ชื่อของ ฮายาโอะ มิยาซากิ (Hayao Miyazaki) ไม่ได้ประทับอยู่บนผลงานในลักษณะเดียวกับงานของวอลท์ ดิสนีย์ ทว่าจากการเสพผลงานทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น คนไทยหลายๆ คนจึงเติบโตมาพร้อมความคุ้นเคยกับผลงานของมิยาซากิโดยไม่รู้ตัว
ผู้ชมชาวไทยอาจเคยตกหลุมรักความเรียบง่ายและน่ารักของ โตโตโร่เพื่อนรัก หลายคนแม้ไม่กล้ากลับไปดู สุสานหิ่งห้อย ซ้ำเป็นรอบที่สอง แต่จะไม่มีวันลืมความสะเทือนใจที่ได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอันขาด ในขณะที่หลายๆ คนเลือกที่จะดูภาพยนตร์แอนิเมชั่นดีกรีออสการ์ประจำปี 2001 เรื่อง มิติวิญญาณมหัศจรรย์ (Spirited Away) ทุกครั้งเมื่อต้องการแรงบันดาลใจ
ฮายาโอะ มิยาซากิ เป็นทั้งนักวาดการ์ตูน ผู้กำกับ ผู้เขียนบท และผู้สร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งของโลก เขาเกิดเมื่อวันที่ 5 มกราคม ค.ศ.1941 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
ฮายาโอะใฝ่ฝันอยากจะเป็นผู้ผลิตภาพยนตร์แอนิเมชั่นหลังจากได้ชม ตำนานนางงูขาว ภาพยนตร์แอนิเมชั่นสีขนาดยาวเรื่องแรกของญี่ปุ่น ผลงานกำกับของ ไทจิ ยะบุชิตะ ซึ่งแม้ว่าจะเป็นการชมในโรงภาพยนตร์ชั้นสามราคาถูก หนำซ้ำภาพที่ฉายก็ไม่ลื่นไหลมากนัก แต่เมื่อดูจบ ฮายาโอะก็ถูกพลังความรักอันบริสุทธิ์ของตัวละครขโมยหัวใจไปทั้งดวง
หลังเรียนจบจากคณะเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยกาคุฉุอิน (Gakushuin University) ในปี 1963 ฮายาโอะเริ่มทำงานที่บริษัทโตเอะแอนิเมชั่น (Toei Animation) ซึ่งเป็นสตูดิโอผลิตภาพยนตร์แอนิเมชั่นชั้นนำของญี่ปุ่น เขารับหน้าที่วาดภาพเคลื่อนไหวของตัวละครในภาพยนตร์ ซึ่งเป็นตำแหน่งระดับต่ำสุดของผู้ที่ใฝ่ฝันจะเป็นผู้กำกับ ฮายาโอะต้องใช้เวลาถึง 5 ปีกว่าจะขยับขึ้นมาเป็นผู้วาดภาพและออกแบบภาพเคลื่อนไหวหลัก (Key Animator)
ที่โตเอะ นอกจากฮายาโอะจะได้เรียนรู้กระบวนการผลิตภาพยนตร์แอนิเมชั่นตั้งแต่พื้นฐานแล้ว เขายังได้รู้จักกับ อิซาโอะ ทากาฮาตะ ซึ่งต่อมาเป็นทั้งเพื่อนรักและหุ้นส่วนคนสำคัญในอนาคต
ในขณะที่คนส่วนใหญ่กำลังไล่ตามความฝัน วงจรชีวิตที่มีทั้งความรีบเร่ง ความซับซ้อนและซ้ำซ้อนมักทำให้พวกเขามองไม่เห็น “โจทย์” ที่ควรต้องแก้ให้ได้เพื่อจะบรรลุความใฝ่ฝันของตัวเอง ทั้งที่ความจริงแล้ว โจทย์นั้นๆ มักจะตั้งขวางอยู่ตรงหน้า แต่ในกรณีของฮายาโอะ เขารู้มาตลอดว่า โจทย์ของเขาคืออะไร
โจทย์ของฮายาโอะก็คือ เขาต้องการสร้างแอนิเมชั่นที่สามารถเล่าเรื่องราวได้อย่างสมจริง เป็นธรรมชาติ และเต็มเปี่ยมไปด้วยความฝัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก เพราะแอนิเมชั่นของญี่ปุ่นในยุคนั้นจะสร้างขึ้นเพื่อรองรับความโด่งดังของหนังสือการ์ตูนเป็นสำคัญ และทีมงานต้องผลิตอย่างเร่งด่วนเพื่อให้ทันกับการออกอากาศทางโทรทัศน์ ฯลฯ ซึ่งถ้าฮายาโอะยังคงทำงานที่โตเอะต่อไป เขาก็ต้องเผชิญกับข้อจำกัดเดิมๆ ในที่สุดเขาจึงตัดสินใจลาออกในปี 1971
