หากใครอยากหาที่ท่องเที่ยวภายใต้บรรยากาสบายๆ หนีความวุ่ยวายของเมืองใหญ่ ยังมีชุมชนเล็กๆ แทรกตัวอยู่อย่างสงบ พึ่งพาตัวเองได้และยังรวมกลุ่มกันอย่างเข้มแข็ง ข้อสำคัญ คนที่นี่ใจดี แนะนำให้มาที่นี่เลย เกาะเกิด อยุธยา
“เกาะเกิด” ชุมชนเล็กๆ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่มีความน่าสนใจแถมยังอยู่ใกล้กรุงเทพฯ มากๆ ขับรถแค่ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึง เมื่อมาถึงก็จะเห็นเสน่ห์อย่างแรกของที่นี่นั่นคือชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งที่นี่มีของอร่อยๆ มากมาย รวมถึงกิจกรรมสำหรับนักท่องเที่ยวทุกรูปแบบ
การเดินทางมาที่ ต.เกาะเกิด หากมาจากกรุงเทพฯ ให้ใช้ทางพิเศษศรีรัช และทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด มีจุดสังเกตคือเมื่อถึงสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่ อ.บางปะอิน ให้เลี้ยวซ้ายที่จุดกลับรถเพื่อย้อนมากลับรถใต้สะพานเกาะเกิดและขับตรงไปอีกประมาณ 100 เมตร ก็เลี้ยวขวาเข้าสู่ชุมชนเกาะเกิดได้เลย
ถ้าหากนักท่องเที่ยวท่านใดอยากได้วันพักผ่อนที่เงียบสงบในบรรยากาศริมน้ำที่สามารถมองเห็นวิวสวยๆ ของแม่น้ำเจ้าพระยาได้ทั้งวัน ขอบอกเลยว่าที่นี่คืออีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจอย่างมาก และหากใครจะค้างคืนก็มีโฮมสเตย์บรรยากาศสบายๆ ไว้คอยบริการอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา อย่าง เกาะเกิดโฮมเสตย์นั่นเอง
ได้เวลาที่เราจะไปเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของชุมชนกันแล้ว ซึ่งที่นี่มีทั้งขนมและสินค้าที่น่าสนใจ ที่สำคัญไม่ได้แค่เปิดขายอย่างเดียวแต่ยังเป็นศูนย์การเรียนรู้ที่น่าสนใจของนักท่องเที่ยวอีกด้วย และจุดหมายแรกที่เราจะไปกันคือบ้านยายชม้อย ที่ทำขนมและน้ำนมจากข้าวยาคูนั่นเอง
มาถึงที่นี่เราจะพบกับวิถีชีวิตของชาวบ้านซึ่งมีการทำขนมกันที่ใต้ถุนบ้าน โดยคุณยายชม้อยถือเป็นต้นตำรับการทำขนมและน้ำนมข้าวยาคูของ ต.เกาะเกิด ซึ่งที่อื่นอาจมีการดัดแปลงกระบวนการผลิตโดยใช้เครื่องมือต่างๆ แต่ที่นี่ยังคงรักษากระบวนการผลิตแบบดั้งเดิมเอาไว้ โดยการนำรวงข้าวอ่อนๆ มาตำรวมกับใบเตยสดในครกไม้มะขามใบใหญ่ จากนั้นก็นำมาคั้นจนได้น้ำนมข้าวข้นๆ สีเขียวอ่อน เมื่อนำไปต้มก็จะกลายเป็นน้ำนมข้าวยาคู แต่หากเติมแป้งใส่กระทะตั้งไฟกวนให้งวดก็จะกลายเป็นขนมข้าวยาคูแสนอร่อยนั่นเอง หากใครอยากรับประทานขนมข้าวยาคูสดๆ ร้อนๆ จากเตาก็สามารถมาที่บ้านยายชม้อยได้เลยครับ
และในหมู่บ้านเดียวกันหากเดินถัดไปอีกสองสามหลังก็จะพบกับบ้านของป้าสละและลุงสมนึก ที่ขึ้นชื่ออย่างมากในเรื่องการทำขนมไทยอร่อยๆ เรียกว่าช่วยสร้างชื่อเสียงให้แก่ชุมชนนี้เลยก็ว่าได้ ถึงขั้นบอกเลยว่าหากมาเที่ยวที่นี่แล้วไม่ได้แวะมาชิมหรือมาซื้อขนมของป้าสละ เรียกว่ามาไม่ถึงกันเลยทีเดียว โดยลุงกับป้าจะทำขนมหลายอย่างมากๆ เช่น ขนมกง ขนมสามเกลอ ขนมหม้อแกง ขนมต้ม ขนมตะโก้ ขนมเปียกปูน ถั่วแปบ ซึ่งในแต่ละวันป้าสละจะทำขนมไทยโบราณสลับสับเปลี่ยนกันไป แต่ที่ทำอยู่เป็นประจำก็คือขนมสามเกลอ และขนมกง ที่ลูกค้าในพื้นที่มักจะมาสั่งเพื่อนำไปใช้ในงานพิธีมงคลต่างๆ อีกด้วย
