ธรรมะจัดสรรในวันทุกข์ใจ อุ้ย รวิวรรณ จินดา ตอน 3 (จบ)
เมื่อปัญหาชีวิตมากมายถาโถมเข้ามาจนมืดแปดด้าน อุ้ย รวิวรรณ จินดา ได้พยายามหาทางออกให้ตัวเอง สุดท้ายก็นึกถึง “ธรรมะ” ขึ้นมาได้
เมื่อนึกถึงคำที่คนบอกกันว่า “ธรรมะช่วยเยียวยาจิตใจได้” อุ้ยจึงออกไปกว้านซื้อหนังสือธรรมะตามร้านหนังสือมานั่งอ่านทั้งวันช่วงเวลาที่อ่านจิตใจก็ดีขึ้น เพราะมีสมาธิอยู่กับตัวหนังสือ แต่พอวางหนังสือลง ความทุกข์ก็กลับมาอีก ต่อให้หนังสือเขียนมาดีแค่ไหนเราก็ไม่สามารถนำความรู้นั้นมาจัดการกับความทุกข์ในใจได้ เพราะประสบการณ์ทางธรรมยังน้อย ไม่เพียงพอจะเข้าใจความหมายในหนังสือได้อย่างถ่องแท้
ช่วงนั้นอุ้ยใช้ชีวิตแบบวันต่อวัน อ่านหนังสือก็หายทุกข์ หลับก็ลืม แต่ว่างเมื่อไหร่ก็ทุกข์อีก จนถึงวันหนึ่งอุ้ยก็ยอมรับกับตัวเองว่า “เราไม่ได้เก่งไปทุกเรื่อง” ต้องหา“ครูบาอาจารย์ทางธรรม” มาสอนและชี้ทางสว่างให้ชีวิต
ธรรมะจัดสรรให้ได้พบครูบาอาจารย์
คงไม่มีคำไหนบรรยายเรื่องราวที่อุ้ยได้เจอกับพระอาจารย์เอกชัย สิริญาโณ ได้ดีไปกว่าคำว่า “ธรรมะจัดสรร”
วันที่อุ้ยยอมรับกับตัวเองแล้วว่าจะต้องหาครูบาอาจารย์ทางธรรม ก็บังเอิญได้อ่านเจอข้อความหนึ่งซึ่งเขียนโดยพระอาจารย์เอกชัยแม้ว่าอุ้ยอ่านหนังสือธรรมะมาเยอะ แต่กลับรู้สึกว่าข้อความที่พระอาจารย์เขียนเป็นภาษาที่อ่านเข้าใจง่ายมาก ท่านใช้ภาษาธรรมดา ๆแต่อ่านแล้วกลับลึกซึ้งกินใจ อุ้ยจึงจดจำชื่อของพระอาจารย์ได้ขึ้นใจ
ต่อมาอุ้ยเข้าไปดูเว็บไซต์ “บ้านพุฒมณฑา” ซึ่งเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของครูลิลลี่ ก็เห็นว่าพระอาจารย์เอกชัยมาสอนที่นี่ด้วย ในใจคิดอยากไปกราบท่าน และอยากเรียนถามท่านว่า ทำอย่างไรถึงจะจัดการความทุกข์ที่มีอยู่ได้ แต่เชื่อไหมคะว่าวันไหนที่อุ้ยว่างและจะเข้าไปลงชื่อเข้าคอร์สของท่านทุกคอร์สกลับเต็มตลอด อุ้ยจึงจำชื่อของท่านได้แม่นเลย
ต่อมาอุ้ยได้ไปรับงานร้องเพลงที่โรงแรมดุสิตธานี เชียงราย ขณะกำลังซ้อมร้องเพลงผู้จัดการโรงแรมก็เข้ามาบอกว่า
“คุณอุ้ยครับ พระอาจารย์เอกชัยสิริญาโณ ให้มาเชิญไปที่โรงแรมอิมพีเรียลครับตอนนี้พระอาจารย์อยู่ที่นั่น คุณอุ้ยเป็นลูกศิษย์พระอาจารย์เหรอครับ”
อุ้ยแปลกใจมาก แต่ก็ขอไปกับเขาด้วยเพิ่งได้รู้ภายหลังว่าผู้จัดการโรงแรมแห่งนี้เป็นลูกศิษย์ของพระอาจารย์ ซึ่งท่านทราบว่าอุ้ยมาร้องเพลงที่นี่ จึงให้เชิญมาด้วยเท่านั้นเองอุ้ยจึงคิดว่าเหตุการณ์ที่อุ้ยได้พบพระอาจารย์จะใช้คำอื่นไม่ได้ นอกจากคำว่า “ธรรมะจัดสรร”
เมื่ออุ้ยได้มากราบท่าน จึงเรียนท่านว่าอุ้ยลงคอร์สของท่านไม่ได้เลย ท่านก็ยิ้มและให้อุ้ยแลกเบอร์โทรศัพท์กับเลขาฯของท่านเพื่อส่งข่าวเรื่องการปฏิบัติธรรมกัน หลังจากนั้นอุ้ยจึงได้มาปฏิบัติธรรมที่วัดของท่าน คือวัดใหม่ศรีร่มเย็น จังหวัดเชียงราย