อย่างไรก็ดี ฮายาโอะต้องใช้เวลาอีกเกือบ 10 ปีเพื่อสะสมบารมีในวงการแอนิเมชั่น ผลงานที่เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของเขาคือแอนิเมชั่นทางทีวีเรื่อง จอมโจรลูแปง ซึ่งฮายาโอะรับหน้าที่ตั้งแต่เขียนบท เรียบเรียงเรื่องราว และกำกับ แอนิเมชั่นชุดนี้ได้รับความนิยมสูงมากจนมีการสร้างเป็นภาพยนตร์เพื่อฉายในโรงด้วย ซึ่งความสำเร็จของภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องนี้ได้ทำให้ฮายาโอะมีโอกาสผลิตงานอย่างที่เขาใฝ่ฝันมาเนิ่นนาน
ในที่สุดในปี 1984 หรือ 21 ปีนับจากวันที่ฮายาโอะเริ่มก้าวเข้าสู่วงการแอนิเมชั่น เนาซิก้า เจ้าหญิงแห่งหุบเขาสายลม ภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่สร้างขึ้นตามความฝันและความตั้งใจของเขาอย่างแท้จริงก็ได้ออกฉายตามโรงภาพยนตร์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จสูงมาก และทำให้ ยาสุโยชิ โทคุมะ เจ้าพ่อในวงการสิ่งพิมพ์ยินดีออกทุนเพื่อก่อตั้งสตูดิโอจิบลิ ซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการในการผลิตภาพยนตร์แอนิเมชั่นของฮายาโอะนับตั้งแต่ปี 1985 เป็นต้นมา
ฮายาโอะตั้งชื่อสตูดิโอของเขาว่า “จิบลิ” (Ghibli) ตามชื่อเครื่องบินรบของอิตาลี ในอีกความหมายหนึ่ง จิบลิหมายถึง สายลมร้อนที่พัดผ่านทะเลทรายสะฮารา เหตุที่ฮายาโอะเลือกชื่อนี้ก็เพื่อจะบอกผู้ชมของเขาว่า สตูดิโอแห่งนี้จะเป็นสายลมที่เปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของวงการแอนิเมชั่นไปตลอดกาล ซึ่งระยะเวลาเกือบสามทศวรรษที่ผ่านมา ผลงานของสตูดิโอจิบลิได้พิสูจน์แล้วว่าคำกล่าวข้างต้นไม่ได้เกินจริงแต่อย่างใด
แฟนผลงานของฮายาโอะ มิยาซากิ อาจสงสัยว่าชายผู้นี้ได้แรงบันดาลใจในการทำงานจากที่ไหน เพราะขนาดอยู่ในวัย 78 ปี เขาก็ยังสร้างแอนิเมชั่นที่งดงามและสร้างสรรค์ออกสู่สายตาผู้ชมได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งฮายาโอะเคยพูดถึงสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจในการทำงานของเขาว่า
เขาเป็นเด็กที่เกิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง (1939 – 1945) จึงคุ้นเคยกับเสียงคร่ำครวญของผู้คนที่ทุกข์ยากเป็นอย่างดี แต่สมัยนั้นเขาไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนตามไปด้วย เพราะครอบครัวมิยาซากิหาเลี้ยงชีพด้วยการผลิตชิ้นส่วนปีกเครื่องบินรบเพื่อส่งให้รัฐบาล…ในขณะที่ผู้ชายวัยหนุ่มต้องถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร แต่ลูกๆ ตระกูลมิยาซากิไม่เคยถูกหมายเรียก ในขณะที่เด็กๆ ส่วนใหญ่ต้องอดบ้างอิ่มบ้างเพราะได้รับอาหารปันส่วนจำนวนน้อย แต่ฮายาโอะและพี่น้องไม่เคยนอนในขณะที่ท้องหิว!
