนิดอื่น)
ดีต่อระบบประสาทและสมอง
ช่วยทำให้เซลล์สมองสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ดีขึ้น ทำให้ความสามารถในการจำของเราดีขึ้น ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ รักษาเซลล์สมองที่ถูกทำลาย โดยมีรายงานว่า ผศ.โรเบิร์ต คริโคเรียน แห่งศูนย์สุขภาพ มหาวิทยาลัยซินซินเนติในสหรัฐ ได้ทำการทดลองให้ผู้สูงอายุที่เริ่มมีอาการหลงๆ ลืมๆ ได้ดื่มน้ำบลูเบอร์รี่คั้นสดวันละ 2 แก้ว เป็นเวลา 3 เดือนติดต่อกัน ผลการทดลองพบว่า ผู้สูงอายุเหล่านั้นมีความทรงจำที่ดีขึ้น จึงเชื่อว่าผลบลูเบอร์รี่ดิบๆ จึงน่าจะมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคความจำเสื่อมด้วย
ดีต่อผู้ป่วยโรคหัวใจ
บลูเบอร์รี่เป็นอาหารเสริมที่ดีสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจ เพราะช่วยทำให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง
ทำให้หลอดเลือดแข็งแรง
บลูเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่มีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin)ประกอบอยู่ โดยเป็นสารจำพวกฟลาโวนอยด์ที่มีสีแดงอมม่วง สารนี้มีประโยชน์ช่วยทำให้หลอดเลือดแข็งแรง ช่วยทำให้การไหลเวียนของเลือดในระดับที่เล็กมากขึ้น และช่วยในการทำงานของกระบวนการเมตาบอลิซึ่มของเซลล์เรตินา
เป็นแหล่งสารแอนโทไซยาโนไซด์
สารแอนโทไซยาโนไซด์ (Anthocyanosides) เป็นสารที่มีคุณสมบัติเทียบได้กับสารไบโอฟลาโวนอยด์ สามารถช่วยทำให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และสารชนิดนี้ยังเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการทำงานของไต และช่วยรักษาผู้ที่มีเส้นเลือดฝอยเปราะในอวัยวะที่ทำหน้าที่กรองของเสีย และสารแอนโธไซยาโนไซด์ชนิดหนึ่งคือสาร ไมร์ทิลลิน (Myrtliiln) เป็นสารสีน้ำเงินที่มีคุณสมบัติต่อต้านเชื้อแบคที่เรียได้ด้วย
สารแอนโทไซยานิน ที่พบในตระกูลเบอร์รี่
สารแอนโทไซยานินที่พบได้มากในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่รวมถึงบลูเบอร์รี่ มีส่วนช่วยในการป้องกันอาการอ่อนล้าจากการใช้สายตาหนัก ช่วยทำให้สายตาทำงานได้ดีขึ้นในที่มืด และยังช่วยป้องกันต้อกระจก ต้อหิน ต้อลม ช่วยลดความดันในลูกตา และลดความเจ็บปวดจากการบวมในลูกตา โดยข้อมูลจาก Archives of Ophthalmology ชี้ว่าการรับประทานบลูเบอร์รี่วันละ 3 ถ้วย จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคตาที่เกิดในวัยผู้ใหญ่ได้ด้วย
ระบบย่อยอาหาร
ช่วยในเรื่องของระบบการย่อยอาหารและทำให้การขับถ่ายของร่างกายทำงานได้เป็นระบบมากขึ้น จึงช่วยป้องกันโรคท้องผูกและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ได้
รักษาลำไส้ใหญ่และตับได้!
