อยู่กับโควิด แบบไม่ล็อกดาวน์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ตามสไตล์สิงคโปร์
อยู่กับโควิด อย่างไรดี ในเมื่อยอดผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้น วันนี้เรามาดูแผนการรับมือแบบสิงโปร์ ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในประเทศที่ใช้มาตรการสกัดโควิด-19 เข้มงวดที่สุดประเทศหนึ่ง
ในขณะที่หลายๆประเทศแถบเอเชียแปซิฟิกกลับมาใช้มาตรการคุมเข้มโควิด-19 กันอีกครั้ง เพื่อสกัดการแพร่กระจายของเชื้อสายพันธุ์เดลตา แต่สิงคโปร์กลับสวนทางด้วยการเตรียมเปิดประเทศเพื่อกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ
ก่อนหน้านี้สิงโปร์เป็นหนึ่งในประเทศที่ใช้มาตรการสกัดโควิด-19 เข้มงวดที่สุดประเทศหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นห้ามรับประทานอาหารในร้านอาหาร และให้พนักงานทำงานจากบ้าน ห้ามรวมกลุ่มกันเกิน 2 คนจากเดิมกำหนดไว้ที่ 5 คน ปิดยิม ไปจนถึงห้ามบุคคลที่ไม่ใช่ผู้โดยสารเข้าไปในอาคารโดยสารของสนามบิน และปิดห้างสรรพสินค้าในบริเวณใกล้เคียง เพื่อทำการตรวจหาเชื้อพนักงานราว 9,000 คน หลังพบผู้ติดเชื้อที่สนามบินเมื่อเดือนพฤษภาคม
แต่วันนี้ แผนการรับมือโควิด-19 ของสิงคโปร์ ที่เสนอโดยกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ ก็พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ
โดยจะยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ ยกเลิกการติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย เปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศโดยไม่ต้องกักตัว อนุญาตให้รวมตัวกันกลุ่มใหญ่ หรือแม้กระทั่งยกเลิกการนับจำนวนผู้ติดเชื้อรายวัน
แม้ว่าการพยายามคุมตัวเลขผู้ติดเชื้อให้เป็น 0 จะช่วยให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อของสิงคโปร์ไม่สูงนัก ช่วงก่อนหน้านี้ แต่สิงคโปร์เริ่มมองว่าโมเดลดังกล่าวแทบจะเป็นไปไม่ได้แล้ว เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ อีกทั้งวิธีนี้ยังไม่ยั่งยืนในระยะยาว และยังเสี่ยงที่สิงคโปร์ในฐานะศูนย์กลางด้านการค้าขาย จะตามไม่ทันเมืองศูนย์กลางด้านการเงินอื่นที่เริ่มเปิดประเทศแล้วอย่าง ฮ่องกง และ นิวยอร์ก
ดังนั้น สิงคโปร์จึงเปลี่ยนแนวทางมาอยู่ร่วมกับโควิด-19 แทน โดยมีการวางแผนที่ตั้งอยู่บนสมมติฐานว่าโควิด-19 จะอยู่อีกหลายปี สิงคโปร์ก็จะหันมาให้ความสำคัญกับ
• การป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่กระจาย
• ระดมฉีดวัคซีนให้ประชาชน
• เริ่มกระบวนการที่จะนำมาสู่การกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ
• เปลี่ยนมารายงานเฉพาะตัวเลขผู้ติดเชื้อที่มีอาการรุนแรงหรือต้องเข้า ICU แทน
• ให้ผู้ติดเชื้อรักษาตัวอยู่ที่บ้าน เพื่อไม่ให้ระบบสาธารณสุขท่วมท้นเกินไป
• ตรวจหา Covid-19 เฉพาะเหตุการณ์สำคัญ อาทิ อีเว้นต์ใหญ่ ผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศแทนการตรวจหาเชื้อและกักตัวผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย โดยอาจใช้วิธีตรวจด้วยลมหายใจซึ่งทราบผลภายใน 1-2 นาที แทนการตรวจแบบ PCR tests ที่ต้องรอผลนาน
• ขอความร่วมมือประชาชนมีความรับผิดชอบต่อสังคม เช่น รักษาสุขอนามัย หลีกเลี่ยงที่ที่คนเยอะหากไม่สบาย
• วางแผนวัคซีนล่วงหน้าหลายๆ ปี เนื่องจากในอนาคตอาจต้องฉีดวัคซีนกระตุ้น
สำหรับการระดมฉีดวัคซีนนั้น นอกจากจะเปิดให้ผู้ที่ไม่ใช่พลเมืองสิงคโปร์ลงทะเบียนฉีดวัคซีนแล้ว ทางการยังลดระยะเวลาการฉีดวัควีนระหว่างเข็มแรกกับเข็มสองจาก 6-8 สัปดาห์ เหลือ 4 สัปดาห์
ข้อมูลจาก : posttoday