เบญจมินทร์ ฝรั่งหัวใจไทย ผู้ต่อลมหายใจให้การแสดงโขน
“ถ้าไม่มีโขน…ไม่รู้ผมจะอยู่ได้หรือเปล่า” เบญจมินทร์ ตาดี ฝรั่งหัวใจไทย ผู้มีส่วนช่วยในการต่อลมหายใจของ “โขน” กล่าวขึ้น…
ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เบญจมินทร์ หนุ่มชาวแคนาดา มีโอกาสได้มาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศไทย ด้วยเหตุผลที่ว่า อยากเรียนภาษาที่ไม่คุ้นเคยและอยากท่องเที่ยวไปให้ไกลบ้านที่สุด
สิ่งที่เด็กหนุ่มคนนี้รู้จักเกี่ยวกับประเทศไทยในขณะนั้น ก็มีเพียงคนพูดภาษาแปลก ๆ และคนจำนวนมากนับถือศาสนาพุทธ
เมื่อมาอาศัยอยู่ที่จังหวัดสุโขทัย ครูได้แนะนำให้เบญจมินทร์รู้จัก “โขน” เป็นครั้งแรก โดยให้ “เบญ” เข้าเรียนที่วิทยาลัยนาฏศิลป์สุโขทัย
“ครั้งแรกที่ได้เห็นพี่ ๆ น้อง ๆ ซ้อมโขน…ทั้งที่ทุกคนยังไม่ได้แต่งตัว ยังไม่มีเพลง แต่ก็ทำให้ผมรู้สึกขนลุกขึ้นมา ตอนนั้นจึงตัดสินใจลงเรียนโขนทันที” เบญจมินทร์ต้องใช้ความพยายามและใจรักเป็นสองเท่าในการฝึกซ้อม โดยทุกครั้งเขาต้องมีสมุดจดท่ารำที่เขียนเป็นภาษาคาราโอเกะ ภาษาไทยและภาษาอังกฤษอธิบาย พร้อมวาดรูปประกอบติดตัวอยู่ตลอด
เวลา 1 ปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว เบญจมินทร์จำต้องบินกลับแคนาดาเพื่อไปเรียนต่อ แม้เขาจะพยายามขอพ่อแม่มาเรียนในประเทศไทยก็ตาม ทว่าทั้งคู่กลับยื่นคำขาดให้เขากลับไปเรียนปริญญาตรีให้จบเสียก่อน เบญจมินทร์จึงกลับไปศึกษาต่อปริญญาตรี สาขาศิลปวัฒนธรรมจนจบก่อนตัดสินใจมาเรียนต่อปริญญาโทในประเทศไทย
“ตอนมาเยี่ยมเพื่อนที่ประเทศไทยยังรู้สึกเฉย ๆ แต่พอมาเห็นโขนก็อยากเรียนใหม่อีก เสียดายที่เริ่มเรียนช้า…แต่ก็ดีกว่าไม่ได้เรียน
“พอบอกพ่อแม่ ตอนแรกเขาก็ห่วงแต่ผมบอกเขาว่า ‘ผมเลือกเองที่จะอยู่ที่นี่เพราะมีความสุข’…ในเมื่อลูกชายมีความสุขพ่อแม่ก็ย่อมมีความสุขตาม เขาจึงยอมให้ผมเรียน
“ผมพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้สอบปริญญาโทให้ได้ ทั้งเรียนอ่าน พูด เขียนเป็นภาษาไทย เรียนร้องและรำโขน เพราะถ้าอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับโขนก็ต้องอ่านหนังสือไทยออก หรือถ้าอยากฟังโขนซึ่งเป็นคำโบราณ มีราชาศัพท์ได้ เราก็ต้องฟังคำไทยออก”
แม้แต่คนไทยเอง การอ่านร้อยแก้วร้อยกรอง และคำโบราณยังเป็นเรื่องยาก และเข้าไม่ถึง ทว่าทั้งหมดนี้กลับไม่ยากไปกว่า “ความพยายาม” ซึ่งเบญจมินทร์ได้พิสูจน์ให้ทุกคน รวมถึงกรรมการคุมสอบปริญญาโท สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์*เห็นแล้วว่า ฝรั่งหัวใจสยามอย่างเขาสามารถร้อง รำ และเล่นโขนได้ไม่ต่างจากคนไทยเช่นกัน
“ครูบอกว่า ตอนแรกเห็นว่าเป็นฝรั่งไม่เชื่อว่าจะรำโขนได้ แต่ครูเห็นถึงความตั้งใจจริงและเห็นว่าทำได้จริง ๆ จึงให้ผ่าน”เบญจมินทร์จึงเป็นฝรั่งคนแรกและคนเดียวในประเทศไทยที่ได้เข้าเรียนในระดับปริญญาโท ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์
“ตอนเด็กผมเล่นยิมนาสติกทำให้ตัวอ่อน โตมาก็ได้มาเรียนแลกเปลี่ยนเรียนโขน…ผมรู้สึกเหมือนเป็น Destiny…เป็นโชคชะตาที่ทำให้ผมได้เรียนโขน”
