แอนโทนี รอบบินส์ (Anthony Robbins) เป็นคนที่มีความสุขได้วันละหลายครั้ง
ครั้งหนึ่งเขารู้สึกได้ถึงความสุขที่ไหลอาบไปทั่วทั้งร่างขณะกําลังนอนแช่น้ำอยู่ในสปาแห่งหนึ่ง
“…อย่างที่คุณรู้ คนที่ไปสปาส่วนใหญ่จะมีท่าทางเซื่องซึม หลายคนพยายามอย่างหนักที่จะผ่อนคลาย แต่ผมได้พบผู้หญิงคนหนึ่งที่มีชีวิตชีวามากๆ ผมถามเธอว่า ‘ทําไมคุณถึงมาสปาล่ะ คุณดูกระปรี้กระเปร่ามากอยู่แล้ว’ เธอตอบว่า ‘แต่ฉันมีเนื้องอกอยู่ในสมองนะ’ ผมอุทานว่า‘จริงเหรอ’ เธอก็ตอบว่า ‘จริงสิ! หมอบอกฉันว่าฉันจะอยู่ได้อีกเพียงเก้าสัปดาห์เท่านั้น’ พอเธอพูดจบห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ ผมร้องขึ้นมาว่า ‘คุณช่างมีพลังชีวิตที่ยิ่งใหญ่จริงๆ คุณทําได้ยังไง’
“‘ฉันทําได้เพราะฟังเทปของคุณนั่นแหละ’”
“เทป” ที่ผู้หญิงคนนี้พูดถึงคือเทปบันทึกเสียงของแอนโทนีที่บอกเล่าถึงวิธีเปลี่ยนแปลงชีวิตไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น แอนโทนีทํางานเป็นโค้ชมานานกว่า 30 ปี งานของเขาคือการดึงความสามารถขั้นสูงสุดของมนุษย์(Peak Performance) ออกมา ตั๋วในการเข้าเรียนแต่ละคอร์สของเขา หากคิดเป็นเงินไทยมีราคาตั้งแต่หลักหมื่นจนถึงหลักล้านบาท
แอนโทนีมีเรื่องเกี่ยวกับพลังชีวิตของผู้คนอย่างเรื่องของผู้หญิงในสปาเก็บตุนไว้มากมาย พร้อมที่จะนํามาเล่าเพื่อเรียกแรงบันดาลใจได้ทุกเมื่อ แต่เรื่องที่แอนโทนีเล่าบ่อยที่สุดน่าจะเป็นเรื่องของเขาเอง
แอนโทนี รอบบินส์ มีชื่อเดิมว่า Anthony J. Mahavorick เกิดเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1960 เขาเติบโตขึ้นในเขตเสื่อมโทรมของลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา
แอนโทนีมีชีวิตวัยเด็กที่กะพร่องกะแพร่ง พ่อและแม่ของเขาหย่ากันตั้งแต่เขาอายุแค่ 7 ขวบ ภายหลังแอนโทนีได้เปลี่ยนนามสกุลเป็น “รอบบินส์” ตามพ่อเลี้ยงคนแรก แต่แล้วแม่ก็หย่าและแต่งงานใหม่อีกครั้ง เมื่อแอนโทนีอายุได้ 17 ปีเขาก็มีปากเสียงกับแม่อย่างรุนแรงจนถูกไล่ออกจากบ้าน
เขาเริ่มหาเลี้ยงตัวเองด้วยการเป็นภารโรง โดยรับค่าจ้างเพียงสัปดาห์ละ 40 ดอลลาร์ และเลิกเรียนหนังสือตั้งแต่นั้นมา อย่างไรก็ดีเขาเป็นนักอ่านตัวยงและชอบอ่านหนังสือแนวพัฒนาตัวเองมาก วันหนึ่งแอนโทนีกําเงินจํานวน 35 ดอลลาร์ เพื่อสมัครเข้าอบรมกับ จิม รอห์น (Jim Rohn) นักพูดคนโปรดของเขา หลังจากนั้นไม่นาน แอนโทนีก็เริ่มหาเงินได้เป็นกอบเป็นกําจากการเป็นเซลส์ขายตั๋วเพื่อเข้าฟังการอบรมของจิม
