คำพูดต้องห้ามในที่ทำงาน

6 คำพูดต้องห้ามในที่ทำงาน หยุดพูดได้แล้วจะกลายเป็นคนน่ารัก

6 คำพูดต้องห้ามในที่ทำงาน “หยุดพูด” ได้แล้วจะกลายเป็นคนน่ารัก

คำบางคำแม้จะเป็นคำพูดอย่างที่ใจเราคิด แต่ก็ไม่ควรเอ่ยออกมา โดยเฉพาะในที่ทำงาน เพราะนอกจากจะทำให้ความสัมพันธ์ (อันแสนเปราะบาง) ของเรากับเพื่อนร่วมงานขาดสะบั้นแล้ว ยังทำให้คุณดูไม่ดีในสายตาของหัวหน้าอีกด้วย มาเช็กกันว่า 6 คำพูดต้องห้ามในที่ทำงาน  มีอะไรบ้าง…คุณเผลอพูดไปกี่คำแล้ว

1.“ฉันขอโทษนะ แต่…”

การรู้จักขอโทษเมื่อทำผิดเป็นสิ่งที่ดี แต่เมื่อไหร่ที่มีคำว่า “แต่” ต่อท้าย นั่นแสดงให้เห็นว่า คุณกำลังพยายามแก้ตัวเพื่อให้ตัวเองดูผิดพลาดน้อยลง และคนฟังคำขอโทษนั้น อาจตีความได้ว่า คำขอโทษที่คุณเอ่ยออกมา ไม่ได้เกิดจากความรู้สึกสำนึกผิดจริงๆ ทางที่ดีแค่พูดออกมาอย่างจริงใจว่า “ขอโทษนะ ครั้งหน้าจะพยายามไม่ให้เกิดขึ้นอีก” แล้วรู้จัก ยอมรับมัน เรียนรู้ และไม่ทำผิดพลาดซ้ำเดิมก็เพียงพอแล้ว

2.”บอกแล้วไง ทำไมไม่เชื่อ”

เมื่อเราบอกอะไรบางอย่างกับคนบางคนแล้วเขาไม่เชื่อ แต่แล้ววันหนึ่งเหตุการณ์ที่คุณเตือนเขาเอาไว้กลับเป็นจริงขึ้นมา คำพูดทำนองว่า “บอกแล้วใช่ไหม” “บอกแล้วไง” “ว่าแล้วไง” มักจะออกจากปากเราโดยอัตโนมัติ การพูดจาทำนองนี้ นอกจากจะไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นมาแล้ว ยังจะทำให้คนฟังรู้สึกเหมือนโดนซ้ำเติมอีกด้วย

3.”ทำไมต้องเป็นฉัน”

หลายคนเมื่อถูกไหว้วานให้ทำอะไรบางอย่าง มักจะชอบถามหาเหตุผลว่า “ทำไมฉันต้องเป็นคนทำเรื่องนี้ด้วย” จริงอยู่แม้ว่าคุณอาจจะอยากรู้เหตุผลว่าทำไมต้องเป็นคุณ ไม่เป็นคนอื่น แต่หัวหน้าหรือคนมอบหมายงานให้คุณ อาจตีความได้ว่า คุณคงขี้เกียจ ขาดความเสียสละ และอยากจะปัดความรับผิดชอบให้คนอื่นทำแทน

4.”รู้แล้ว”

คำพูด “รู้แล้ว” นอกจากจะเป็นคำพูดที่ทำร้ายใจคู่สนทนาเพราะทำให้เขารู้สึกเหมือนโดนปิดสวิตช์บทสนทนาแล้ว ยังเป็นคำพูดที่ทำให้ผู้พูดเสียโอกาสในการเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ จากคู่สนทนาของตัวเองอีกด้วย ลองนึกภาพตามสิว่า ถ้าคุณกำลังเล่าอะไรบางอย่างให้เพื่อนฟัง แล้วเพื่อนเอาแต่พูดว่า “รู้แล้วๆ” คุณจะอยากเล่าต่อจนจบหรือไม่ กลับกันหากเพื่อนของคุณตั้งอกตั้งใจฟังโดยไม่ขัดอะไร คุณคงอยากจะเล่าเรื่องราวให้ฟังมากมายแบบไม่รู้จบ

5. “แต่เราทำแบบนี้กันมาตลอดนะ”

เมื่อไหร่ที่คุณเอ่ยคำนี้ออกมา นั่นแสดงให้เห็นชัดเจนว่า คุณเป็นคนหวาดกลัวการเปลี่ยนแปลง กลัวการเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ และมักจะทำงานแบบเพลย์เซฟเสมอ จริงอยู่ว่า สิ่งที่เคยได้ผลลัพธ์ดีในอดีตนั้น ย่อมนำมาเป็นโมเดลที่ใช้ได้ในปัจจุบัน แต่คุณแน่ใจไหมว่า จะคงมาตรฐานงานเอาไว้อย่างเดิมตลอดไป ลองรับฟังไอเดียใหม่ๆ จากคนรอบข้างบ้าง เมื่อไหร่ที่มีเพื่อนร่วมงานเสนอความคิดแปลกๆ ใหม่ๆ ลองตั้งใจฟังพวกเขาพูดให้จบเสียก่อน

6.”งานเยอะเต็มไปหมดแล้ว ไม่มีเวลาหรอก”

หลายคนติดนิสัยชอบอ้างโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนที่ชอบอ้างว่าไม่มีเวลา และอ้างว่า งานที่ทำอยู่หนักหนา (จะตายอยู่แล้ว) เพื่อที่จะเป็นเหตุผลให้คนรอบข้างเข้าใจว่า ตัวเองทำงานบางอย่างไม่ได้ การพูดแบบนี้มีแต่จะทำให้ตัวคุณดูแย่ โดยเฉพาะในสายตาหัวหน้าเพราะเขาอาจมองว่าคุณบริหารจัดการงานไม่เก่งเอาเสียเลย แถมยังเป็นการปิดกั้นโอกาสตัวเองไม่ให้เรียนรู้ในสิ่งอื่นๆ นอกเหนือจากงานที่ทำเป็นกิจวัตรอีกด้วย

แต่หากคุณงานล้นมือจริงๆ แล้วเพื่อนร่วมงานขอให้ช่วยทำบางอย่าง คุณอาจใช้วิธีรักษาน้ำใจด้วยการบอกว่า “ทำให้ได้ แต่ต้องเป็นเวลา….นี้ถึงจะเสร็จ” เท่านี้เขาก็ไม่รู้สึกว่าโดนปฏิเสธแบบไร้เยื่อใยแล้ว

รู้อย่างนี้แล้ว คราวหน้ามาระวังคำพูดของตัวเองกันนะคะ


บทความน่าสนใจ

เทคนิครับมือทุกปัญหาดราม่าในที่ทำงาน

หยุดทำตัวเป็น คนงี่เง่าในที่ทำงาน เถอะนะ!

วิธีฝึกตื่นเช้า เคล็ดลับปรับชีวิตสำหรับมนุษย์ทำงาน

สูตร 14 วันชีวจิต สำหรับสาวทำงาน เพื่อฉลาด หุ่นดี อ่อนเยาว์ อายุยืน

Posted in NEWS
BACK
TO TOP
A Cuisine
Writer

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.