เปลือยใจชีวิตหลังม่านมายา ของ เมย์ ภัทรวรินทร์ ทิมกุล
สวย เปรี้ยว ซ่า เคยเป็นภาพลักษณ์ เมย์ ภัทรวรินทร์ ทิมกุล นักแสดงมากความสามารถ ที่มีข่าวคราวสร้างเสียงฮือฮาให้วงการบันเทิงและวงการแฟชั่นอยู่บ่อยครั้ง
แม้วันนี้บุคลิกยังดูมั่นใจเกินร้อยเหมือนเคย แต่เธอเปิดใจกับ Secret อย่างอารมณ์ดีว่า “ชีวิตของเมย์ตอนนี้เรียบง่ายมากค่ะ” พร้อมถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตหลังม่านมายาให้เราฟัง
หลงแสงสีโลกมายา
ชีวิตวัยเด็กของเมย์ไม่ค่อยได้อยู่ในประเทศไทยสักเท่าไหร่ เมย์เกิดในประเทศไทยก็จริง แต่พอสองขวบก็ย้ายไปอยู่ที่นิวยอร์ก จากนั้นก็ย้ายไปที่ออตตาวาและสิงคโปร์ ช่วง ป.6 – ม.3 เมย์กลับมาอยู่เมืองไทยและเข้าเรียนที่โรงเรียนนานาชาติร่วมฤดี ตอนนั้นเมย์เริ่มถ่ายแบบ เดินแบบ เล่นละครซิตคอมเรื่อง โสดหารสองของทีวีธันเดอร์ คนก็เริ่มคุ้นหน้าคุ้นตา
ตอนนั้นเมย์ยังเป็นเด็กใส ๆ เพราะลุคเราเป็นกึ่งนักกีฬา ออกทอมบอย ยังไม่เปรี้ยว ยังไม่ซ่า เราชอบไปกองถ่ายมากเพราะจะได้เจอพี่ ๆ ทีมงาน ทุกคนเหมือนเป็นพี่น้อง เป็นคนในครอบครัว เมย์เป็นเด็กที่มาจากครอบครัวแตกแยก คุณแม่ก็ทำงานตลอดเวลา กองถ่ายจึงเป็นเหมือนบ้านหลังที่สอง
หลังจากเรียนจบ ม.3 เมย์ไปเรียนต่อที่มิชิแกนจนจบมัธยมศึกษา แต่ไม่ได้เข้ามหาวิทยาลัย เมย์เรียนด้านเต้นรำมาตั้งแต่เด็ก จึงเลือกเรียนด้านนี้ต่ออีก 2 ปีก็กลับมาเมืองไทย แต่คราวนี้เมย์ตั้งท้องกับแฟนที่คบกันสมัยเรียน เราจึงแต่งงานกันทันทีพอคลอดลูกชายคนแรกแล้วเมย์ก็เข้าวงการบันเทิงเต็มตัว
การกลับมาสู่วงการบันเทิงครั้งนี้ เรียกได้ว่าเมย์ดังแบบข้ามคืน งานเยอะมาก มีงานทุกวัน ทั้งเดินแบบ เล่นหนัง เล่นละคร ถ่ายแบบลงปกหนังสือเกือบทุกเล่มตอนนั้นเมย์รู้สึกว่าเงินหาง่ายมาก งานเดินแบบแฟชั่นโชว์ครั้งหนึ่งได้เงินเป็นแสน ๆเมื่อก่อนช่วงเศรษฐกิจดี ๆ วันหนึ่งมีแฟชั่นโชว์สามรอบ ตอนนั้นนางแบบก็มีไม่กี่คนจะมีเมย์ ลูกเกด – เมทินี กิ่งโพยม พิม –ซอนย่า คูลลิ่ง พี่จอย – วราลักษณ์วาณิชย์กุล ซึ่งจะวนกันอยู่แค่นี้ ตอนนั้นก็ทำงานอย่างบ้าคลั่งเลย