สมัยนั้นแอนโทนีเชื่อว่าเงินจะซื้อความรักและอิสรภาพได้ เขาใช้เงินสะสมพาแฟนสาวไปท่องเที่ยว ทําให้เงินเก็บหมดไปอย่างรวดเร็ว เมื่อรู้ตัวอีกครั้งแอนโทนีพบว่าเขาไม่มีทั้งเงินและคนรักอีกต่อไป ชายหนุ่มวัย 19 ปีจึงต้องใช้ชีวิตอย่างซังกะตายในห้องพัก ไม่ช้าแอนโทนีก็มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นกว่าเดิมถึง 38 ปอนด์(ประมาณ 17 กิโลกรัม)
วันหนึ่งเพื่อนคนหนึ่งของแอนโทนีมาตามหาเขาถึงห้องพักเพราะติดต่อเขาทางโทรศัพท์ไม่ได้ แต่เขาไม่กล้าเปิดประตูรับเพราะความอับอาย แอนโทนีเริ่มรู้ตัวเป็นครั้งแรกว่าเขาเกลียดตัวเองเหลือเกิน และเขาควรต้องทําอะไรสักอย่างเพื่อดึงตัวเองออกจากก้นเหว
แอนโทนีหยิบสมุดขึ้นมาเล่มหนึ่งและตีเส้นลงไป ด้านหนึ่งเขาเขียนสิ่งที่เขาทนตัวเองไม่ได้อย่างตรงไปตรงมา ที่สําคัญ แทนที่จะเขียนว่า “ผมแค่น้ำหนักเกินเล็กน้อย” แอนโทนีกลับเขียนลงไปว่า “ผมอ้วนสุดๆ พุงของผมใหญ่กว่าชิคาโกเสียอีก” เพราะแอนโทนีเชื่อว่า การกระทุ้งความรู้สึกอย่างแรงๆ จะสร้างแรงเหวี่ยงได้มากกว่า และสร้างพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงได้มากขึ้น ส่วนอีกด้านหนึ่งเขาเขียนสิ่งที่ตนเองปรารถนาลงไป
ด้วยการหันมารับประทานผักและผลไม้ และออกกําลังกายอย่างต่อเนื่อง ในเวลาเพียง 30 วันเศษๆน้ำหนักส่วนเกินก็หายไป
ต่อมาเขาสมัครเข้าเรียนเกี่ยวกับ การโปรแกรมสมอง (Neuro-linguistic Programming: NLP) จาก จอห์น กรินเดอร์ (John Grinder) ผู้ก่อตั้งสถาบัน NLP เอง หลังจากนั้นแอนโทนีจึงเริ่มก้าวไปเป็นผู้ฝึกสอน และค่อยๆ สร้างชื่อเสียงจากการให้คําปรึกษาปัญหาชีวิตผ่านรายการวิทยุที่ออกอากาศในประเทศแคนาดา
ในปีค.ศ.1983 จอห์นเป็นคนที่จุดประกายให้แอนโทนีนํา “การลุยไฟ” มาใช้ในการอบรม โดยแอนโทนีเปรียบเทียบ “ไฟ” เหมือน “ขีดจํากัดหรือความกลัวของมนุษย์” ซึ่งการลุยไฟจะสร้างความเชื่อมั่นและความฮึกเหิมให้ผู้คนได้มาก อีกทั้งเป็นวิธีการที่สร้างความฮือฮาอย่างยิ่ง
จิตแพทย์และนักจิตวิทยาจํานวนมากต่อต้านแอนโทนีอย่างหนัก เพราะเขาไม่มีทั้งใบปริญญาและเขายังสอนด้วยวิธีการที่แหวกแนวกว่าจิตแพทย์คนอื่นๆ อย่างไรก็ดี ครั้งหนึ่งเขาได้ทําการบําบัดผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นโรคกลัวงู(Snake Phobia) ทุกๆ คืนเธอจะฝันว่ามีงูเลื้อยมาฉกกัดที่ใบหน้าจนตกใจตื่น เธอเข้ารับคําปรึกษากับจิตแพทย์ประจําตัวอย่างต่อเนื่องนานถึง 7 ปี แต่อาการไม่เคยดีขึ้น แต่ทว่าแอนโทนีใช้เวลาเพียง 15 นาทีก็สามารถทําให้ผู้หญิงคนนี้ควบคุมความกลัวของตัวเองได้
