“ขัดห้องน้ำวัด” งานปิดทองหลังพระ ที่มีเรื่องราวมากกว่าคุณคิด
หลายคนไปทำบุญที่วัดด้วยทรัพย์สินและสิ่งของ ในขณะที่อีกหลายคนทำบุญด้วยการ “ลงแรง” การทำบุญด้วยการลงแรง หรือเรียกว่า เวยยาวัจจมัยเป็นหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ 10 มีความหมายว่า การช่วยเหลือผู้อื่นในงานที่ชอบ… ขัดห้องน้ำวัด ก็เป็นหนึ่งในนั้น
พระไพศาล วิสาโล อธิบายความหมายของเวยยาวัจจมัยไว้ว่า หมายถึง “การทำบุญด้วยการขวนขวายรับใช้ รวมความถึงการช่วยเหลือกิจส่วนรวม เช่น การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมการอนุรักษ์ป่า การรักษาสมบัติสาธารณะ การดูแลชุมชนให้เป็นระเบียบเรียบร้อย การชักชวนผู้คนให้ประหยัดพลังงานต่อต้านคอร์รัปชัน การเป็นจิตอาสาช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนตกทุกข์ได้ยาก หรือเป็นอาสาสมัครช่วยเหลืองานปฏิบัติธรรม
“คนที่ช่วยเหลืองานวัดเป็นประจำ จะเรียกว่าไวยาวัจกร แต่ที่จริงการช่วยเหลืองานส่วนรวม ไม่จำเป็นต้องช่วยงานวัดก็ถือว่าเป็นการบำเพ็ญเวยยาวัจจมัยเช่นกัน”
อานิสงส์ของการขัดห้องน้ำ…ในสมัยพุทธกาล
ในสมัยพุทธกาล มหาเศรษฐีสามีภรรยาแห่งพระนครโกสัมพี มีบุตรนามว่า “พากุละ” หลังจากเกิดได้เพียง 5 วัน มารดาบิดาพร้อมด้วยเครือญาติได้พาทารกน้อยไปอาบน้ำชำระร่างกายที่แม่น้ำคงคาอันศักดิ์สิทธิ์ ระหว่างที่คนใช้กำลังอาบน้ำให้ทารกอยู่นั้น มีปลาตัวใหญ่ว่ายผ่านมา เห็นทารกน้อยก็เข้าใจว่าเป็นอาหาร จึงฮุบทารกกลืนเข้าไปในท้องแล้วว่ายน้ำหนีไป สร้างความเศร้าโศกเสียใจแก่มารดาและบิดาเป็นอย่างยิ่ง
ด้วยอำนาจบุญญาธิการของทารกพากุละเมื่อเข้าไปอยู่ในท้องปลาก็ไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด กลับนอนสบายเหมือนอยู่บนที่นอนธรรมดา ในทางกลับกันปลายักษ์กลับรู้สึกเดือดร้อนกระวนกระวาย เที่ยวแหวกว่ายไปตามกระแสน้ำ จนติดตาข่ายของชาวประมงที่อาศัยในนครพาราณสี
สามีภรรยามหาเศรษฐีแห่งเมืองพาราณสีซื้อปลายักษ์ตัวนี้ไป หลังจากผ่าท้องปลาและพบทารกน้อยนอนอยู่ในนั้นก็เกิดความรักใคร่ราวกับว่าเป็นบุตรของตน จึงเลี้ยงดูทารกพากุละเป็นอย่างดี
ข่าวของทารกน้อยในท้องปลาแพร่มาถึงเมืองโกสัมพี หลังเศรษฐีและภรรยาทราบเรื่องก็รู้ทันทีว่าเป็นบุตรชายของตน จึงรีบเดินทางมายังกรุงพาราณสีเพื่อขอทารกน้อยคืน แต่เศรษฐีแห่งเมืองพาราณสีไม่ยอมคืนให้ พร้อมบอกว่า “เราเป็นผู้ซื้อปลาตัวนี้ ดังนั้นทารกที่อยู่ในครรภ์ของปลาก็ถือเป็นสมบัติของเราด้วยเช่นกัน”
