ป้องกันมะเร็งปากมดลูก กันเถอะสาวๆ ทำตามด่วน มีแต่ข้อดี

การ ป้องกันมะเร็งปากมดลูก ถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสาวๆ เพราะมะเร็งปากมดลูกนี้คือ สาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของหญิงไทย ซึ่งเราสามารถป้องกันได้ หากได้รับการครวจคัดกรองเเละฉีดวัคซีนอย่างถูกต้อง

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า มะเร็งปากมดลูกถือเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทย จากข้อมูลทะเบียนมะเร็งปี 2562 ประมาณการจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ราว 5500 คน หรือคิดเป็นอุบัติการณ์การเกิดโรค 9.3 คนต่อประชากรแสนคน และมีผู้เสียชีวิตประมาณ 2200 คน

สาเหตุของมะเร็งปากมดลูก

สาเหตุหลัก ๆ ของการติดเชื้อมะเร็งปากมดลูก มาจากการติดเชื้อไวรัส Human Papillomavirus (HPV) ที่ติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ เชื้อไวรัส HPV พบมากกว่า 130 สายพันธุ์ แต่มีประมาณ 40 สายพันธุ์ โดยเฉพาะสายพันธุ์ 16 และ 18 ที่เกี่ยวข้องกับการเกิดรอยโรคบริเวณอวัยวะเพศและทวารหนัก โดยปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้อ คือ

การมีคู่นอนหลายคน
การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย
การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
การสูบบุหรี่
ภูมิคุ้มกันต่ำ

อาการผิดสังเกตมะเร็งปากมดลูก

มะเร็งปากมดลูก แม้จะเกิดขึ้นภายใน และไม่ได้มีลักษณะขึ้นเป็นก้อนให้เห็นตามผิวหนัง แต่ก็มีอาการผิดสังเกตบางประการให้พอรู้สึกตัวได้ถึงความผิดปกติ โดยหากมีความผิดปกติเหล่านี้แล้ว ควรรีบไปพบแพทย์ในทันที เพื่อป้องกันการลุกลาม และการสูญเสีย

อาการสังเกต

มีเลือดออกผิดปกติ การมีเลือดที่ไม่ใช่ประจำเดือนออกมา เช่นหลังจากมีเพศสัมพันธ์ มีเลือดออกหลังหมดประจำเดือน เลือดออกเป็นระยะ หรือเลือดออกหลังจากตรวจภายใน หากมีอาการดังกล่าว ควรปรึกษาสูตินรีแพทย์
เลือดออกหลังวัยทอง เช่นอายุ 55 ปี หรือหมดประจำเดือนไปนานกว่า 3 ปี แล้วมีเลือดออกทางช่องคลอด ควรรีบไปพบแพทย์
ปัสสาวะขัด ปวดแสบ แม้อาจจะดูเป็นอีกลักษณะของอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ แต่ก็อาจเป็นสัญญาณของมะเร็งปากมดลูก ได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นหากลองดื่มน้ำเปล่าในปริมาณที่มากขึ้นในแต่ละวัน แล้วยังมีอาการอยู่ ควรรีบไปพบแพทย์
เจ็บขณะร่วมเพศ เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่ชัดมาก ของอาการมะเร็งปากมดลูก
มีตกขาว เลือด หรือของเหลวออกมาทางช่องคลอด มากกว่าผิดปกติ

ในระยะลุกลาม อาจมีอาการปวดหน่วงบริเวณท้องน้อย ปัสสาวะขัด หรือขับถ่ายอุจจาระลำบาก ขาบวม เบื่ออาหาร น้ำหนักลด

การตรวจมะเร็งปากมดลูก

ในปัจจุบันมีวิธีการตรวจมะเร็งปากมดลูกได้ 3 วิธี คือ

แปปเสมียร์ (Pap Smear)

เป็นการตรวจที่ค่าใช้จ่ายไม่สูง แต่ให้ความแม่นยำเพียง 50%

วิธีการ ใช้ไม้พายเก็บเนื้อเยื่อบริเวณปากมดลูก ก่อนนำไปตรวจในห้องปฏิบัติการ

ตินแพร็พ (ThinPerp)

เป็นวิธีที่พัฒนามาจากแปปเสมียร์ โดยให้ความแม่นยำสูงถึง 90-95%

วิธีการ เก็บเซลล์บริเวณปากมดลูกด้วยอุปกรณ์เฉพาะ ใส่ลงในขวดน้ำยาตินแพร็พ แล้วส่งตรวจในห้องแล็บ

ตินแพร็พ (ThinPerp) + การตรวจหาเชื้อไรวรัส HPV (HPV DNA Test)

เป็นการตรวจอย่างละเอียด ที่ให้ความแม่นยำสูงถึง 99% แต่มีราคาที่ค่อนข้างสูง
วิธีการ เป็นการตรวจหาเซลล์มะเร็งปากมดลูก ร่วมกับตรวจดีเอ็นเอของเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่มีความเกี่ยวข้องกับมะเร็งปากมดลูก

การป้องมะเร็งปากมดลูก

นายแพทย์จินดา โรจนเมธินทร์ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า เนื่องจากสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูกเกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV ดังนั้นจึงมีการพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ขึ้น ซึ่งองค์การอนามัยโลก (World Health Organization ; WHO) แนะนำให้วัคซีน HPV เป็นส่วนหนึ่งของวัคซีนพื้นฐานสำหรับประเทศที่มีงบประมาณเพียงพอ

สำหรับประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขได้ผลักดันให้การฉีดวัคซีน HPV เป็นนโยบายประเทศ โดยกลุ่มเป้าหมายของการฉีดวัคซีน HPV คือ เด็กผู้หญิงที่กำลังเรียนอยู่ประถมศึกษาปีที่ 5 ถือเป็นวัยก่อนมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกจึงเหมาะสมในการได้รับวัคซีน ปัจจุบันมีกลุ่มเป้าหมายประมาณ 4 แสนคนทั่วประเทศ ซึ่งโดยทั่วไปการฉีดวัคซีนสามารถการป้องกันโรคได้ 70-90% สำหรับข้อควรระวังในการฉีดวัคซีน ได้แก่ ไม่ควรฉีดวัคซีนในช่วงเจ็บป่วยหรือมีไข้สูง และเพิ่มความระมัดระวังในผู้ที่มีปัญหาเลือดหยุดยาก

อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนยังไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสได้ทั้งหมด ผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วยังคงต้องหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก อีกทั้งยังจำเป็นต้องตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกควบคู่ไปด้วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันโรคให้ได้มากที่สุด ปัจจุบันการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี HPV test ได้รับการผลักดันให้เป็นนโยบายของประเทศ ผู้หญิงไทยอายุระหว่าง 30-60 ปี สามารถเข้ารับบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี HPV Test ได้ที่โรงพยาบาลตามสิทธิ์การรักษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย