สาวสวยใจบุญ เก๋ ชลลดา นางฟ้าของ หมาแมวพิการ -จรจัด
“ทุกวันนี้ ถ้าพูดถึง หมาแมวพิการ หรือจรจัด ที่ถูกทอดทิ้งหรือถูกทำร้ายคนก็มักจะนึกถึงหน้าเก๋ขึ้นมาทันที จนบางคนถึงกับบอกว่าหน้าเก๋ใกล้จะเหมือนน้องหมาน้องแมวไปแล้ว”
เก๋-ชลลดา เมฆราตรี เริ่มต้นบทสนทนาในวันนี้อย่างเป็นกันเอง พร้อมด้วยเสียงเห่าทักทายของเจ้าปุย น้องหมาแสนน่ารักที่เธอรับมาดูแล…หลังจากที่เจ้าของเดิมทอดทิ้งปุยไปเมื่อหลายปีก่อน
ที่มีคนพูดว่าหน้าตาเราเริ่มเหมือนหมาเหมือนแมว เก๋ไม่ได้โกรธหรือถือสาอะไรหรอกนะคะ แค่แอบไม่แน่ใจว่า เอ…หรือเราจะเหมือนน้องหมาน้องแมวไปแล้วจริง ๆ (หัวเราะ) เอาเป็นว่า แค่มีคนรู้ว่าเก๋ทำอะไรอยู่ แล้วอยากจะร่วมทำด้วยกัน เก๋ก็ดีใจแล้วค่ะ
คุณพ่อคุณแม่สอนเก๋มาตั้งแต่เด็ก ๆ ว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ให้เชื่อเรื่องบาป-บุญ ส่วนเรื่องที่ท่านทั้งสองจะเน้นเป็นพิเศษก็คือ การให้
ทุก ๆ ปี ในวันคล้ายวันเกิดของลูก ๆคุณพ่อคุณแม่จะชวนว่า “เราไปเลี้ยงข้าวกลางวันเด็ก ๆ ที่เขาไม่มีพ่อมีแม่กันก่อนนะลูก แล้วตอนเย็นเราค่อยมาปาร์ตี้กันที่บ้าน”แรก ๆ เก๋ก็แอบงงเหมือนกันว่าทำไมต้องทำอย่างนี้ด้วย ท่านก็อธิบายว่า “ก่อนที่เราจะมีความสุข เราก็ควรแบ่งปันความสุขให้คนอื่นก่อน”
พอได้ลองไปครั้งแรกและครั้งที่สองเก๋ก็เกิดความเคยชินและเริ่มเฝ้ารอว่า“ครั้งที่สาม คุณพ่อคุณแม่จะพาไปที่ไหน”กิจกรรมที่บ้านเราทำกันนี้ นอกจากเราจะอิ่มใจที่ได้ ให้ แล้ว เรายังได้ รับ ข้อคิดดี ๆกลับมาอีกด้วย เช่น ไม่กินทิ้งกินขว้างเวลามีปัญหาก็ขอให้คิดว่าแค่เกิดมาครบ 32 ก็โชคดีที่สุดแล้ว
แล้ววันหนึ่งเก๋ก็ได้เรียนรู้ว่า การทำความดีไม่ใช่แค่ทำกับเพื่อนมนุษย์เท่านั้นแต่เราสามารถแบ่งปันให้สัตว์โลกได้ด้วย
เมื่อ พ.ศ. 2554 ประเทศไทยเกิดน้ำท่วมใหญ่ เก๋เป็นคนหนึ่งที่ต้องติดอยู่ที่บ้านนานเป็นเดือน ๆ จนเริ่มรู้สึกว่า “เราไม่น่าอยู่เฉย ๆ อย่างนี้ แต่ควรไปทำประโยชน์ให้สังคมดีกว่า” ตอนนั้นบังเอิญได้ข่าวว่ามูลนิธิป่อเต็กตึ๊งต้องการอาสาสมัครที่มีคุณสมบัติ “มีสองแขนสองขา ว่ายน้ำเป็นไม่เป็นภาระ” เพื่อไปช่วยผู้ประสบภัย เท่านั้นเก๋ก็ตัดสินใจลุยเลย
ช่วงนั้นเก๋ได้ไปลงพื้นที่กับพี่ ๆ ป่อเต็กตึ๊ง ลงเรือไปแจกของกินของใช้ตั้งแต่สระบุรี อยุธยา ปทุมธานี แต่ด้วยความที่เราไม่แข็งแรงพอจะอุ้มคนได้เหมือนผู้ชาย เก๋ก็เลยหันมาอุ้มหมา จับแมว ตะครุบกระต่าย หิ้วกรงนก ฯลฯ แทน เพราะถ้าขืนทิ้งสัตว์เลี้ยงพวกนี้ไว้ที่บ้าน พวกมันจะอดตายไปเปล่า ๆ…ช่วงนั้นประโยคติดปากเก๋เวลาจะเข้าไปช่วยสัตว์ก็คือ “แม่มาดีนะลูก”
จากเหตุการณ์น้ำท่วมทำให้เก๋เห็นว่ามีสัตว์ถูกทอดทิ้งไม่น้อย แต่ตอนนั้นเก๋ก็ไม่รู้จะช่วยอะไรได้ นอกจากบอกบุญเพื่อน ๆ ให้ช่วยกันโอนเงินไปเป็นค่าอาหารสัตว์บ้าง ค่ายาบ้าง แต่ยังไม่จริงจังอะไรนักจนกระทั่งวันวาเลนไทน์ปี พ.ศ. 2555 โชคชะตาก็ดลบันดาลให้เก๋มาเจอ “ดำ” หมาจรจัดที่พลัดหลงมากัดกับหมาเจ้าถิ่นแถวหน้าออฟฟิศของเก๋