เพียง 3 วันที่ได้มาปฏิบัติธรรมที่นี่อุ้ยได้สัมผัสความสุขอย่างแท้จริง เพราะเมื่อเรานิ่งและสงบจริง ๆ จะเห็นเลยว่าสิ่งที่เราเคยคิดว่าเป็นความสุข เช่น อยากได้อะไรก็ใช้เงินซื้อ อยากไปไหนก็ไป หรืออยากทำอะไรก็ทำ สิ่งเหล่านี้เทียบไม่ได้เลยกับความสุขจากการทำสมาธิ ครั้งนั้นอุ้ยจึงกราบเรียนพระอาจารย์ว่า จะตั้งใจปฏิบัติต่อไปให้ดีและจะขอมาช่วยงานพระอาจารย์ไปตลอด
จากนั้นอุ้ยก็ได้พบพระอาจารย์อีกครั้งเมื่อท่านมาสอนที่เนคเทค สวทช. แถวรังสิตเป็นเวลา 3 วัน วันแรกที่พระอาจารย์มาถึงก็มีลูกศิษย์ลูกหาจำนวนมากมาเล่าประสบการณ์การปฏิบัติธรรมให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมฟัง อุ้ยแวะมาที่นี่เพื่อกราบพระอาจารย์ และได้เจอกับครูอ้อย ซึ่งเป็นลูกศิษย์ท่านเช่นกัน วันนั้นอุ้ยจึงได้คุยกับครูอ้อย และได้ไปเข้าเรียนกับครูด้วย
เห็นตัวเองได้ชัดจากการปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ
ตอนนี้อุ้ยปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำเสมอมาได้ 3 ปีแล้ว ทุกคนบอกว่าอุ้ยมาทางนี้ได้เร็วแต่บอกได้เลยว่า 3 ปีที่ผ่านมานี้ อุ้ยฝึกปฏิบัติเองที่บ้านทุกวัน ปีแรกก็เหมือนกับคนทั่วไป คือ จะยอมฝึกเมื่อได้ไปเข้าคอร์สปฏิบัติธรรม พอกลับมาบ้านก็จะฝึกต่อสัก1 อาทิตย์ จากนั้นก็จะมีข้อแก้ตัวว่า วันนี้ง่วงวันนี้มีงาน วันนี้ต้องทำนั่นทำนี่ จนสุดท้ายก็เลิกฝึกไป ซึ่งพระอาจารย์เหมือนจะรู้ว่าเราเป็นแบบนี้ พอท่านจะไปสอนที่ไหนก็จะส่งข่าวมาเสมอ เพื่อให้อุ้ยจัดเวลามาเข้าคอร์สได้บ่อยขึ้น
พอเข้าปีที่ 2 อุ้ยตั้งใจว่าจะจัดเวลาเข้าคอร์สปฏิบัติธรรมเดือนละ 1 ครั้งทุกเดือนถ้าไปเข้าคอร์สของพระอาจารย์เอกชัยไม่ได้ก็ต้องไปที่อื่น แต่ขอให้ได้ไปปฏิบัติทุกเดือนไม่ขาด เดือนไหนมีช่วงว่างเยอะก็ลงคอร์สหลายวัน ถ้าไม่ค่อยว่าง ไป 3 วัน 2 คืนก็ยังดีอุ้ยจึงได้ปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง และเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวเองมากขึ้น
จากตอนแรกที่อุ้ยบอกว่าสัมผัสได้ถึงความสุข แต่พอปฏิบัติเยอะขึ้นจนจิตนิ่งมาก ๆ อุ้ยมองเห็นตัวเองได้ชัดว่าที่ผ่านมาเราแย่มาก ใช้ชีวิตแบบนั้นได้อย่างไร และการปฏิบัติแนวสติปัฏฐาน 4 ทำให้เรารู้ทันทุกอย่าง รู้ทันแม้แต่ความคิดที่ผุดขึ้นมา และมีเหตุการณ์ครั้งหนึ่งที่ย้ำว่าเรามาถูกทางแล้ว
วันหนึ่งขณะกำลังขับรถแล้วคิดโน่นนี่ไปเพลิน ๆ จนอาจทำให้ขับช้า อยู่ ๆ รถคันหนึ่งก็ขับมาปาดหน้าเหมือนจะแกล้ง อุ้ยจึงหักหลบ ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนอุ้ยคงไม่ยอมหรือหลุดปากด่าไปแล้ว แต่เชื่อไหมคะว่าในวินาทีนั้นอุ้ยกลับรู้สึกถึงความโกรธที่มันกำลังม้วนตัวขึ้นมา คือรู้เลยว่านี่ฉัน “กำลังจะโกรธ” แล้วถ้าปล่อยให้มันเกิดขึ้นก็จะต้องด่าออกไป แต่อุ้ยเห็นความรู้สึกนี้ก่อน จึงตกใจตัวเองมาก