นอกจากขนมไทยอร่อยๆ ที่เกาะเกิดยังมีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสุขภาพอีกด้วย เริ่มกันที่ชิ้นแรกชาวบ้านที่นี่เรียกกันว่า ม้ายืนเพื่อสุขภาพ วิธีใช้ก็แสนจะง่ายดายเพียงแค่เอาวางไว้กับพื้นแล้วขึ้นไปยืน ด้วยองศาความลาดเอียงของม้ายืนนี้จะทำให้เรารู้สึกได้ทันทีว่าเส้นสายในร่างกายตึงเปรี๊ยะขึ้นมาทันที ส่วนแบบที่สองคือเครื่องบริหารเข่าที่ชาวบ้านในชุมชนช่วยกันคิดพัฒนากันขึ้นมาถือเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านอย่างแท้จริง
อีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อได้มาที่เกาะเกิดคือ การได้มาเยี่ยมชมวัดเชิงท่า ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยาอายุกว่า 300 ปี มาที่วัดนี้เราจะได้เห็นต้นโพธิ์ที่ยืนต้นโอบล้อมต้นตะเคียนขนาดใหญ่ที่มีด้วยกันถึง 3 ต้น นับเป็นอีกหนึ่งความมหัสจรรย์ทางธรรมชาติที่หาชมไม่ได้จากที่ไหนนอกจากที่นี่ที่เกาะเกิดครับ
ภาระกิจท่องเที่ยวต่อไปเราไปต่อกันที่กลุ่มหมี่กรอบโบราณ อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์สร้างชื่อของเกาะเกิด หมี่กรอบโบราณของที่นี่มีรางวัลชนะเลิศระดับจังหวัดมาช่วยการันตีความอร่อยด้วยนะครับ มาถึงจะได้ดูขั้นตอนการผลิตหมี่กรอบโบราณกันเลย เมื่อดูการผลิตพร้อมวัตถุดิบที่ใช้ปรุงกันแล้ว ก็ไปดูการบรรจุใส่กล่องเพื่อนำไปจำหน่าย และจากตรงนี้เองทำให้เราได้ความคิดว่า จะมาพัฒนาปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ที่ใส่หมี่กรอบโบราณนี้ให้ดูดีและมีมาตรฐานยิ่งขึ้น
อีกหนึ่งกิจกรรมที่มาแล้วพลาดไม่ได้อย่างแรงนั่นคือการร่องเรือท่องแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเราจะล่องไปเที่ยวกันยังวัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที วัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำฝั่งตรงข้ามพระราชวังบางปะอิน สิ่งแรกที่ทำให้เราได้รู้ว่ามาถึงจุดหมายนั่นคือประภาคารสีขาวที่ตั้งเด่นเป็นสง่า และยังมีกระเช้าลอยฟ้าที่สร้างขึ้นเพื่อให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวได้ใช้โดยสารข้ามจากฝั่งตรงข้ามเข้ามายังวัดนั่นเองครับ
เมื่อเข้ามาในบริเวณวัดจะเห็นอารามต่างๆ ที่มองไปมองมาคล้ายโบสถ์ของคริสต์ ซึ่งไม่ใช่นะครับ ที่นี่พระบาทสมเด็จพระจองเกล้าเจ้าอยู่หัวท่านทรงโปรดให้สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.2419 เพื่อใช้เป็นที่บำเพ็ญพระราชกุศลใกล้กับพระราชวังบางปะอิน ซึ่งตอนนี้วัดนี้มีอายุถึง 140 ปีแล้ว
นอกจากนี้ภายในวัดยังมีบรรยากาศที่ร่มรื่น ร่มเย็น จากต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่รัชกาลที่ 5 ทรงปลูกไว้ในปีไล่เลี่ยกับการก่อสร้างวัดแห่งนี้ มาที่นี่นอกจากได้ท่องเที่ยวชมทั้งศิลปะทางศาสนา ก็ยังมีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์มากมายรวมอยู่ในที่เดียวกันเรียกว่ามาแล้วคุ้มสุดๆ เลยครับ
หลังจากชื่นใจกับความล้ำค่าทางพุทธศาสนากันแล้ว เราจะมุ่งหน้ากลับเข้าไปยังชุมชนเพราะมีกิจกรรมทางน้ำรอเราอยู่นั่นก็คือ การตกกุ้งแม่น้ำของชุมชนเกาะเกิดนั่นเองครับ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถลองตกกุ้งได้ด้วยตัวเอง ถือเป็นกิจกรรมที่ทั้งสนุกและเพลิดเพลินมากๆ อีกอย่างหนึ่งเลย