บลูเบอร์รี่มีสาร Pterostilbeneที่ช่วยรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และตับ และยังมีกรด Ellagic ที่ทำงานควบคู่กับแอนโทไซยานิน และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ป้องกันมะเร็ง โดยผลการวิจัยของ Journal of Agricultural and Food Chemistry ชี้ว่าบลูเบอร์รี่มีสารที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ และช่วยฆ่าเซลล์มะเร็งด้วย
กำจัดเชื้อแบคทีเรียในช่องปัสสาวะ
ในเรื่องของระบบปัสสาวะ แบคทีเรียอีโคไลที่ผนังท่อทางเดินปัสสาวะเป็นสาเหตุของการติดเชื้อที่มีผลทำให้เกิดอาการอักเสบและรู้สึกแสบในขณะปัสสาวะ บลูเบอร์มีสารที่ทำให้แบคทีเรียชนิดนี้หยุดการเจริญเติบโต และช่วยล้างแบคทีเรียออกจากทางเดินปัสสาวะ
ช่วยลดน้ำหนัก
สำหรับผู้ที่กำลังหาวิธีควบคุมน้ำหนักหรือลดความอ้วนแบบง่ายๆ แต่ได้ผล แนะนำให้รองรับประทานบลูเบอร์รี่ เพราะผลไม้ชนิดนี้เป็นแหล่งของพลังงานชั้นยอดที่มีแคลอรี่ต่ำ ไม่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น เพราะมีเส้นใยอาหารที่ช่วยทำให้เรารู้สึกอิ่มเร็วและอิ่มนานกว่าเดิม
ลดระดับคลอเรสเตอรอล
บลูเบอร์รี่มีสารเพคตินที่สามารถช่วยในการลดระดับของคอเลสเตอรอล ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
ลดไขมันหน้าท้อง
จากการศึกษาของศูนย์หัวใจและหลอดเลือด มหาวิทยาลัยมิชิแกน ได้แสดงให้เห็นว่าบลูเบอร์รี่อาจช่วยลดไขมันหน้าท้อง และความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ โดยพบว่าหนูทดลองที่รับประทานผงบลูเบอร์รี่ผสมในอาหารของหนู เป็นระยะเวลา 90 วัน มีไขมันหน้าท้องน้อยลง และระดับไตรกลีเซอไรด์ลดลง
ช่วยล้างสารพิษ
บลูเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่เป็นตัวต่อต้านสารพิษ ช่วยทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า และช่วยล้างพิษในร่างกาย
ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพจากบลูเบอร์รี่
1. บลูเบอร์รีอบแห้ง ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในต่างประเทศแล้วแบ่งบรรจุในประเทศไทย ซึ่งสามารถเก็บได้นานและยังคงคุณประโยชน์ครบถ้วน ซึ่งปกติแล้วสามารถนำมารับประทานเป็นอาหารว่างได้เลย แต่สำหรับผู้ที่ชอบทำอาหารอาจจะนำมาประกอบอาหารได้หลายประเภท เช่น เค้ก น้ำปั่น ขนมปัง เป็นต้น
2. แยมบลูเบอร์รี เป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปที่ได้รับความนิยมในไทย สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าหรือซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างๆทั่วไป นิยมมารับประทานกับขนมปัง
3. น้ำบลูเบอร์รี บางคนอาจจะไม่ชอบกินบลูเบอร์แบบสด ดังนั้นน้ำบลูเบอร์รีจึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่รักสุขภาพ จากผลงานวิจัยเกี่ยวกับน้ำผลไม้พบว่า น้ำผลไม้ที่มีสีออกฟ้า ม่วงหรือน้ำเงินจะสามารถทำงานได้ดีกว่าน้ำผลไม้สีอื่นๆ สารต้านอนุมูลอิสระจะทำงานได้ดี มีประโยชน์ต่อร่างกาย
4. โยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยวรสบลูเบอร์รี เป็นทางเลือกเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่ชอบรับประทานโยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยว ช่วยเพิ่มรสชาติอร่อยและได้ประโยชน์จากบลูเบอร์รีเพิ่ม
5. อาหารเสริมที่สกัดจากบลูเบอร์รี มีประโยชน์สำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจ เนื่องจากมีสรรพคุณช่วยให้กล้ามเนื้อหัวใจฟื้นฟูและแข็งแรง
นอกจากสรรพคุณและประโยชน์ของบลูเบอร์รี่ รวมถึงความโดดเด่นในรสชาติแล้ว บลูเบอร์รี่จัดว่าเป็นสีผสมอาหารจากธรรมชาติที่ให้สีฟ้า สีน้ำเงิน ที่แสนสวยงาม ถ้าบ้านเราสีครามเป็นอัญชัน ที่เมืองนอกต้องยกบลูเบอร์รี่มาแข่งได้เลย เพราะให้สีที่สวยงามนำไปเป็นสีผสมอาหารที่ให้กลิ่นหอมๆ ของผลไม้ตระกลูเบอร์รี่ได้อย่างลงตัว จะใส่อ่อนๆ แบบเจือจางก็จะได้สีฟ้า ผสมมากหน่อยได้สีคราม แต่ถ้ายากได้สีน้ำเงินเข้มๆ ก็ผสมบลูเบอร์รี่ลงไปให้เข้มข้น
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก