เมื่อ พ่อแม่ไม่รักกัน อีกต่อไป ลูกควรทำอย่างไรให้ชีวิตเดินต่อไปได้
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ เพื่อนของฉันนั่งปรับทุกข์เรื่องลูกว่าจะทำอย่างไรให้ลูกเข้าใจ ถ้าพ่อกับแม่ไม่ได้รักกันอีกต่อไปแล้ว
ฉันว่าไม่ใช่เรื่องง่ายนักหรอกกับการที่เราจะเดินไปบอกคนที่เราเฝ้ารัก เฝ้าถนอมเขาด้วยหัวใจและวิญญาณ ว่าครอบครัวของเขากำลังจะเปลี่ยนไป เพราะนั่นหมายถึงว่าเรากำลังทำร้ายความรู้สึกเขา เราจะทนได้อย่างไรถ้ามองเห็นเขาต้องเจ็บปวด แต่ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วมันก็ต้องเกิดขึ้น ประเด็นคือทำอย่างไรที่จะทำให้เขาเจ็บปวดน้อยที่สุด
จำได้ว่า เมื่อสองปีที่ผ่านมาฉันได้รับบทความที่ส่งต่อกันมา ชื่อเรื่องว่า “I’ll not divorce you.”
เรื่องมีอยู่ว่า เด็กชายคนหนึ่งมีครอบครัวที่แสนสุขสันต์ พ่อแม่รักและห่วงใยในกันและกันมานับตั้งแต่เขาเกิด เขาคิดว่าเขาเป็นเด็กโชคดีที่สุดในโลก แต่แล้ววันหนึ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป…
พ่อเริ่มกลับบ้านผิดเวลา และแม่ก็หาเรื่องทะเลาะกับพ่อได้ทุกวัน เขาเฝ้ามองว่า เรื่องราวต่อไปจะเป็นอย่างไร พร้อมกับภาวนาว่า ขออย่าให้เลวร้ายเหมือนครอบครัวของเพื่อนเขาเลย เขาไม่อยากถูกใครมองว่าเป็นเด็กบ้านแตก
ไม่มีอะไรเป็นไปอย่างที่ฝันไว้เสมอไป เราไม่สามารถคาดหวังถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ และแล้ว…ช่วงเวลาที่ต้องเผชิญก็มาถึง เมื่อพ่อกับแม่เดินมาบอกเขาว่า ทั้งสองคนจะไม่อยู่บ้านหลังเดียวกันอีกต่อไป
ราวกับว่าโลกทั้งโลกถล่มลงมาตรงหน้า แต่ละวันที่ผ่านไปเขามีแต่คำถามว่า ทำไมพ่อกับแม่ไม่มีความอดทนมากพอ ทำไมพ่อกับแม่ถึงไม่รักกันเหมือนเมื่อก่อน ทำไม…ทำไม…และทำไม
เขาไม่รู้ว่ากี่วันที่เขามีคำถามแบบนี้ ไม่รู้ว่ากี่คืนที่นอนร้องไห้จนหลับ วันหยุดสุดสัปดาห์แทนที่เขาจะได้มีความสุขพร้อมหน้าพ่อและแม่ แต่กลับเป็นว่าเขาต้องอยู่กับคนใดคนหนึ่งเท่านั้น
จำได้ว่าเขาไม่พูดกับแม่หลายวัน ทั้งๆ ที่เขารู้ว่าแม่พยายามจะทดแทนส่วนที่ขาดหายไปให้เขา เขาร่างจดหมายบอกเล่าถึงความทุกข์ของเขาให้ปู่กับย่าฟัง ท่านตอบมาว่า…
“หลานรักของปู่กับย่า…
“ปู่กับย่าเข้าใจว่า ทุกข์ของหลานนั้นมากเพียงใด เราเองก็เจ็บปวดไม่แพ้หลาน ทั้งพ่อแม่และปู่กับย่า เพราะห่วงหลานเหลือเกิน แม่ของหลานบอกว่า หลานไม่กิน ไม่นอน และไม่คุยกับแม่มาหลายวัน แม่ของหลานนั้นก็แสนจะทุกข์ใจนอนร้องไห้ไม่ต่างกัน เพราะเป็นห่วงหลาน