เบญจมินทร์มีความฝันว่าอยากแสดงโขนให้เก่งและช่วยเผยแพร่วัฒนธรรมไทยให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง
“โขนสอนให้ผมรู้จักวัฒนธรรมไทยแบบโบราณ อย่างการเดินเข่าเข้าไปหาอาจารย์…ตอนนี้กลายเป็นเรื่องธรรมชาติไปแล้วที่ผมต้องยกมือไหว้ผู้ใหญ่ ต้องเคารพคนแก่กว่าและนั่งต่ำกว่าผู้อาวุโส” แม้สถานที่ที่เบญจมินทร์จากมาจะไม่มีระบบอาวุโส แต่เบญจมินทร์ก็ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า “ผมชอบแบบนี้…ผมถูกใจแล้ว”
แม้การซ้อมโขนจะหนัก แต่เบญจมินทร์ไม่เคยหยุดที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ไปเรื่อย ๆเพราะ “โขนไม่มีวันหยุด”
“ผมไม่เคยรู้สึกท้อเลย อยากตื่นมาซ้อมโขนทุกวัน ถ้าไม่ซ้อมจะไม่สบายใจและคงไม่มีวันที่จะไม่ไหวหรือไม่เอาอีกแล้ว…ตอนนี้โขนอยู่ในสายเลือดของผมแล้ว” เบญจมินทร์นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนพูดต่อ
“โขนเป็นความฝันของผม เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง…ผมโชคดีที่มีโอกาสได้เลือก ได้ทำความฝันให้กลายเป็นความจริง…ถ้าไม่มีโขน ไม่รู้ผมจะอยู่ได้หรือเปล่า…”
เบญจมินทร์อุทิศตัวศึกษาโขนอย่างจริงจัง ส่วนหนึ่งเพราะใจรัก อีกส่วนเป็นเพราะ…
“ถ้าชาวต่างชาติมาเรียนโขน มาเรียนวัฒนธรรมของ ‘เรา’ ผมก็จะสามารถอธิบายได้ว่า โขนเป็นอย่างไร และอธิบายความรู้สึกให้เขาเข้าใจ ไม่ใช่แปลอย่างเดียว แต่ไม่เข้าใจถึงความรู้สึก และนี่เป็นหน้าที่ของเราซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่จะช่วยให้โขนมีชีวิตอยู่ต่อไป
“หลายครั้งที่พอถอดหัวโขนออก คนจะตกใจที่ผมเป็นฝรั่ง ซึ่งผมก็ว่าดี เพราะถ้าผมเป็นประโยชน์ ได้ช่วยให้คนหันมาสนใจโขนมากขึ้นว่า ‘เอ๊ะ ทำไมฝรั่งเล่นได้…ถ้าฝรั่งยังทำได้ ทำไมเราคนไทยจะทำไม่ได้’ ผมก็ยินดี เพราะผมไม่อยากให้คนไทยลืมรากเหง้าของตัวเองว่ามาจากไหน”
เป้าหมายสูงสุดในเส้นทางสายนาฏศิลป์ไทยของเบญจมินทร์คือ การได้แสดงเฉพาะพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพราะถ้าไม่มีในหลวง พระราชินี โขนคงไม่สามารถอยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้…นี่จึงเป็นเหตุผลที่เขาตั้งใจฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อจะได้แสดงความสามารถต่อหน้าพระพักตร์…สักครั้งหนึ่งในชีวิต…ในฐานะฝรั่งที่มีใจรักความเป็นไทย
แน่นอนว่า ฝรั่งหัวใจสยามผู้นี้ได้กลายเป็นขวัญใจผู้ชมทุกเพศทุกวัย ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ชาวไทยและต่างชาติไปแล้วโดยเฉพาะพวกเราชาวไทยนั้น นอกจากชื่นชมในความสามารถของเขาแล้ว ก็ควรที่จะยกย่องเขาด้วย เพราะแม้จะเป็นคนต่างชาติ แต่เขาก็ตระหนักในคุณค่าของศิลปวัฒนธรรมไทย และพร้อมจะอนุรักษ์ให้คงอยู่คู่แผ่นดินของเราตลอดไป
* สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ตั้งอยู่บริเวณวังหน้า ในอดีตเคยเป็นสถานที่ประทับของเจ้าฟ้า - เจ้าแผ่นดิน ภายหลังกลายเป็นโรงละครแห่งชาติและวิทยาลัยนาฏศิลป ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของนาฏศิลปินทุกคน
เรื่อง เบญจมินทร์ ตาดี เรียบเรียง ณัฐนภ ตระกลธนภาส ภาพ ฝ่ายภาพ อมรินทร์พริ้นติ้งฯ