เมื่อก้าวผ่านความเสียใจมาได้ ความสามารถที่เกิดจากการฝึกฝนที่จะรู้สึกตัวยังคงติดตัวอยู่บ้าง มาถึงจุดนี้ ทำให้เราเห็นตัวเองคิดมากขึ้น ทั้งดี และ ไม่ดี
>> คิดได้ว่าปัญหาก็เหมือน “หมา” <<
ข้อนี้อาจฟังดูแปลก ไปสักหน่อยนะคะ ที่พูดเช่นนี้เพราะเราอยากให้ทุกคนคิดว่าปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตก็เหมือน “หมา” เพราะเมื่อเราจ้องตามัน มันจะจ้องตาเรา ถ้าเราวิ่งหนีมันมันจะวิ่งตามเรา แต่หากเราวิ่งตามมัน มันจะวิ่งหนีเราค่ะ ดังนั้นเมื่อเราวิ่งหนีปัญหา ปัญหานั้นก็จะตามพัวพันเราไปทุกที่ แต่ถ้าเราหยุด มันก็จะหยุดนิ่งเช่นกันนั่นเอง หรือถ้าเราลงมือแก้ไขกับปัญหา จัดการกับความทุกข์ใจได้ ปัญหานั้นก็จะวิ่งถอยห่างออกไปจากเรา เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมชาติที่สุดแล้วล่ะค่ะ
ถ้าเราเรียนรู้ และรู้จักทำความเข้าใจกับธรรมชาตินี้ เราจะรู้ว่าในที่สุดเราจะชนะปัญหา เราจะไม่วิ่งหนีมันไปไหน แต่จะพร้อมสู้มันทันทีที่มันมา นี่แหละคือชีวิตที่เราต้องดำเนินไป และรู้จักวิธีที่จะจัดการกับมันก่อนที่มันจะจัดการเราค่ะ
>> รู้สึกอยากเป็นคนดี และเสียใจเมื่อทำไม่ดี <<
เมื่อเรารู้สึกเสียใจ และเริ่มรู้สึกว่าอาการเสียใจนั้นหายไป เราจะเริ่มมีสติว่าตัวเองทำอะไรลงไปเมื่อไม่นานมานี้ อาจจะเพิ่งรู้สึกตัวว่าทำอะไรไม่ดี ไม่สมควรลงไป เมื่อนึกย้อนก็คิดว่าไม่อยากทำแบบนั้นอีก หรือในอนาคตจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกอย่างเด็ดขาด สิ่งนี้จะสั่งสมและทำให้เราเป็นคนรู้ดี รู้ชั่ว มากขึ้นไม่อยากทำตัวไม่ดี เพราะจะทำให้คนอื่นเสียใจ แค่เรารู้สึกอยากเป็นคนดี เท่านี้ก็โตขึ้นอีกระดับแล้วล่ะค่ะ
ผู้คนมากมายต่างผ่านเรื่องราวมาแตกต่างกัน เป็นปกติที่คนๆ หนึ่งจะมีทั้งดีและไม่ดี ดังนั้น ไม่มีเหตุจำเป็นที่จะไปตัดสินใคร และ คนส่วนมากถ้าเข้มแข็งพอ พวกเค้าคงอยากเป็นคนดี ตรงนี้ดูได้จากการใช้ชีวิตจากคนใกล้ตัวของเรานี่ล่ะค่ะ จะเห็นว่าคนเราย่อมต้องอยากเป็นคนดีกว่าคนไม่ดี เพราะขนาดดูละครเรายังเชียร์พระเอก นางเอกมากกว่าตัวโกง หรือตัวอิจฉาใช่มั้ยล่ะคะ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