หลายคนอาจไม่ทราบว่า คุณจ๊ะ –จิตตาภา แจ่มปฐมนางเอกสาวมากความสามารถคนนี้เรียนจบด้านการเต้นโดยตรงจาก ภาควิชาเอกนาฎยศิลป์ตะวันตก(West Dance) คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สำหรับเธอแล้ว “การเต้น” ไม่ได้เป็นเพียงศิลปะการแสดงเพื่อความงามและความสุข แต่เข้ามาเป็นตัวช่วยสำคัญในชีวิตของเธอหลายช่วง ทั้งในเรื่องการส่งเสริมบุคคลิภาพ ดูแลรูปร่าง ฝึกสมาธิและความอดทน ช่วยคลายเครียด และเป็นส่วนเติมเต็มความสุขที่สิ่งอื่นทดแทนไม่ได้
ความชื่นชอบและหลงใหลในการเต้นของสาวสวยคนนี้มีมากแค่ไหน …เธอกำลังจะเล่าให้เราฟังค่ะ
สาวน้อยนักเต้น
คุณจ๊ะชื่นชอบการเต้นมาตั้งแต่เด็ก เธอเล่าให้ฟังว่า
“เรียนเต้นบัลเล่ต์ครั้งแรกตอนอายุ 4 ขวบ เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมาก และยังได้ออกกำลังกายซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพมาก ช่วยให้ร่างกายมีความยืดหยุ่น ทั้งฝึกความอดทน ฝึกสมาธิ และช่วยให้มีบุคลิกภาพและรูปร่างดีด้วยค่ะ”
คุณจ๊ะเล่าว่า ก่อนเต้นทุกครั้ง ต้องอบอุ่นร่างกาย ด้วยการซิทอัพและวิดพื้น โดยปกติเธอจะเต้นบัลเล่ต์สัปดาห์ละ 4-5วัน
“การเต้นบัลเล่ต์หนึ่งเพลง อาจใช้เวลาเพียง 3 นาที แต่ก็ทำให้รู้สึกเหนื่อยมาก เพราะต้องใช้ร่างกายทุกส่วนให้เกิดความสัมพันธ์กัน โดยต้องทรงตัวและเดินด้วยปลายเท้า จึงใช้แรงมากกว่าปกติเลยทำให้กล้ามเนื้อกระชับ ร่างกายแข็งค่ะ”
นอกจากนี้ เธอยังชอบการเต้นทุกประเภท เช่น แท๊พ (Tap) ฮิพฮอพ (Hip Hop)แจ๊ส (Jazz) กระทั่งวันหนึ่ง คุณจ๊ะเต้นหักโหมเกินไป ทำให้กล้ามเนื้อต้นขาด้านใน 2 ข้างฉีกขาด จนมีเลือดออก เกิดรอยเขียวเป็นจ้ำๆบนผิวหนัง จนต้องเข้ารับการรักษา เธอเล่าว่า
“หมอบอกว่าถ้ายังอยากเดินได้ ให้หยุดเต้นก่อน เพราะหากยังโหมเต้นต่อ จะทำให้กล้ามเนื้อที่ฉีกขาดไม่หาย ตอนนั้นเสียดายมาก แต่จำเป็นต้องงดเต้นไปก่อน เพราะสุขภาพสำคัญกว่า”
ปัจจุบันอาการกล้ามเนื้อฉีกขาดของเธอดีขึ้นแล้ว และเธอสามารถออกกำลังกายด้วยการเล่นฟิตเนสหรือบริหารร่างกายเบาๆที่บ้าน เช่น ซิทอัพ วิดพื้น ฝึกโยคะ เป็นต้น แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังไปออกกำลังกายด้วยการเต้น แต่เป็นระดับที่ร่างกายรับไหว
“ช่วงนี้จ๊ะเรียนเต้นบอลลูม สนุกมาก ไม่ใช้แรงหนักเหมือนเต้นบัลเล่ต์ อย่างแต่ก่อนจ๊ะสามารถเตะขาสูงได้ถึงใบหู แต่ตอนนี้เต้นหักโหมเหมือนเก่าไม่ได้แล้ว ก็เตะเท่าที่ได้เพราะต้องดูแลร่างกายให้ดีค่ะ”
กินให้สมดุล
หลักในการกินของคุณจ๊ะนั้น เธอเลือกกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ จะเน้นกินอาหารมื้อเช้าปริมาณมากกว่ามื้ออื่นๆ
“ตอนเรียนมหาวิทยาลัยชั้นปี1น้ำหนักขึ้นเยอะมากจาก 40 กิโลกรัม เป็น 48 กิโลกรัม ภายในเวลา 1-2 เดือน ทำให้มีปัญหาเวลาถ่ายละคร เพราะดูตัวใหญ่มากเสื้อผ้าก็คับ ใส่แล้วอึดอัดมาก แถมยังโดนอาจารย์ทักว่าตัวบวมฉุจนทำให้เสียความมั่นใจ จึงพยายามหาวิธีลดน้ำหนักแบบธรรมชาติค่ะ”
คุณจ๊ะใช้วิธีลดน้ำหนักด้วยการงดแป้งมื้อเย็น เลิกกินขนมหวาน และที่สำคัญห้ามเครียด เพราะยิ่งเครียดจะทำให้น้ำหนักลดช้า เมื่อลองทำใจให้สบายๆ และไม่จำกัดปริมาณอาหารมากไป กินให้อยู่ในปริมาณพอเหมาะ จึงช่วยให้ลดน้ำหนักได้ผลดีกว่า
สวดมนต์ บรรเทาไมเกรน
หากเกิดความเครียด อากาศร้อน นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือ มีประจำเดือน คุณจ๊ะจะมีอาการปวดไมเกรน ทำให้ต้องกินยาแก้ปวดเป็นประจำ
เธอจึงพยายามหลีกเลี่ยงความเครียด ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้อาการปวดกำเริบ
“จริงๆแล้วความเครียดจัดการยาก จ๊ะเลยพยายามเตือนตัวเองไม่ให้คิดมาก หรือจมอยู่กับสิ่งที่ทำให้เป็นทุกข์ ด้วยการเปิดเพลงฟัง หรือนัดพบปะสังสรรค์กับเพื่อน เวลาได้พูดคุยกับเพื่อนจะช่วยสบายใจให้ขึ้น
“แต่หากไม่มีเวลาออกไปข้างนอก หรือไม่อยากออกไปไหน ก็จะเข้าห้องพระไปสวดมนต์ นั่งสมาธิ เวลาสวดก็จะนับลูกประคำทีละเม็ด ช่วยทำให้จิตใจสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน ลดความเครียดได้ดี แถมเป็นการฝึกสติอีกด้วยค่ะ”
ศิลปะทุกแขนง ล้วนมีประโยชน์ต่อทั้งร่างกายและจิตใจ เราจึงเห็นสาวน้อยมากความสามารถคนนี้ สวยสดใสทั้งภายในและภายนอก
ชีวจิต Tips
ของใช้ที่คุณจ๊ะพกติดตัวอยู่เสมอแว่นกันแดด
“บ้านเราแดดแรงมาก เวลาขับรถ หรือ ออกไปข้างนอก จำเป็นต้องสวมแว่นกันแดด เพื่อป้องกันรังสียูวีไม่ให้ทำร้ายดวงตา และที่สำคัญ ช่วยป้องกันอาการไมเกรนได้ด้วยค่ะ”