เศรษฐีตระหนี่ ทำบุญแล้วเสียดายทรัพย์ โดย ส.เขมรังสี (หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรํสี – เจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา)
บางคนเกิดมาร่ำรวยก็จริง แต่ไม่ได้ใช้ทรัพย์เหล่านั้นอย่างมีความสุข เป็นเศรษฐีแต่ไม่มีความสุขในทรัพย์ ไม่ได้กินได้ใช้อย่างมีความสุข ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าเป็นการให้แล้วเกิดความหวงภายหลัง ให้ไม่เด็ดขาด เกิดความตระหนี่ขึ้นมา เลยเกิดมามีทรัพย์ แต่ได้กินได้ใช้ในสิ่งที่ดี ๆ เศรษฐีตระหนี่
ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าประทับ ณ วัดเชตวัน มีเศรษฐีท่านหนึ่งอยู่ที่เมืองสาวัตถี ชื่อ อปุตตกเศรษฐี (เศรษฐีที่ไม่มีบุตร) เขามีทรัพย์มาก แต่จะไม่กินอาหารดี ๆ คนนำอาหารดี ๆ ใส่ถาดทองคำมาให้ก็จะไล่ตะเพิดทันที ขว้างปาด้วยก้อนดิน ท่อนไม้ หาว่ามาเยาะเย้ย บางทีบริวารก็นำสิ่งของเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มดี ๆ มาให้ อปุตตกเศรษฐีก็จะตะเพิดไปหมด เขาจะบริโภคแต่ปลายข้าวกับน้ำผักดอง เป็นเศรษฐี ทรัพย์มีมาก แต่ไม่ได้กินอาหารดี ๆ สวมใส่เสื้อผ้าดี ๆ นุ่งแต่ผ้าป่าน ร่วมดี ๆ มีคนนำมาให้ใช้ก็ไม่ใช้ ใช้แต่ร่มใบไม้ ยานพาหนะดี ๆ ก็ไม่ใช้ ใช้รถเก่า ๆ เรียกว่ามีชีวิตอยู่เหมือนคนแร้นแค้น กระทั่งสิ้นชีวิตลง บุตรก็ไม่มี ทรัพย์สมบัติทั้งหลายที่มีอยู่จึงต้องขนเข้าท้องพระคลังหลวง ใช้เวลาขนอยู่นานถึง 7 วันกว่าจะหมด
พระเจ้าปเสนทิโกศล พระราชา เสด็จมาเฝ้าพระพุทธเจ้าที่วัดเชตะวัน แล้วกราบทูลเล่าเรื่องอุปตตกเศรษฐีให้พระพุทธองค์ฟังพร้อมกับถามว่า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสกับพระเจ้าปเสนทิโกศลว่า
“จริงอย่างนั้นแหละมหาบพิตร ชื่อว่าบุคคลที่มีปัญญาทราม ได้โภคะทั้งหลายแล้วย่อมไม่แสวงหานิพพาน อนึ่งตัณหาซึ่งเกิดขึ้นเพราะอาศัยโภคะทั้งหลาย ย่อมฆ่าคนเหล่านั้นสิ้นกาลนาน” แล้วพระองค์ได้ตรัสเป็นคาถาว่า หนนฺติ โภคาทุมฺเมธํโน จ ปารคเวสิโน โภคะทั้งหลายย่อมฆ่าคนทรามปัญญา แต่ไม่ฆ่าคนผู้แสวงหาฝั่ง โดยปกติคนทรามปัญญาย่อมฆ่าตนเหมือนฆ่าผู้อื่น เพราะความทะยานอยากในโภคะ เศรษฐีนั้นเป็นผู้ทรามปัญญา ตรัสอย่างนี้แล้วพระเจ้าปเสนทิโกศลก็ได้กราบทูลถามต่อว่า แล้วทำไมเศรษฐีมีทรัพย์แต่ไม่ได้ใช้บริโภคอย่างมีความสุข พระพุทธเจ้าตรัสว่า “นี่เป็นเพราะบุพกรรมของเขา กรรมเก่าที่เขาทำไว้”
เนื่องจากพระพุทธเจ้าทรงเป็นสัพพัญญูรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ทรงทราบหมดว่าวิบากกรรมแบบนี้เกิดจากกรรมชนิดไหน เคยทำไว้ในชาติใด พระพุทธองค์จึงได้ตรัสเล่าประวัติในอดีตชาติของอุปตตกเศรษฐีให้ฟังว่า
ในอดีตชาติหนึ่งของอปุตตกเศรษฐี ก็เป็นคนที่เคยบริจาคทรัพย์แด่พระปัจเจกพุทธเจ้า คือครั้งหนึ่งเมื่อเขาได้เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า จึงนิมนต์ให้มารับอาหารในบ้านของตน โดยบอกภรรยาให้จัดอาหารมาถวาย แล้วตัวเองก็ออกไปนอกบ้าน ภรรยาก็ดีอกดีใจ เพราะว่าตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันมานาน สามีไม่เคยทำบุญทำทานเลย ทั้ง ๆ ที่มีทรัพย์ พอมาอนุญาตให้ทำบุญก็ดีใจ เพราะตนเองมีศรัทธาเลื่อมใสต่อการบำเพ็ญทานอยู่แล้ว จึงได้รับบาตรจากพระปัจเจกพุทธเจ้ามาคดอาหารใส่อย่างประณีต จัดอาหารอย่างดีมาถวายจนเต็มบาตร
กดเลข 2 เพื่ออ่านหน้าถัดไป>>>