วัยชรา วัยว่าง ต้องขวนขวายหมั่นทำบุญสร้างกุศล โดย หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ
คนที่ีทำงานมาทั้งชีวิต ต้องเผชิญกับอุปสรรคต่าง ๆ ที่ทำให้เหนื่อยล้าทั้งกายและใจ เพราะฉะนั้นเมื่อถึงวัยเกษียณ ซึ่งเป็นวัยที่ว่างจากงาน เราจึงควรทำบุญสร้างกุศลเพื่อให้ชีวิตในบั้นปลายมีความสุข เพราะบุญคือสิ่งดีงามที่ทำให้เราอิ่มเอิบใจ ทั้งนี้ให้ทำความเข้าใจว่าบุญคือ ความรู้สึกยินดีเพราะได้ทำความดี แต่ไม่ใช่ความปลื้มใจหรือชอบใจในสิ่งนั้น
ส่วนกุศล ต้องมีปัญญาประกอบ ซึ่งต้องรู้จักพิจารณาโดยเชื่อมโยงกับหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ผู้ที่อยู่ในวัยชราควรหมั่นทำบุญสร้างกุศลให้มาก เพื่อให้จิตใจมีความสงบ ไม่เดือดร้อนต่อทุกข์ต่าง ๆ ที่มาเบียดเบียนทั้งทางกายและทางใจ ดังที่หลวงพ่อปัญญาฯ ได้กล่าวว่า
“เกษียณอายุ คืออายุราชการหมดสิ้น ให้ไปอยู่บ้านได้พักผ่อน เพื่อหาความสงบใจในตอนวัยชราต่อไป เป็นเรื่องธรรมดาที่มีกันอยู่ทั่วไปทุกบ้านทุกเมืองในเรื่องอย่างนี้ คนเราเมื่อมีอายุผ่านพ้นมาปีหนึ่ง ๆ ก็ย่อมเกิดความสบายใจ สบายใจว่าเราจะได้อยู่ในโลกต่อไป เพราะว่าคนเรานั้นโดยปกติชอบอยู่ ไม่ชอบไป คือชอบมีอายุอยู่ในโลกนาน ๆ หากเพราะว่าการอยู่นั้นเป็นความสุขในสบายใจ การจากไปนั้นเป็นเรื่องไม่สบายใจ”
ทั้งนี้ การที่จะมีชีวิตอยู่ได้นานอย่างมีความสุขก็ต้องประกอบด้วยบุญกุศล ซึ่งหลวงพ่อปัญญาฯได้แนะถึงการทำบุญสร้างกุศลว่า
“บุญนั้นหมายถึงความอิ่มใจ เบิกบานใจ อันเกิดขึ้นจากการกระทำอะไร ๆ ที่เป็นเรื่องดีงาม เช่นว่า ให้ทาน รักษาศีล อะไรเหล่านี้เขาเรียกว่าได้บุญทั้งนั้น เป็นกิริยาที่เป็นบุญ แล้วเราก็ได้ความสบายใจ ส่วนเรื่องกุศลนั้นเป็นเรื่องของปัญญา เป็นเรื่องความรู้ความเข้าใจ เป็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นจากการฟัง การคิด การค้น เพื่อให้เกิดความเข้าใจเรื่องนั้นชัดเจน ถูกต้อง
“กุศลนี้เริ่มต้นด้วยการฟัง แต่ว่าเรื่องที่ฟังนั้นต้องเป็นเรื่องที่เราฟังรู้เรื่อง เข้าใจความหมาย ถ้าเราฟังสิ่งที่เราไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจความหมายก็ได้แต่เพียงทางบุญ เหมือนฟังพระสวดมนต์เรียกว่าได้บุญ แต่ถ้าฟังพระแสดงธรรมในภาษาไทยง่าย ๆ เราฟังแล้วรู้เข้าใจความหมาย ก็เรียกว่าได้กุศล กุศลเมื่อเกิดขึ้นในใจของเราแล้ว ทำให้ใจเราสว่างด้วยปัญญา และเป็นเครื่องขูดเกลาทำให้จิตใจสะอาดปราศจากสิ่งเศร้าหมองใจ อันนี้เรียกว่าเป็นกุศล”
เมื่อบุญกุศลเป็นสิ่งที่ขัดเกลาจิตใจให้ผ่องใส ผู้ที่อยู่ในวัยชราก็ควรที่จะทำจิตใจให้ผ่องใสด้วยการทำบุญสร้างกุศลเพื่อเป็นสิริมงคลในชีวิต
ที่มา : อมตธรรม ปัญญานันทภิกขุ – พระพรหมมังคลาจารย์(ปัญญา นันทภิกขุ) สำนักพิมพ์อมรินทร์ธรรมะ
photo by martinduss on pixabay
บทความน่าสนใจ