“บางครั้งชีวิตก็จะเป็นอย่างนี้เสมอหลานรัก ไม่มีอะไรที่เป็นไปตามที่ใจเราปรารถนาได้ทุกประการ ทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลง เมื่อวันพรุ่งนี้มาถึง หลานจะเข้าใจในวันหนึ่งว่า เหตุใดพ่อกับแม่ของหลานถึงต้องแยกทางกัน ความรักนั้นมีมากมายหลายรูปแบบ ปู่กับย่าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพ่อกับแม่ของหลาน แต่ปู่กับย่ามั่นใจเหลือเกินว่า หลานยังเป็นแก้วตาดวงใจของทั้งสองคนเสมอ
“ขอหลานจงจำไว้อย่างหนึ่งว่า การที่พ่อกับแม่ไม่ได้รักกันอีกต่อไปแล้ว ไม่ได้หมายความว่าเขาทั้งสองจะหมดรักในตัวหลาน และเราก็ไม่มีวันที่จะทิ้งหลานไปที่ไหน เมื่อไรที่หลานต้องการความรัก หลานจะมองเห็นได้จากพ่อแม่และครอบครัวเสมอ เมื่อไรที่หลานต้องการคนปลอบโยนหรือรับฟังเราจะอยู่ตรงนี้เสมอ เพราะไม่ว่าอะไรในโลกจะเปลี่ยนแปลง แต่ความรักที่พ่อแม่มีต่อลูก ครอบครัวมีต่อกันเหล่านั้นไม่มีอะไรเปลี่ยนได้ ขอหลานจงจำไว้”
เด็กน้อยอ่านจดหมายของปู่กับย่าจบ และมองเห็นว่า แม่ผอมลงไปเยอะเพราะแม่เฝ้าแต่เป็นห่วงเขา พ่อเองก็พยายามทุกทางที่จะทำให้เขายิ้มได้ ปู่กับย่าและทุกคนในครอบครัวของเขาต่างก็พยายามให้ความรักความอบอุ่น ชีวิตเขาไม่มีอะไรขาดหายเลย ทุกคนยังรักเขาเหมือนเดิม แต่สิ่งที่หายไปคือเสียงทะเลาะของคนในบ้านต่างหาก คิดอย่างนี้แล้วเขาก็ยิ้มได้อีกครั้ง
…………………………………………..
นั่นเป็นเรื่องราวที่ฉันได้อ่านและประทับใจ
ฉันเองก็มาจากครอบครัวที่แตกแยก แต่เดี๋ยวนี้ฉันมีความสุข เพราะไม่ได้ยินเสียงพ่อกับแม่ทะเลาะกันเหมือนเมื่อก่อน ฉันเข้าใจถึงสัจธรรมแล้วว่า การที่พ่อกับแม่ไม่ได้รักกันอีกต่อไป ใช่ว่าท่านทั้งสองจะหยุดรักเราเสียเมื่อไร วันนี้หรือวันไหนเราก็ยังเป็นแก้วตาดวงใจของท่านเสมอ
ฉันยิ้มและบอกเพื่อนที่กำลังทุกข์ใจด้วยประสบการณ์ของตัวฉันเองว่า
ลูกของเธอจะเข้าใจในวันหนึ่ง สิ่งที่ทำได้คือ จะต้องทำให้ลูกรู้สึกว่าความรักที่ทั้งสองคนเคยมีให้แก่ลูกไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย จะต่างออกไปก็แค่พ่อกับแม่ไม่ได้อยู่ใต้หลังคาเดียวกัน…เท่านั้นเอง
ที่มา นิตยสาร Secret
เรื่อง ศิริลักษณ์ ลีสม
photo by pixabay