ตอนนั้นอุ้ยคิดได้เลยว่าสิ่งที่เราฝึกปฏิบัติมาตลอดก็เพื่อความรู้สึกนี้แหละ คือไม่ใช่แค่รู้เท่าทันความคิด แต่เป็นการรู้เท่าทันแม้กระทั่งความรู้สึกที่กำลังจะเกิดขึ้น ทั้งที่ปกติความรู้สึกจะเป็นเรื่องอัตโนมัติ แต่เรากลับเห็นความรู้สึกที่กำลังจะก่อตัวขึ้นได้ มันมหัศจรรย์มาก
ตั้งแต่วันนั้นอุ้ยก็ปวารณากับตัวเองเลยว่าจะต้องฝึกปฏิบัติทุกวัน โดยไม่มีข้อแม้ข้อแก้ตัวใด ๆ และเริ่มปฏิวัติตัวเองด้วยการปฏิบัติในช่วงค่ำของทุกวัน ซึ่งต่อมาก็เพิ่มเป็นช่วงเช้าเข้าไปด้วย ทุกวันนี้จึงปฏิบัติทั้งเช้าและค่ำทุกวันไม่ขาด
เติมเต็มชีวิตครอบครัวที่ขาดหาย
อีกเรื่องหนึ่งที่อุ้ยบอกได้ว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์คือ เมื่อก่อนอุ้ยรู้สึกว่าได้ดูแลแม่อย่างดีแล้ว เพราะอยู่บ้านเดียวกับท่านทำงานหาเงินและจ้างคนมาดูแลท่าน แต่พอปฏิบัติมาถึงจุดหนึ่งจนเห็นอดีตที่ไม่ดีของตัวเอง ความคิดก็เปลี่ยนเป็นอีกมุมหนึ่งทันที และคิดตำหนิตัวเองว่าเมื่อก่อนเราคิดอย่างนั้นได้อย่างไร เพราะสิ่งที่แม่ต้องการที่สุดคือความรักและเอาใจใส่จากลูก
ตอนนี้ตื่นเช้ามาอุ้ยจะเข้าไปกอดแม่ บอกรักท่าน บางทีแม่ตื่นมาแล้วบ่นปวดหัว ปวดเนื้อปวดตัว อุ้ยจะเข้าไปกอดแล้วบอกท่านว่า “อุ้ยรักแม่นะ แม่หายดีนะ แม่ไม่ได้เป็นอะไรหรอกเนอะ” กอดท่านบ่อย ๆ ท่านก็มีความสุข ไม่เจ็บป่วยอะไรหรือกับน้องชายที่อยู่บ้านเดียวกันแท้ ๆ แต่เมื่อก่อนไม่ค่อยได้คุยกันเพราะอุ้ยทำแต่งานตอนนี้ก็สนิทกันมากขึ้น คุยกันมากขึ้นเหมือนเราได้กลับมาเติมเต็มชีวิตครอบครัวในช่วงที่ห่างหายกันไป
ส่วนเรื่องงานร้องเพลงที่ห่างหายไปนานก็ได้กลับมาทำอย่างใจหวัง อุ้ยเชื่อว่าวิถีชีวิตที่มีความสุขเช่นนี้เกิดขึ้นจากใจของเราเองเมื่อรักษาระดับใจให้สงบนิ่งได้ด้วยการปฏิบัติทุกวัน เราก็จะตามรู้เท่าทันความรู้สึกและจัดการความทุกข์ได้
ทุกวันนี้อุ้ยเป็นหนี้ครูบาอาจารย์ เป็นหนี้พระพุทธศาสนา หลายครั้งก็มานั่งคิดว่า“ตายละ ถ้าปฏิบัติธรรมทั้งชีวิตที่เหลืออยู่นี้จะพอลบล้างสิ่งที่ตัวเองเคยทำไว้ได้ไหม”เพราะไม่รู้ที่ผ่านมาเราทำบาปทำกรรมกับใครไว้เท่าไหร่ อุ้ยจึงตั้งใจปฏิบัติธรรมเต็มที่และยังไปช่วยงานพระอาจารย์เอกชัย โดยเล่าประสบการณ์การปฏิบัติธรรมของตัวเองให้ผู้อื่นได้ฟัง
อุ้ยอยากให้เรื่องราวชีวิตที่เล่ามาทั้งหมดนี้เป็นเหมือนบทเรียนหรือแรงบันดาลใจให้หลาย ๆ คนหันมาปฏิบัติธรรมโดยไม่ต้องรอให้ถึงวันที่ทุกข์ใจที่สุด เพราะเราไม่อาจรู้ได้ว่าวันไหนคือวันสุดท้ายของชีวิต
เรื่อง รวิวรรณ จินดา เรียบเรียง เชิญพร คงมา ช่างภาพ สรยุทธ พุ่มภักดี ผู้ช่วยช่างภาพ ธนทัช หิรัญวรกุล
สไตลิสต์ ณัฏฐิตา เกษตระชนม์ แต่งหน้า - ทำผม ภูดล คงจันทร์
ขอขอบคุณสถานที่ : ร้าน Classy Coffee ถนนลาดปลาเค้า ระหว่างซอย 48 และ 50 โทร. 08-1424-4453