เปิดตัว OASIS HEALING ASIA ศูนย์ดูแลผู้ป่วยมะเร็งแบบองค์รวมแห่งแรกในประเทศไทย
จากรายงานขององค์การอนามัยโลก (World Health Organization – WHO) คาดการณ์ว่า อัตราการเกิดโรคมะเร็งทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 70% ภายในปี 2030 โดยภูมิภาคเอเชียเป็นพื้นที่ที่คาดว่าจะมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมากที่สุด
ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของการก่อตั้ง Oasis Healing Asia หรือOHA ศูนย์ดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งแบบองค์รวมแห่งแรกในประเทศไทย ที่ได้นำแนวทางการรักษาที่พิสูจน์ผลแล้วจากศูนย์รักษาโรคมะเร็งที่ดำเนินมาเกือบ 20 ปีและมีชื่อเสียงระดับโลกจากสหรัฐอเมริกามาสู่เอเชีย รวมถึงคิดค้นพัฒนาแนวทางการฟื้นฟู และการหยุดมะเร็งแบบผสมผสาน เพื่อมุ่งรับมือกับวิกฤติโรคมะเร็งที่จะส่งผลต่อประชากรกว่า 3.5 พันล้านคนในอนาคตทั้งในประเทศไทยไทยและทั่วภูมิภาคเอเชีย ด้วยแนวทางการรักษารูปแบบใหม่ที่อ่อนโยนและทรงประสิทธิภาพ ผสานเทคโนโลยีสุดล้ำเข้ากับความเชี่ยวชาญด้านมะเร็งยาวนานกว่า 38 ปีของ นายแพทย์โทมัส โลดี้ (Dr. Thomas Lodi, MD, MD(H)) ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งแบบองค์รวมระดับโลก
ในฐานะ หัวหน้าที่ปรึกษาด้านมะเร็งแบบองค์รวมและเวชศาสตร์ของ โอเอซิส ฮีลลิ่ง เอเชีย ดร. โทมัส โลดี้ แพทย์ผู้ปฏิวัติวงการมะเร็งด้วยปรัชญา “หยุดสร้างมะเร็ง” ได้แชร์มุมมองใหม่ว่า ในขณะที่การรักษามะเร็งในปัจจุบันของโลกการแพทย์ต่างมุ่งเน้นไปที่ “การต่อสู้โรค” ทว่าเขากลับมองว่า “โรค” ไม่ใช่ศัตรูภายนอก แต่เป็นสัญญาณเตือนจากร่างกาย บอกเล่าถึงความเสียสมดุลภายในที่เกิดจากการละเมิดกฎธรรมชาติ จากชีวิตที่หลีกห่างจากอาหารตามธรรมชาติ ขาดการออกกำลังกาย นอนไม่เพียงพอ ความเครียดสะสม ล้วนส่งผลต่อการทำงานของร่างกายและจิตใจนั่นเอง โดยยืนยันว่า การฟื้นฟูสุขภาพมิใช่แค่การกำจัดโรค แต่อยู่ที่การสร้างสมดุลให้ร่างกาย กลับคืนสู่วิถีชีวิตที่สอดคล้องกับกฎธรรมชาติ เหมือนกับต้นไม้ที่เจริญเติบงดงามได้เมื่อได้รับแสงแดด น้ำ และดินอย่างพอเหมาะ การเลือกอาหารที่สะอาด ปรุงอย่างเรียบง่าย ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนเพียงพอ จัดการความเครียด จะกลายเป็น “ยา” อันทรงพลัง
ทั้งนี้ อ้างอิงจากผลลัพธ์ที่ ดร. โลดี้ สร้างไว้ที่ An Oasis of Healing ศูนย์ดูแลผู้ป่วยมะเร็งแบบองค์รวมในอาริโซนา สหรัฐอเมริกานั้น มีผู้ป่วยมากมายฟื้นฟูสุขภาพและมีชีวิตยืนยาว โดยลดการพึ่งพายาเคมีและการฉายรังสี เน้นการปรับพฤติกรรม เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเยียวยา
“ปรัชญาของเราคือการเคารพกฎแห่งชีวิตและอาศัยพลังธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตในการรักษา ร่างกายมีความสามารถในการรักษาตัวเองโดยกำเนิด และเป้าหมายของเราคือการช่วยพัฒนาศักยภาพนี้ผ่านความสมดุลระหว่างร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ” ดร.โทมัส โลดี้ กล่าว
