“ดื่มปัจจุบัน…สำคัญที่สุด” เรียนรู้ วิธีดื่มชาให้พบธรรม โดย ท่านว.วชิรเมธี
วิธีดื่มชาให้พบธรรม โดย ท่านว.วชิรเมธี
ปกติเวลาเราดื่มน้ำ เราจะยกซดไปเลย เวลาที่เรากินอะไร พอนำเข้าปาก เราก็เคี้ยวเลย เราดื่มและเรากินอย่างไม่มีสติ บางครั้งตอนที่ดื่มนั้น สิ่งที่ไหลลงคอเราไปไม่ได้มีแค่น้ำ ไม่ได้มีแค่ไวน์ แต่มีความคิด โปรเจ็กต์ ไอเดีย ความกังวล อดีตอันขมขื่น ความวิตกถึงอนาคต อารมณ์เสีย ปนเข้าไปในน้ำของเราด้วย
ตกลงเราดื่มอะไรกันแน่
วันนี้อาตมภาพจะสอนให้เราทุกคนได้ดื่มน้ำชาอย่างแท้จริง เทคนิคก็คือ เมื่อเราดื่ม ขอให้เราดื่มด่ำกับรสของชาจริง ๆ ถ้ามันหอม ก็ให้รู้ว่ามันหอม ถ้ามันอร่อย ก็ให้ตระหนักรู้ว่ามันอร่อย แค่ตระหนักรู้เท่านั้น
เมื่อคุณดื่ม ในหัวของคุณจะต้องไม่มีความคิด ไม่มีความกังวล ถ้าดื่มไปคิดไป คุณก็ไม่ได้ดื่มชา การดื่มอย่างมีสติ ก็แค่ดื่มด้วยความรู้สึกตัว ตระหนักรู้ตั้งแต่น้ำชาไหลเข้าไปในปาก ถ้ามีความคิดปนเข้ามาในน้ำชาก็แสดงว่าคุณยังไม่ได้ดื่มน้ำชาอย่างถูกต้อง
ในประเทศญี่ปุ่น การดื่มชาถือเป็นพิธีที่ศักดิ์สิทธิ์ เพราะเขาดื่มอย่างมีสติ ไม่ใช่ดื่มไปคุยไป ไม่ใช่ดื่มไปคิดไป แต่เขาดื่มในความสงบ นาทีที่เขาดื่มนั้น เหมือนโลกทั้งโลกมีแต่เพียงการดื่มเท่านั้น ผู้ดื่มก็ไม่มี ถ้วยชาก็ไม่มี มีแต่เพียงการตระหนักรู้ถึงน้ำชาที่กำลังไหลล่วงลงคอในขณะนั้น
เริ่มจากการหยิบถ้วยชาขึ้นมาด้วยความตระหนักรู้ ส่งพลังงานแห่งสติทั้งหมดมาอยู่ในถ้วยชาของเรา แล้วค่อย ๆ บรรจงจิบชาช้า ๆ อย่างมีสติ…ถ้าเราดื่มชาอย่างแท้จริง เพียงชั่วขณะที่ดื่มชาหนึ่งถ้วย ก็เป็นชั่วขณะทองคำที่สามารถเยียวยาบำบัดฟื้นฟูให้ชีวิตของเรานิ่ง สงบ มั่นคง สดชื่น หากทำบ่อย ๆ เราจะเป็นคนที่สามารถหยุดตัวเองได้ ความรุ่มร้อนในใจ ความหุนหันพลันแล่น ความขี้หลงขี้ลืม หรือการนิยมความรุนแรงก็จะลดลง คุณสามารถชวนคนที่คุณรักมาดื่มชาอย่างมีสติได้ เพราะวิธีการแบบนี้ใช้ได้กับคนทุกคน โดยเริ่มต้นจากตัวเองก่อน
ในวัฒนธรรมตะวันออก การดื่มชาที่แท้จริงคือการเจริญสติ แต่ต่อมาเมื่ออังกฤษไปรับวัฒนธรรมการดื่มชามาจากศรีลังกาและจีนจนกลายเป็นวัฒนธรรมการจิบชาของชาวอังกฤษ สิ่งที่พวกเขาได้มาก็คือ ท่วงทีลีลาการดื่มชา และการตั้งวงนินทาเท่านั้น แต่หัวใจของการดื่มชามันหายไป เดี๋ยวนี้ยิ่งเลวร้ายกว่านั้นคือ เขาได้แต่เงินจากการขายใบชา ในขณะที่สติหายไปเลย
พวกเราโชคดีมากที่มีโอกาสได้เรียนรู้วัฒนธรรมการดื่มชาที่แท้จริง และจากน้ำชาคุณจะเปลี่ยนเป็นการดื่มน้ำเปล่า น้ำผลไม้ แม้กระทั่งไวน์หรือน้ำซุปที่ชอบซด ทุกอย่างเป็นเครื่องมือในการฝึกสติได้หมด
ถามว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าทุกครั้งที่เราดื่มน้ำมันกลายเป็นการฝึกสติ ถ้าทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ภายในเวลาสามวันเราจะเปลี่ยนไปเป็นอีกคนหนึ่ง เราจะสังเกตเห็นทุกอย่างในตัวเองชัดขึ้น เหมือนเราจอดรถอยู่ข้างทางแล้วมองพระอาทิตย์ตกดิน ทุกอย่างจะชัดเจนไปหมด นั่นคือผลจากการเติมพลังแห่งสติ ฉะนั้น สติก็คือพลังงานแห่งความสุข สงบ ปีติ เบิกบาน และเป็นพลังแห่งปัญญา
พลังเหล่านี้เกิดขึ้นกับเราได้โดยไม่ต้องกินยาแม้แต่เม็ดเดียว ไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว นี่คือพลังเชิงบวกของชีวิตซึ่งจำเป็นสำหรับเราทุกคน แต่บางครั้งเราก็หลงลืมไปไขว่คว้าหาพลังเหล่านี้จากสิ่งอื่น นั่นทำให้กว่าจะมีความสุข กว่าจะมีความสงบ กว่าจะมีความสดชื่น กว่าจะนอนหลับ ช่างเป็นไปได้ยากเย็น
ฉันใดก็ฉันนั้น…
คนที่พยายามกลั่นเอาน้ำมันจากเม็ดทรายย่อมผิดหวัง
คนที่แสวงหาความสุขไม่เป็นก็ย่อมไม่ค้นพบความสุข