ที่เกาะเกิดนอกจากกิจกรรมท่องเที่ยวทางน้ำ ล่องแม่น้ำเจ้าพระยา และท่องเที่ยวในชุมชนแล้ว อีกหนึ่งสถานที่ที่ห้ามพลาดเลยก็คือ ศูนย์ศิลปาชีพเกาะเกิดที่ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านเศรษฐกิจพอเพียงที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งนอกจากจะมีสินค้าทางการเกษตรให้ได้เลือกซื้อมากมาย ที่นี่ยังมีเกษตรกรที่ใช้ชีวิตอยู่ในนี้จริงๆ อีกด้วย
โครงการศิลปาชีพเกาะเกิดแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นตามพระราชเสาวณีย์ของพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เพื่อส่งเสริมศิลปาชีพและการเกษตรให้กับเกษตรกรในพื้นที่ ปัจจุบันนี้โครงการมีพื้นที่กว่า 2 พันไร่ ประกอบไปด้วยพื้นที่ทำการเกษตร กลุ่มอาคารศิลปาชีพ และหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง รวมถึงศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มาจากพื้นที่เกษตรกรรมของโครงการ และผลิตภัณฑ์ของชาวบ้าน ต.เกาะเกิด ซึ่งสินค้าที่วางจำหน่ายนี้ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวอย่างมาก เนื่องจากเป็นพืชผลทางการเกษตรที่ปลอดภัยจากสารเคมี มีความสดใหม่ เพราะส่งตรงมาจากสวน ไร่ นา ของกลุ่มเกษตรกรในโครงการเป็นประจำทุกๆ เช้า ผู้ที่รักการทำอาหารเพื่อสุขภาพก็สามารถมาเลือกหาซื้อกันได้ครับ
นอกจากพืชผักแล้วที่นี่ยังมีต้นกล้าต่างๆ ให้ได้หาซื้อกลับไปปลูกกันอีกด้วย โดยกล้าพันธ์ไม้ของที่นี่มีให้เลือกหลายประเภท ตั้งแต่พืชผักสวนครัวที่เหมาะสำหรับปลูกไว้รับประทาน ไปจนถึงพันธ์ไม้ประดับนานาชนิด ซึ่งพันธ์ไม้เหล่านี้เกิดขึ้นจากฝีมือการปลูกและเพาะชำของกลุ่มเกษตรกรในหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงที่ตั้งอยู่ภายในโครงการนั่นเอง ปัจจุบันหมู่บ้านนี้มีเกษตรกรอยู่ทั้งหมด 21 หลังคาเรือน โดยโครงการได้ทำการคัดเลือกจากเกษตรกรที่ยากไร้ แต่มีความประพฤติดีให้ได้มาใช้พื้นที่ทำกินครอบครัวละ 2 ไร่
กลับจากเยี่ยมชมแหล่งปลูกผักปลอดสารพิษ เราก็ได้ผักติดไม้ติดมือกลับมาที่โฮมสเตย์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ก็เอากลับมาทำอาหารรับประทานรวมกับกุ้งแม่น้ำที่เราตกได้เมื่อวาน มาทำเป็นเมนูแกงส้มผักรวมกุ้ง กุ้งเผา และไซปลากุ้ง ที่เป็นอาหารพื้นบ้านที่ขึ้นชื่อของที่นี่เลยทีเดียว ทำอาหารเสร็จก็นั่งกินกันริมแม่น้ำกับบรรยากาศลมเย็นๆ เรียกว่าฟินสุดๆ ไปเลยครับ
ปิดท้ายกันที่โจทย์การพัฒนาแพ็คเกจจิ้งให้กับกลุ่มหมี่กรอบโบราณ ซึ่งเราได้รับเกียรติจากคุณกอล์ฟ กองบรรณาธิการจากนิตยสาร my home ที่ได้รับโจทย์ให้ไปคิดและพัฒนารูปแบบของบรรจุภัณฑ์ในครั้งนี้มา คุณกอล์ฟได้เตรียมกล่องกระดาษมาให้ชาวบ้านได้ช่วยกันเลือกหลายแบบ โดยจะเป็นกล่องกระดาษที่ไม่มีลวดเย็บกระดาษติดอยู่ ป้องกันอันตรายของลวดที่จะหล่นไปในอาหาร และมีช่องใสด้านหน้าเพื่อให้มองเห็นน่าตาของหมี่กรอบอีกด้วย และยังได้ช่วยกันออกแบบโลโก้และฉลากบรรจุภัณฑ์ที่ชาวบ้านได้เสนอไอเดียที่มีออกมาเป็นโลโก้ที่ดูทันสมัย เมื่อชาวบ้านได้เห็นแพ็คเกจจิ้งที่ติดโลโก้สวยงามต่างชอบอกชอบใจกันทุกคน
ติดต่อเยี่ยมชุมชน
- เกาะเกิดโฮมสเตย์ โทร. 081-851-6632
- ขนมข้าวยาคู บ้านยายชม้อย โทร. 089-851-6632
- ขนมโบราณบ้านป้าสละ โทร. 081-910-8476
- ม้ายืนเพื่อสุขภาพบ้านลุงสำอางค์ โทร. 081-8516632
- กลุ่มหมี่กรอบโบราณ โทร. 081-948-7030
- บ่อเลี้ยงปลากะพงทองบ้านดุง โทร. 089-944-6838
- ศูนย์ศิลปาชีพเกาะเกิด โทร. 087-588-9001