นอกเหนือจากการรักษาทางการแพทย์แล้ว การดูแลสุขภาพให้แข็งแรงห่างไกลจากมะเร็งแบบองค์รวม ยังรวมถึง “ไลฟสไตล์” หรือการใช้ชีวิตที่ดีอย่างแท้จริง ทั้งด้านจิตใจ และการโภชนาการเป็นสำคัญ
โดย อาจารย์ซานจีฟ จาตุรเวที (Master Sanjiv Chaturvedi) หัวหน้าแผนกสุขภาพจิตและอาจารย์สอนโยคะบำบัดของ โอเอซิส ฮีลลิ่ง เอเชีย ได้แบ่งปันประสบการณ์อันล้ำค่าเกี่ยวกับการใช้ชีวิตอย่างสมดุลและปราศจากโรคมะเร็งว่า “โยคะและสมาธิมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพโดยรวม ด้วยการสร้างสมดุลระหว่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ ผู้คนจึงสามารถเพิ่มความยืดหยุ่น ลดความเครียด และสร้างสภาพแวดล้อมภายในร่างกายให้ไม่เอื้อต่อการเกิดโรคมะเร็ง”
ด้าน เชฟเบน ฟลาวเวอร์เดย์ (Chef Ben Flowerday) หัวหน้าเชฟของ โอเอซิส ฮีลลิ่ง เอเชีย ย้ำถึงความสำคัญของเรื่องโภชนาการไว้ว่า “อาหารที่เรารับประทานเป็นปัจจัยพื้นฐานของสุขภาพ การเลือกสรรอาหารออแกนิกและยั่งยืน รวมถึงการรับประทานอาหารมังสวิรัติ ไม่เพียงส่งเสริมสุขภาพกายเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อความแจ่มใสของจิตใจและความสมดุลทางอารมณ์อีกด้วย นี่คือรากฐานสำคัญในการป้องกันและเอาชนะความท้าทายด้านสุขภาพ รวมถึงโรคมะเร็ง”
โอเอซิส ฮีลลิ่ง เอเชีย กำลังจะเปิดให้บริการในเดือนเมษายน 2567 นี้ ซึ่งนับเป็นศูนย์ดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งแบบองค์รวมแห่งแรกในประเทศไทยและทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย ครอบคลุมพื้นที่กว่า 1,200 ตารางเมตร บนถนนกรุงเทพกรีฑา นำเสนอแนวทางการรักษารูปแบบใหม่ที่อ่อนโยนและทรงประสิทธิภาพ ผสานเทคโนโลยีสุดล้ำเข้ากับทีมผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ พยาบาล นักบำบัด นักโภชนาการ ปรมาจารย์โยคะและการนั่งสมาธิ ผ่านหลักการสำคัญ 3 ประการที่มุ่งแก้ไขปัญหาแก่นของโรคมะเร็งและปูทางสู่การเยียวยาอย่างสมบูรณ์ ประกอบด้วย หยุดการเติบโตของมะเร็ง (Stop Making Cancer) การโจมตีเซลล์มะเร็ง (Target Cancer) และ การเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน (Enhance the Immune System)
คุณวศิน ดลรึเดช ผู้ร่วมก่อตั้ง โอเอซิส ฮีลลิ่ง เอเชีย กล่าวว่า “การเปิดตัว โอเอซิส ฮีลลิ่ง เอเชีย นับเป็นก้าวสำคัญของการรักษาโรคมะเร็งในภูมิภาค ไม่เพียงแค่สำหรับประเทศไทย แต่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกทั่วทั้งเอเชีย โดยเป็นการนำเสนอแนวทางการรักษาแบบปฏิวัติ ผ่านศาสตร์ที่เคารพภูมิปัญญาของธรรมชาติ และเสริมพลังให้ผู้ป่วยควบคุมสุขภาพของตนเอง เรามองเห็นอนาคตที่โรคมะเร็งไม่ใช่ ‘ศัตรูที่น่าหวาดกลัว’ แต่เป็นความท้าทายในการทำความเข้าใจ และเคารพกฎของธรรมชาติที่ก่อให้เกิดโรค และการรักษามะเร็งจะไม่ใช่การต่อสู้ที่เจ็บปวดเสมือนการสู้รบในสนามรบอีกต่อไป แต่เป็นการเรียนรู้ที่จะกลับไปสู่ธรรมชาติ”