การเดินทางหลังความตายที่ไม่สิ้นสุดของ เฮนเรียตตา แล็กส์
มีเพียงไม่กี่คนบนโลกที่จะมีโอกาสได้ขึ้นไปท่องอวกาศ เพราะเพียงแค่คิดจะเที่ยวทั่วโลกก็นับว่าเป็นเรื่องยากแล้ว แต่สำหรับ เฮนเรียตตา แล็กส์ (Henrietta Lacks) สาวชาวนาชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน ผู้เติบโตมาในไร่ยาสูบคนนี้ (ส่วนหนึ่งของ) เธอได้เดินทางไปยังห้องทดลองมาแล้วทั่วโลก แถมยังได้ขึ้นไปกับยานอวกาศอีกด้วย แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือ การเดินทางทั้งหมดนี้ตัวเธอเองไม่มีโอกาสได้รับรู้เลย
เฮนเรียตตา แล็กส์ ไม่ได้โด่งดังเพราะมีหน้าตาสวยงามอย่างออเดรย์ เฮปเบิร์น หรือเพราะร่ำรวยอย่าง บิล เกตส์ แต่สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาชาวโลก และทำให้ชื่อของเฮนเรียตตา แล็กส์ ถูกพูดถึงคือ ภาพถ่าย “เซลล์” หน่วยย่อยที่สุดในร่างกายของเธอ ที่ทำให้แล็กส์ได้รับการพูดถึงในฐานะของมนุษย์คนแรกที่มีเซลล์เป็นอมตะ เซลล์ที่ว่านี้ยังคงมีชีวิตอยู่ แม้ตัวเธอจะตายจากไปแล้วเกือบ 70 ปี และยังคงสร้างความมหัศจรรย์อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ความมหัศจรรย์ของเซลล์ในร่างกายของแล็กส์ ถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1951 เมื่อเธอไปพบแพทย์เพื่อรักษาอาการมะเร็งปากมดลูกที่สถาบันจอห์นฮอปกินส์ ในบอลทิมอร์ รัฐแมริแลนด์ สหรัฐอเมริกา ขณะเข้ารับการรักษา แพทย์ได้ตัดตัวอย่างเนื้อเยื่อบริเวณมดลูกไปพิสูจน์ โดยที่ตัวเธอเองก็ไม่ทราบเรื่องดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย และเพียงไม่กี่เดือนต่อมา อาการของโรคก็ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่เธอเสียชีวิตแล้ว นายแพทย์จอร์จ เกย์ ผู้ได้รับตัวอย่างเนื้อเยื่อได้พบความพิเศษว่า เซลล์เนื้อเยื่อของแล็กส์ยังคงเติบโตอย่างรวดเร็วในห้องแล็บของเขา ผิดจากเซลล์ตัวอย่างก่อน ๆ ที่มีชีวิตอยู่ภายนอกร่างกายมนุษย์ได้เพียงไม่กี่วัน
การค้นพบครั้งยิ่งใหญ่นี้ นำไปสู่ความสำเร็จในการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อมนุษย์เป็นครั้งแรก และทำให้นายแพทย์จอร์จ เกย์เริ่มพบแสงสว่างในการรักษาโรคมะเร็ง
เซลล์มหัศจรรย์ของเฮนเรียตตา แล็กส์ ที่เรียกย่อ ๆ ว่า เฮลาเซลล์ (HelaCell) เป็นเซลล์เนื้อเยื่อมะเร็งบริเวณปากมดลูก ซึ่งมีการแบ่งตัวและเติบโตอย่างรวดเร็ว ต่างจากเซลล์ปกติหลายเท่า จนถึงขณะนี้เฮลาเซลล์ทั้งหมดก็ยังคงมีการแบ่งตัวทุกยี่สิบสี่ชั่วโมงโดยไม่หยุดนิ่ง
จากจุดเริ่มต้นในห้องแล็บของคุณหมอเกย์ ปัจจุบันเซลล์ของแล็กส์จำนวนนับล้านหรือพันล้านเซลล์ ได้กระจายตัวไปมีชีวิตอยู่ตามห้องแล็บทั่วโลก และมีส่วนอย่างมากในการค้นพบครั้งสำคัญ ๆ ที่เปิดศักราชการแพทย์สมัยใหม่ บรรดาแพทย์และนักวิจัยทั่วโลกต่างก็มองภาพเซลล์ที่มีชีวิตของแล็กส์ผ่านกล้องจุลทรรศน์และภาพถ่ายย้อมสี เพื่อศึกษาโครงสร้างเซลล์ของมนุษย์และค้นคว้าหาวิธีรักษาโรคร้ายแรงได้ถึงกว่าเจ็ดหมื่นโครงการ!
