พรสวรรค์ ของเด็กๆ ค้นพบแล้วจะส่งเสริมยังไงดี
คนเป็นพ่อเป็นแม่ย่อมอยากเห็นพัฒนาการของลูกๆ ของตัวเอง รวมถึงอยากส่งเสริมให้เค้าได้ค้นพบกับความชอบและความถนัด สิ่งที่เด็กๆ แสดงออกมาว่ามีความเก่งและถนัดอย่างโดดเด่น พ่อแม่อาจคาดว่าสิ่งเหล่านี้เป็น พรสวรรค์ ของลูก เมื่อค้นพบแล้วก็ยังต้องมาชั่งน้ำหนักอีกว่าเป็นพรสวรรค์ที่แท้จริงใช่หรือไม่ แล้วควรจะส่งเสริมต่อไปอย่างไรดี
นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ คุณหมอและนักคิดนักเขียน บอกเราว่า “อยากรู้ก็ลองครับ”
ปัญหาคือ การลองแต่ละอย่างต้องใช้เงิน ดังนั้นตั้งสติและใจให้มั่นคงว่าเราจะเอาจริงและยอมลงทุนกับความสามารถพิเศษสักเรื่องมากน้อยเพียงใด
การที่จะให้ลูกมีความสามารถพิเศษสักอย่างในระดับที่ใช้การได้ไม่ใช่ของง่าย ข้อแรกคือใช้เงินมาก จะให้ลูกเป็นนักร้องหรือนักดนตรีต้องจ่ายค่าเล่าเรียนสูง และค่าอุปกรณ์ดนตรีราคาแพงตั้งแต่แรก จะเป็นนักกีฬา นักวาดภาพ นักทำหนังสั้น นักสร้างแอนิเมชั่น หรืออื่นใดก็เช่นกัน มีเสื้อผ้าหรืออุปกรณ์ที่ต้องซื้อหาทั้งสิ้น หลังจากนั้นยังต้องจ่ายค่าเล่าเรียนอีกเรื่อยๆ หากต้องการให้เขาเก่งขึ้นเรื่อยๆ และต้องจ่ายค่าบำรุงรักษาอุปกรณ์ตลอดไป ซึ่งก็มิใช่น้อย
คุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่จะถอยเมื่อถึงจุดหนึ่ง แล้วเด็กไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
แต่ความยากอีกข้อที่สำคัญกว่าคือ ในตอนแรกเด็กส่วนใหญ่จะสนุกสนานไปกับกิจกรรมเหล่านี้ แต่กว่าจะพัฒนาไปถึงระดับที่ใช้การได้ เด็กจะพบว่าเรื่องชักจะไม่สนุกอีกแล้ว ในงานศิลปะแต่ละแขนงมีความยากที่ต้องผ่านไปทีละระดับเช่นกัน แม้แต่ร้องเพลงหรือเล่นดนตรีก็มีบางช่วงที่เด็กจะงอแง ไม่สนุก และถอยหลัง คุณพ่อคุณแม่ควรมีเวลารับมือเรื่องนี้ด้วย
ความสามารถพิเศษมีประโยชน์สามข้อ ข้อแรกคือ คลายเครียด ถ้าต้องการเท่านี้ก็ไม่ต้องลงทุนมากนัก พอให้เขาทำอะไรบางอย่างเพื่อตนเองใช้คลายเครียดได้ ร้องเพลง เล่นดนตรี ฯลฯ
ข้อสองคือ หากเป็นกิจกรรมพิเศษด้านศิลปะจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาสมองซีกขวา วุฒิภาวะทางอารมณ์ เพิ่มมิติของความเป็นมนุษย์ให้สมบูรณ์มากขึ้น หากเขาเรียนสายวิทยาศาสตร์ก็จะได้อ่อนโยน เข้าใจคนอื่น และเห็นแก่เพื่อนมนุษย์มากขึ้น
ข้อสามคือ เป็นความสามารถติดตัวจริงๆ ในระดับใช้การได้ คือเป็นมืออาชีพระดับหนึ่ง ขึ้นเวทีได้ ลงสนามได้ หารายได้พิเศษได้ เขียนใบสมัครเพื่อเรียนต่อต่างประเทศหรือทำงานที่ไหนๆ ก็ได้ เพราะว่าตนเองมีความสามารถพิเศษ
ถามว่าควรจะทำอย่างไรเพื่อค้นหาว่าใช่หรือไม่ใช่พรสวรรค์ และถ้าใช่ควรส่งเสริมอย่างไรดี
อันดับแรกคือต้องลองลงทุนให้เขาสักตั้ง เขาจะเป็นตัวจริงในเรื่องนั้นหรือเปล่าก็พิสูจน์กันตอนที่บทเรียนยากขึ้นเรื่อยๆ และถ้าคุณพ่อคุณแม่เป็นคนไม่ถอยง่าย สอนให้เขาไม่ถอย ถ้าเขาเป็นตัวจริงเขาก็จะไม่ถอยด้วย แต่ถ้าเขาเอาแต่เล่นเอาสนุก ก็มักจะออกอาการให้รู้เอง เช่น เริ่มเบี้ยว งอแง โยเยไม่อยากไปเรียน
อีกข้อหนึ่งคือ ระวังให้ดีว่าไม่ใช่ให้ลองทุกอย่างแล้วถอยทุกอย่าง อย่างนี้จะนำมาสู่อาการแคลงใจในตนเองได้เหมือนกัน การทำอะไรบางอย่างให้สำเร็จ เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันเด็กไปข้างหน้า ดังนั้นเป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่เพียงแค่จ่ายเงิน แต่ต้องพาเขาผ่านสันดอนตอนที่พบบทเรียนยากๆ ไปให้ได้ด้วย
คุณพ่อคุณแม่สามารถติดตามเคล็ดลับพัฒนาลูก ด้วยหลักการสำคัญเพียงไม่กี่ข้อเพิ่มเติมได้ใน หนังสือสุดยอด
เคล็ดลับพัฒนาลูก สำนักพิมพ์อมรินทร์
บทความที่น่าสนใจ