ทันทีที่เห็นสภาพดำนอนจมกองเลือดตาขวาเกือบหลุด ที่ต้นคอเนื้อหลุดเป็นแผลเหวอะหวะขนาดเท่าฝ่ามือ เก๋ตกใจแทบทำอะไรไม่ถูก รีบเข้าไปอุ้มดำ แล้วใช้ผ้าอุดเลือดไว้ ก่อนจะรีบพาดำไปส่งโรงพยาบาลสัตว์ที่ใกล้ที่สุด ไม่สนใจดินเนอร์วาเลนไทน์อีกต่อไป ตอนนั้นคิดแค่ว่า ขอให้หมอช่วยยื้อชีวิตดำเอาไว้ให้ได้ก่อนก็พอ
ถึงจะผ่านวันนั้นมาได้ แต่ดำก็มีโรคแทรกซ้อนตลอด มีอาการชัก ต้องให้เลือดต้องผ่าตัดตา ขาอักเสบ ติดเชื้อ จนวันหนึ่งดำอาการโคม่า เขาทรมานและน่าสงสารมาก เก๋ตัดสินใจขอร้องให้คุณหมอฉีดยาให้ดำไปสบายน่าจะดีกว่า แต่คุณหมอกลับบอกว่า
“ดำยังอยากมีชีวิตอยู่ ดำแค่พูดสื่อสารให้เราเข้าใจไม่ได้เท่านั้น และดำมีสิทธิ์ที่จะอยู่ เราไม่สามารถไปชี้เป็นชี้ตายให้ดำได้”
คำพูดที่ว่า “สัตว์เขาพูดไม่ได้” ทำให้เก๋เกิดแรงบันดาลใจขึ้นมาทันทีว่า เราต้องทำอะไรให้เป็นรูปเป็นร่าง แล้วลบความคิดที่ว่า กลัวคนอื่นจะหาว่าเราทำบุญเอาหน้าหรือหาว่าเราเพี้ยนออกไปเลย
“แค่ตัวเรารู้ว่าเรากำลังทำอะไรก็พอ”คืนนั้นเองเก๋ตัดสินใจเปิดเฟซบุ๊กขึ้น โดยตั้งชื่อโครงการว่า “The Voice (เสียงจากเรา)”เพื่อรับบริจาคเงินไปช่วยเหลือน้องหมาน้องแมวที่ถูกทำร้ายหรือถูกทอดทิ้ง
หลังจากดำหายดี เก๋ก็เริ่มหาบ้านหลังใหม่ให้ดำ แต่ความที่เป็นหมาจร ทำให้ดำไม่อยู่เฉย เตลิดหนีไปหลายครั้ง จนครั้งล่าสุด ถึงวันนี้เกือบหนึ่งปีแล้วก็ยังตามตัวไม่เจอเลย แต่ถึงอย่างนั้น เก๋ก็ภาวนาขอให้ดำที่เหลือตาเพียงข้างเดียวอยู่รอดปลอดภัยและขออุทิศส่วนกุศลจาก The Voice ให้ดำมีชีวิตใหม่ที่ดี
การทำความดีทำได้ไม่ยาก และคนไทยก็พร้อมที่จะทำความดีกันอยู่แล้วเพียงแต่หลายคนอาจจะยังหาพื้นที่การทำความดีไม่เจอ เพราะเท่าที่ผ่านมาก็มีอาสาสมัครพร้อมช่วยงานเก๋เยอะมาก ทุกคนมาด้วยใจจริง ๆ
เก๋มองว่า “หนึ่งชีวิต หนึ่งเสียงเราช่วยกันได้ ถ้าเราหันมาทำความดีมีใจเมตตา”
สุดท้าย ในฐานะคนรักสัตว์ เก๋อยากฝากไว้สั้น ๆ ว่า “คุณไม่จำเป็นต้องรักพวกเขาก็ได้ แต่ขอร้องว่าอย่าเกลียดและอย่าไปทำร้ายเขาก็พอ”
ติดตามข่าวสารการช่วยเหลือน้องหมาน้องแมวได้ที่ www.facebook.com/thevoiceforanimals
เรื่อง : ชลลดา เมฆราตรี
เรียบเรียง : วรลักษณ์ ผ่องสุขสวัสดิ์
ภาพ : สรยุทธ พุ่มภักดี
บทความน่าสนใจ
อำนาจของกรรม ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด สามารถเปลี่ยนให้เทวดากลายเป็นมนุษย์ จากมนุษย์กลายเป็นสัตว์
Dhamma Daily : การกักขังสัตว์เลี้ยง ไว้ในกรงถือเป็นบาปหรือไม่
Pickapet สตาร์ตอัพเพื่อยกระดับชีวิตสัตว์เลี้ยง
Kamijn Store จากสัตว์เลี้ยงแสนรักสู่คาแร็คเตอร์สุดสร้างสรรค์