พอเงินหาได้ง่าย ของทุกอย่างตั้งแต่หัวจรดเท้าก็เป็นแบรนด์เนมทั้งหมด เคยซื้อรองเท้าพราด้าวันละคู่ ซื้อชาแนลทุกอาทิตย์อยากได้อะไรก็ซื้อหมด พอดีช่วงนั้นคุณแม่เอาลูกไปเลี้ยงให้ เมย์เลยเริ่มเที่ยว พอเดินแบบเสร็จ เมย์ก็ไปเที่ยวกับเพื่อนนางแบบต่อถึงเช้า แล้วก็ไปทำงานต่อ
“ฉันสวย ฉันดัง”
เพราะในใจคิดหลงตัวเองแบบนี้ เมย์เริ่มทำนิสัยไม่ดี ไปทำงานสาย เรื่องเหวี่ยงวีนก็ขึ้นชื่อมาก เพราะเราวีนแบบไม่มีเหตุผลซึ่งชื่อเสียพวกนี้มันยังคงติดตัวมาถึงปัจจุบันชีวิตตอนนั้นก็ทำงานกับเที่ยว จนมีเรื่องกับสามี เพราะเขาเป็นคนขี้หึงมาก อยากให้เราอยู่บ้านเป็นแม่บ้าน แต่ตอนนั้นเมย์เป็นวัยรุ่น เพิ่งเห็นโลก สนุกกับการใช้ชีวิตในที่สุดจึงเลิกรากันไป
เมย์โลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิง มีข่าวแรง ๆ บ้าง แต่เมย์ก็ทุ่มเทเต็มที่กับทุกงาน และยืนหยัดที่จะทำงานที่เมย์รักจนมีคนพูดแซว ๆ กันว่า
“จ้างห้าบาท เล่นห้าแสน”
นั่นเพราะเมย์คิดเสมอว่าเมย์เป็นศิลปินเป็นนักแสดง ไม่ใช่ดารา ใครจ้างเราทำงานอะไร เราก็ต้องทำให้ดีที่สุด เต็มที่กับมันที่สุด ถ้าทำได้ไม่ดีก็อย่าทำ และเราต้องทำให้ดียิ่งขึ้นไป เมย์โชคดีที่ได้ทำงานที่เมย์รักทุกงานที่ได้ทำเป็นความสุขอย่างหนึ่งในชีวิต
แต่แล้ววันหนึ่งเมย์กลับเสียศรัทธากับวงการบันเทิงที่เมย์คิดเสมอว่าเป็นบ้านหลังที่สองอันอบอุ่น…
หมดศรัทธากับวงการบันเทิง
ตอนนั้นเมย์แสดงภาพยนตร์เรื่องหนึ่งเมย์รับบทเป็นโสเภณี มีฉากเลิฟซีนเยอะและมีฉากเปลือยด้วย แต่เมย์ก็มั่นใจทีมงานว่าจะช่วยดูแลเราได้ วันนั้นเราถ่ายเป็นโคลสด์เซต (closed set) คือในฉากนั้นจะมีพระเอก เมย์ และตากล้องเท่านั้น ซึ่งฉากนั้นเมย์เปลือยด้านหลัง แล้วหันหลังให้กล้อง ภาพในภาพยนตร์ก็จะเห็นเพียงด้านหลังเท่านั้น
แต่ในวันที่ภาพยนตร์เข้าฉาย กลับมีภาพหลุดซึ่งถ่ายมาจากด้านหน้า นั่นหมายความว่าต้องมีทีมงานคนอื่นแอบถ่ายโดยที่เราไม่รู้ แล้วภาพนี้เป็นข่าวใหญ่โตมาก ขนาดลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ไทยรัฐเมย์โกรธ ไม่พอใจมาก เข้าไปคุยกับเจ้าของค่าย ต่อว่าเขาว่าเราทุ่มเททำงานและให้ใจคุณขนาดนี้ ทำไมคุณไม่ดูแลนักแสดงเลยแต่คำตอบที่ได้รับกลับเป็นว่า
