สัญญาลูกผู้ชายในวันที่เกือบจะสายเกินไป
ดร.ตวงอัฐ ชัยกิจโกสีย์
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทซีพีเอฟ(ประเทศไทย)จำกัด(มหาชน)
ผมเป็นเด็กไม่ชอบเรียนหนังสือ ติดเพื่อน เที่ยวเตร่ตามประสาวัยรุ่น เพราะเชื่อว่าคนเราสามารถหาความรู้ได้จากทุกสิ่งรอบตัว ไม่ใช่แค่จากห้องเรียนสี่เหลี่ยมเท่านั้น
ช่วงประถมและมัธยมผมเรียนที่โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ชีวิตในช่วงมัธยมของผมไม่ได้ราบรื่นเหมือนคนอื่น ๆ ผมทั้งโดดเรียน กินเหล้า เที่ยวเตร่ มีเรื่องชกต่อย ถูกภาคทัณฑ์จนเกือบเรียนไม่จบ โชคดีที่โรงเรียนให้โอกาสจึงเรียนจบมาได้ ผมได้เรียนต่อที่คณะวิศวกรรม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ภาควิชาเครื่องกล เทอมแรกได้เกรด 1.6 ติดโปรต่ำ เพราะเอาแต่เที่ยวกลางคืน ไม่เรียนหนังสือเหมือนเดิม อ่านหนังสือสอบล่วงหน้าแค่คืนเดียวเท่านั้น ทำแต่กิจกรรมคณะ ทำทุกอย่างที่ไม่ใช่เรียนหนังสือ สุดท้ายก็เรียนจบแบบฉิวเฉียดมาได้
หลังเรียนจบผมทำงานเป็นวิศวกรได้6 เดือน ก่อนไปเรียนต่อที่ออสเตรเลียตามรอยแม่กับน้องชายทั้งสองคน (คุณแม่ ได้ทุนรัฐบาลออสเตรเลียไปเรียนต่อปริญญาเอกด้านภาษาศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยแม็คควอรี) ก่อนเดินทางผมเข้าไปกราบเท้าคุณแม่คุณพ่อ ขออโหสิกรรมที่เคยทำตัวไม่ดีเอาไว้ ท่านร้องไห้บอกผมว่า
“แม่อโหสิกรรมให้ลูกทุกอย่าง แม่เคยฝันมาตลอดว่าอยากเห็นลูกของแม่สักคนเรียนจบดอกเตอร์ ทำเพื่อแม่นะลูก”
ผมรับปากโดยที่ไม่รู้เลยว่านี่จะเป็นสัญญาครั้งสุดท้ายที่ผมให้แม่ และเป็นสัญญาใจที่เปลี่ยนชีวิตผมไปตลอดกาล พอมาอยู่ออสเตรเลีย ผมไม่ได้ทำตามที่รับปากไว้กับแม่สักนิด ผมมาเรียนต่อด้านวิศวคอมพิวเตอร์ และยังเกเรเหมือนเดิมทั้งเที่ยวกลางคืน มีเรื่องชกต่อย เละเทะไม่เป็นท่า แก๊งผมมีชื่อเสียงที่ไม่ดีนักในหมู่คนไทยที่นั่น หลังจากมาเรียนที่ออสเตรเลีย
ไม่นาน แม่เริ่มป่วย แต่ยังคุยกับผมทั้งทางจดหมายและโทรศัพท์เป็นปกติ จนกระทั่งผมอยู่ออสเตรเลียเข้าปีที่ 4 เริ่มสังเกตว่าลายมือแม่ที่เขียนจดหมายมาหาเปลี่ยนไป ดูโย้เย้ เขียนไม่เป็นคำ วันหนึ่งแม่โทรศัพท์มาหาผม บอกเพียงว่า
“แม่คิดถึง อยากเจอลูก กลับมาหาแม่ได้ไหม”
ประโยคนี้ของแม่ค่อนข้างแปลกกว่าทุกครั้ง เพราะปกติแม่ไม่เคยพูดจาซึ้ง ๆแบบนี้ แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จนคืนหนึ่ง ผมกลับจากเที่ยวกลางคืนกับเพื่อนตามปกติด้วยอาการมึนเมา ประมาณตีสอง โทรศัพท์ดังขึ้น เสียงพ่อบอกว่า
“แม่เสียแล้วนะ”
ไม่มีเสียงอะไรออกจากปากผม แต่ถือโทรศัพท์ไว้แบบนั้น เวลานั้นผมสับสน ทำอะไรไม่ถูก คิดแต่ว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง แม้จะเตรียมใจไว้บ้างแล้วตั้งแต่รู้ว่าแม่ป่วย แต่ไม่คิดว่าต้องมารับรู้เรื่องนี้ตอนที่สติเหลือน้อยเต็มที ผมสร่างเมาแทบจะในทันที ทุกอย่างรอบตัวดูเหมือนหยุดนิ่งไปหมด หลังวางโทรศัพท์จากพ่อ ผมค่อย ๆ ตั้งสติ พอตั้งสติได้ ความเสียใจ ความรู้สึกผิดรุมเร้าเข้ามาตลอดระยะเวลาที่แม่นอนป่วย ผมกลับใช้ชีวิตไร้สาระไปวัน ๆ เพราะคิดมาตลอดว่าแม่ต้องหายป่วยและยังอยู่กับพวกเราไปอีกนาน
เสร็จสิ้นงานศพแม่ คำสัญญาที่ได้ให้ไว้กับแม่ได้กลับเข้ามาในความคิดผมอีกครั้ง ผมตัดสินใจเปลี่ยนตัวเองทันที ผมหยุดเที่ยวเตร่ ขยันทำงาน ควบคู่ไปกับการเรียนปริญญาโทด้าน Engineering Management ที่มหาวิทยาลัยเวสเทิร์นซิดนีย์ และจบภายใน 1 ปี หลังเรียนจบผมตัดสินใจกลับเมืองไทยมาดูแลพ่อ เพราะอยากใช้เวลาที่เหลืออยู่กับพ่อ คนที่ผมรักมากที่สุดที่เหลืออยู่ พร้อมกับเรียนต่อปริญญาเอกด้าน Knowledge Management ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในที่สุดผมก็เรียนจบและได้เป็นดอกเตอร์ตามที่ให้สัญญาไว้กับแม่
แม้แม่ไม่ได้อยู่ชื่นชมความสำเร็จของผม แต่เชื่อว่าแม่รับรู้ได้และภูมิใจในความสำเร็จของลูก ๆ ทุกคน
Secret BOX
เวลาในชีวิตนั้นสั้นและไม่แน่นอน เราไม่มีทางรู้เลยว่าคนที่เรารักจะจากเราไปเมื่อไหร่ เราไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวันที่คนที่เรารักจากไปแล้วค่อยทำอะไรดีๆ เพื่อเขา หรือรอให้โชคชะตามาบังคับให้เราต้องถึงจุดเปลี่ยน ดังนั้นจงใช้เวลาที่มีอยู่ให้คุ้มค่ากับการมีชีวิตอยู่เพื่อคนที่เรารัก หรืออย่างน้อยก็คิดเสียว่าทำเพื่อตัวเอง
ดร.ตวงอัฐ ชัยกิจโกสีย์
เรื่อง:ดร.ตวงอัฐ ชัยกิจโกสีย์ เรียบเรียง:อุรัชษฎา ขุนขำ
ภาพ:สรยุทธ พุ่มภักดี สไตลิสต์:ณัฏฐิตา เกษตระชนม์