เฮลาเซลล์ที่ถูกส่งต่อจากห้องแล็บหนึ่งไปยังอีกห้องแล็บหนึ่ง ทำให้มีการค้นพบวัคซีนรักษาโรคโปลิโอ ตามมาด้วยการมองเห็นโครงสร้างโครโมโซมของมนุษย์ ทำให้มีการโคลนเซลล์มนุษย์สำเร็จเป็นครั้งแรก เซลล์มหัศจรรย์นี้ยังถูกส่งขึ้นไปทดสอบกับสภาวะไร้แรงโน้มถ่วง พร้อมกับยานที่ส่งขึ้นไปในอวกาศเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1960 และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ การศึกษาเซลล์ของแล็กส์ ได้ช่วยชีวิตผู้หญิงจำนวนมากให้รอดพ้นจากโรคมะเร็งปากมดลูกชนิดที่เกิดจากเชื้อเอชพีวี…ดังที่แล็กส์เคยประสบมาแล้วด้วย
แน่นอนว่า เซลล์ของแล็กส์สร้างมูลค่าหลายพันล้านให้แก่โครงงานวิจัยที่ใช้เซลล์ของเธอเป็นเครื่องมือในการศึกษาทดลอง แต่ครอบครัวของเธอกลับไม่เคยได้รับรู้เลยว่าส่วนหนึ่งของภรรยาและแม่ของพวกเขายังคงมีชีวิตอยู่ จนกระทั่ง 25 ปีหลังการตายของเธอ แม้กระนั้น พวกเขาก็ไม่เคยได้รับเงินสักสลึงเดียว ทั้งจากการใช้และเปิดเผยข้อมูลที่ได้จากการถอดรหัสโครโมโซมของแล็กส์
เรื่องราวเหล่านี้นำไปสู่การเรียกร้องให้คุ้มครองสิทธิผู้ป่วยมาจนถึงทุกวันนี้ โดยก่อนที่แพทย์ที่จะนำตัวอย่างเนื้อเยื่อไปพิสูจน์จะต้องได้รับการเซ็นยินยอมจากผู้ป่วยเสียก่อน และต้องเคารพสิทธิเจ้าของเนื้อเยื่อโดยการปิดชื่อเป็นความลับ รวมทั้งมีการบัญญัติจริยธรรมทางการแพทย์ให้เป็นสากลด้วย และในเวลาต่อมาก็มีการกำหนดข้อตกลงว่า โครงการวิจัยต่าง ๆ จะต้องได้รับความยินยอมจากสมาชิกสองคนในครอบครัวแล็กส์เสียก่อน จึงจะสามารถใช้และเข้าถึงรหัสดีเอ็นเอของเฮลาเซลล์ได้
แม้เซลล์อันเป็นอมตะและการท่องโลกหลังความตายของเฮนเรียตตา แล็กส์ จะเป็นสิ่งที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ แต่สิ่งมหัศจรรย์ยิ่งกว่าที่แม้ตัวเธอเองก็ไม่มีโอกาสรับรู้ก็คือ การเป็นผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งนำไปสู่การรักษาชีวิต และการคุ้มครองสิทธิความเป็นมนุษย์ให้แก่คนทั่วโลก
ที่มา นิตยสาร Secret
เรื่อง Barefoot
ภาพ wunc.org, roanoke.com, planetacine.com
บทความน่าสนใจ
ฮายาโอะ มิยาซากิ นักสร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่นผู้ขโมยหัวใจคนทั่วโลก