“เราอยากโปรโมตคุณเหมือนกับดาราฝรั่ง”
นั่นยิ่งทำให้เมย์โกรธมาก เขาคิดอย่างนี้ได้ยังไง เมย์เป็นคนไทย หัวดำ มีพ่อ มีแม่ ลูกก็มี จะทำแบบฝรั่งได้ยังไงเกรงใจครอบครัวของเมย์บ้างไหม วันนั้นเมย์ยื่นคำขาดเลยว่าจะไม่ร่วมงานกับบริษัทนี้อีกแล้ว จนบัดนี้เมย์ก็ไม่เคยทำงานกับที่นี่อีกเลย
ตอนนั้นเมย์หมดศรัทธากับทุกอย่างสิ่งที่ร้ายแรงที่สุดที่บริษัทนี้ทำกับเมย์คือ นำภาพที่เมย์เปลือยซึ่งตัดออกจากภาพยนตร์แล้ว มารวมเป็นภาพประกอบเพลงให้ดูเหมือนเป็นหนังโป๊ หนังเอวีญี่ปุ่น แล้วขายเป็นแผ่นดีวีดี เมย์เห็นแล้วหงายท้องเลยมันจุกเหมือนมีคนมาชกท้องอย่างแรง เขาทำให้เมย์เป็นเหมือนผู้หญิงอย่างนั้นโดยที่ไม่รู้ตัว มันรู้สึกทุเรศมาก
ตอนนั้นเมย์คิดจะฟ้องค่ายหนังที่ทำกับเราแบบนี้ แต่คุณแม่กลับบอกว่า
“เราจะไปทำอย่างนั้นได้ยังไง เราเป็นแค่ตัวเล็ก ๆ เดี๋ยววันหนึ่งกรรมก็ตามทันเขาเอง”
ถึงจะพยายามคิดตามที่คุณแม่บอกแต่มันก็ทำใจได้ยาก เมย์หลบอยู่ในห้องเป็นอาทิตย์ ๆ ไม่ออกไปไหน ไม่ทำอะไรไม่เอาอีกแล้ว จมอยู่กับความเศร้า เอาแต่กินกับนอนอยู่ในห้อง จนน้ำหนักขึ้นมา30 กิโลกรัมเลย
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เมย์หายไปจากวงการบันเทิงนานกว่า 7 ปี…
ช่วงที่หายไปเมย์ก็ไปทำโน่นทำนี่เรื่อยเปื่อย ตัดขาดจากวงการจริง ๆ เมย์ไม่เจอกับเพื่อนนางแบบและเพื่อนในวงการเลยตอนนั้นเรามองว่าวงการโหดร้าย ขอกลับไปตั้งสติใหม่แล้วถามตัวเองว่าเราทำอะไรผิดพลาดไปบ้าง
พอตั้งสติได้ เมย์ก็เริ่มไปเรียนทำอาหาร ซึ่งเป็นเรื่องที่เมย์สนใจมานานแล้วเพราะเมย์เป็นคนชอบกินและชอบทำอาหารมาตั้งแต่เด็ก ยิ่งมีลูกก็ทำกับข้าวให้ลูกกินเองทุกวัน จึงตัดสินใจไปเรียนทำอาหารเป็นเรื่องเป็นราว เมื่อได้ไปเรียนแล้วเมย์ก็รู้ว่านี่คือความสุขในชีวิตอีกอย่างหนึ่งของเมย์
ไม่มีใครคิดว่าการมาเรียนทำอาหารครั้งนี้จะทำให้ชีวิตของเมย์เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
เรื่อง ภัทรวรินทร์ ทิมกุล เรียบเรียง เชิญพร คงมา ภาพ สรยุทธ พุ่มภักดี สไตลิสต์ สุธีร์ รติวัฒน์บุญญา