เนื่องจากการบําบัดครั้งนั้นเป็นรายการสด ชื่อเสียงของแอนโทนีจึงหอมฟุ้งขจรขจายตั้งแต่นั้น ผู้คนมากมายหลั่งไหลกันมาตีตั๋วเพื่อเข้าฟังการสอนของเขา แต่ละคอร์สผู้คนราว 15,000 คนจะปรบมือ กระโดดกู่ร้องตามคําสั่งของเขา
แม้จะดูเหมือนว่าแอนโทนีเก่งกาจในเรื่องการสอนผู้คนให้หันไปใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบ แต่แอนโทนีไม่ใช่คนที่สมบูรณ์แบบเลย เขาเคยถูกฟ้องร้องข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์และถูกปรับเป็นจํานวนเงินหลายแสนดอลลาร์ เขาหย่ากับภรรยาคนแรกหลังจากแต่งงานกันมานานถึง 15 ปี และแม้จะใส่ใจในเรื่องสุขภาพ แต่แอนโทนีก็มีเนื้องอกในต่อมใต้สมอง(Pituitary Gland) ซึ่งทําให้ฮอร์โมนในร่างกายพุ่งสูงกว่าคนปกติ และทําให้เขากลายเป็นชายร่างสูงถึง 201 เซนติเมตร และมีมือที่ใหญ่โตมาก
อย่างไรก็ตาม การที่เขาสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขทั้งที่มีประวัติชีวิตเช่นนี้กลับทําให้ผู้คนเข้าใจความหมายของ “การมีชีวิตอยู่” ได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
แอนโทนีพูดไว้เสมอว่า ชีวิตเป็นเรื่องของ “ความสัมพันธ์”ตราบใดที่คุณมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวคุณเอง มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง ตราบนั้นความเลวร้ายใดๆ ก็ไม่มีทางทําร้ายคุณได้ และหัวใจสําคัญที่สุดของชีวิตที่มีความสุขคือ การทําตนให้เป็นคนที่พร้อมจะให้ความช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ
ผลงานที่สอดคล้องกับอุดมคติของเขาคือการก่อตั้งมูลนิธิแอนโทนี รอบบินส์ขึ้นในปีค.ศ. 1991 เพื่อถ่ายทอดความรู้ให้นักเรียน ผู้ต้องขัง คนชรา ฯลฯ ให้รู้จักดึงความเป็นผู้นําในตัวเองออกมาใช้ ปัจจุบันโครงการของเขาเผยแพร่เข้าไปในโรงเรียน ห้องขัง และศูนย์บริการชุมชน รวมๆ แล้วหลายพันแห่งทั่วสหรัฐอเมริกา
แอนโทนีเคยกล่าวถึงความสุขในชีวิตของเขาไว้ว่า
“ถ้าคุณถามผมว่า ‘ผมรวยไหม’ ผมคงตอบว่า ลูกๆ คือคนที่ทําให้ผมรู้สึกร่ำรวย นอกจากนี้เวลาที่ผมเดินออกนอกห้องถ่ายทําจะมีผู้คนราว 1 – 2 โหลเดินเข้ามาหาและบอกว่า ‘คุณเปลี่ยนชีวิตฉัน’ นี่แหละครับของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม”
Secret Box
In life you need either inspiration or desperation.
ชีวิตคนเราต้องอาศัยแรงบันดาลใจ ไม่ก็ความสิ้นหวัง เพื่อเป็นแรงผลักดัน– แอนโทนี รอบบินส์
ที่มา นิตยสาร Secret
เรื่อง Violet
ภาพ businessinsider.com
บทความน่าสนใจ