ฮายาโอะเพิ่งมารู้ถึงพิษสงของภัยสงครามเมื่อตอนที่เขามีอายุได้สี่ขวบครึ่ง ตอนนั้นเขาต้องย้ายบ้านมาอยู่ที่เมืองอุสึโนะมิยะเพื่อหนีการทิ้งระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตร แต่แล้วคืนหนึ่งเมืองนี้ก็ถูกทิ้งระเบิดอย่างหนัก กระทั่งครอบครัวของเขาตัดสินใจหนีอีกครั้ง
ลุงของเขาหารถกระบะคันเล็กๆ มาได้คันหนึ่ง จากนั้นก็เข้าประจำที่นั่งคนขับ แม่ของฮายาโอะอุ้มน้องชายคนเล็กนั่งอยู่ที่เบาะหน้า ส่วนตัวฮายาโอะ พี่ชาย และพ่อนั่งอยู่ที่ท้ายกระบะ
ขณะที่ลุงกำลังขับรถฝ่าเมืองที่ไฟกำลังลุกท่วม ฮายาโอะมองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเขาจำได้ว่าเป็นเพื่อนบ้านของเขา เธออุ้มลูกสาวตัวเล็กๆ มาด้วย เมื่อเธอเห็นรถของบ้านมิยาซากิวิ่งผ่าน เธอก็ตะโกนสุดเสียงว่า “โปรดให้เราไปด้วยๆ” ทว่าลุงไม่ยอมแม้แต่จะชะลอรถ เช่นเดียวกับพ่อแม่ซึ่งนิ่งเฉยราวกับไม่ได้ยิน
แม้ว่าหลังจากนั้นฮายาโอะจะรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นและลูกของเธอปลอดภัยดี แต่เขากลับรู้สึกทุกข์ทรมานมากที่พ่อแม่…ซึ่งแน่นอนว่าเป็น “ฮีโร่” ในสายตาของเขากลับไม่ได้แสดงความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ในยามคับขัน และแม้ว่าเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ ฮายาโอะจะสามารถหาเหตุผลมารองรับการกระทำของพ่อแม่ได้มากมาย แต่เขาก็ยังคงรู้สึกผิดและละอายใจอย่างที่ยากจะลบล้างได้
ด้วยเหตุนี้เอง ฮายาโอะจึงต้องการสร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่นเพื่อให้เด็กๆ มีความกล้าที่จะยืนหยัดในความดีงาม และสามารถเอ่ยถ้อยคำที่เขาไม่กล้าพูดในคืนนั้นว่า
“พ่อจ๋า…แม่จ๋า…โปรดจอดรถด้วยเถิด”
Secret Box
Once you do something. You never forget.
Even if you can’t remember.
คุณไม่มีวันลืมสิ่งที่คุณทำ แม้ว่าคุณจะไม่ได้จำมันไว้ก็ตาม
– คำกล่าวของแม่มดเซ็นนิบะ
จากภาพยนตร์เรื่อง Spirited Away
ที่มา นิตยสาร Secret
เรื่อง Violet
ภาพ moviedash.com, The Japan Times, sgcafe.com, thefader.com
บทความน่าสนใจ
ชีวิตหลากสีสันของ “โต๊ะโตะจัง” คุโรยานางิ เท็ตสึโกะ