เมื่อตกลงกันไม่ได้ เศรษฐีทั้งสองฝ่ายจึงได้ถวายฎีกาต่อพระเจ้าพรหมทัตผู้มีปัญญามาก พระองค์ทรงวินิจฉัยว่า “ทารกน้อยผู้นี้เป็นผู้มีบุญญาธิการมาก พ่อแม่เพียงสองคนไม่สามารถเลี้ยงดูเขาได้ จึงตัดสินให้ทารกน้อยผู้นี้มีบิดา 2 คนและมารดา 2 คน พร้อมให้ทั้งสองตระกูลช่วยกันเลี้ยงดู โดยผลัดกันเลี้ยงคราวละ 4 เดือน”
ตั้งแต่นั้นเศรษฐีทั้งสองตระกูลก็เลี้ยงดูเด็กน้อยเป็นอย่างดี พากุละเสวยสุขในทรัพย์สมบัติจนอายุ 80 ปี เป็นเวลาเดียวกับที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาแสดงธรรมที่เมืองโกสัมพี ท่านพากุละจึงตามไปเข้าเฝ้าและฟังพระธรรมเทศนาของพระพุทธองค์ พอฟังจบก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธาบรรลุเป็นพระโสดาบันในทันที
จากนั้นท่านพากุละจึงทูลขอบรรพชาอุปสมบท หลังปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเพียง 7 วันก็บรรลุพระอรหันต์
แม้พระพากุละจะมีอายุมากถึง 80 ปีแล้ว แต่ท่านก็ปฏิบัติกิจสงฆ์ เช่น กวาดลานวัด ทำความสะอาดวัด ขัดห้องน้ำไม่เคยขาด อีกทั้งยังไม่เคยบ่นปวดหลัง ปวดตัวหรือแม้แต่เจ็บป่วยเป็นไข้เลย สร้างความสงสัยในหมู่พระสงฆ์ยิ่งนัก พระอานนท์จึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลถามพระพุทธเจ้าจึงทราบว่าเมื่อชาติก่อนพระพากุละก่อกรรมดีไว้มาก ท่านชอบสร้างห้องน้ำถวายวัดบ้าง สร้างห้องน้ำสาธารณะให้ผู้อื่นได้ใช้บ้าง อีกทั้งยังชอบทำความสะอาดห้องน้ำเป็นนิจ จึงส่งผลให้ท่านเสวยบุญในชาตินี้
พระพากุละดับขันธปรินิพพานด้วยวัย 160 ปี ก่อนนิพพาน ท่านได้เข้าเตโชสมาบัตินั่งนิพพานท่ามกลางภิกษุสงฆ์เมื่อท่านนิพพานแล้ว เตโชธาตุก็บังเกิดเป็นไฟไหม้สรีระร่างกายของท่านให้หมดไป ณ ที่นั้นเอง
เวยยาวัจจมัย ณ ศูนย์ปฏิบัติธรรม
พระครูโชติวัตรวิมล เจ้าอาวาสวัดคลองตาลอง สำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดนครราชสีมา แห่งที่ 20 พูดถึงงานที่วัดแห่งนี้ต้องการอาสาสมัครมาช่วยทำงานว่า
“ถ้าสนใจจะมาทำบุญแบบลงแรงที่วัดคลองตาลอง อาตมาอยากให้ช่วยทำความสะอาดห้องน้ำ เพราะห้องน้ำที่วัดมีมากกว่า 500 ห้อง เพื่อรองรับผู้ปฏิบัติธรรมที่มีจำนวนมาก บางคอร์สมากัน 3,000 กว่าคนก็มี
“การทำบุญด้วยการขัดห้องน้ำนั้นเป็นการทำงานอย่างต่ำแต่ใจสูง ผู้ที่มาปฏิบัติธรรมที่นี่ส่วนใหญ่ถ้าปฏิบัติไม่ได้ อาตมาจะแนะนำให้ไปขัดห้องน้ำ ขัดไปอธิษฐานจิตไปด้วยเผื่อแผ่ให้ตัวเอง ให้พ่อแม่ และคนที่รัก พอขัดสัก 2 - 3 ห้อง แล้วกลับมานั่งสมาธิจะได้ผลดีขึ้น หรือเรียกว่าเห็นผลทันตาก็ว่าได้”
เรื่อง ชลธิชา แสงใสแก้ว