7 นิสัยยอดแย่ ที่ทำให้ “ดาวรุ่ง” ต้องกลายเป็น “ดาวร่วง”
หลายคนอยากเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ เป็นดาวรุ่งที่สุกสว่าง… บางคนอาจทำได้ง่าย ๆ ในขณะที่บางคนแม้จะใช้เวลาแทบทั้งชีวิตก็ยังไปไม่ถึงไหน ซีเคร็ตจะนำความลับที่สกัดกั้นคุณไว้มาบอกให้รู้ และเมื่อรู้แล้วก็จงเปลี่ยนแปลงตัวเองเสียแต่วันนี้ เพื่อคุณจะได้เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงสมดังใจ (นิสัยยอดแย่)
แย่ที่ 1 ฉัน “ดีไม่พอ”
บางคนมักมีความคิดว่าเพื่อนร่วมงาน “ดีกว่าหรือเก่งกว่า” เสมอ ทำให้ค่อย ๆ สูญเสียความมั่นใจในตนเองไปอย่างช้า ๆ ตามด้วยความรู้สึกที่ว่าตนเองด้อยค่า และมีแต่ความหวาดหวั่นอยู่ในใจ ยิ่งความรู้สึกนี้เกิดขึ้นมากเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้ไม่มีความสุขในการทำงานมากขึ้นเท่านั้น
บอกลานิสัยยอดแย่ : พยายามมองหาข้อดีของการที่คุณได้รับเลือกเข้ามาทำงานในตำแหน่งนี้ หรือองค์กรนี้ ด้วยการย้อนกลับไปพิจารณาจาก “คุณสมบัติเฉพาะ” ในตำแหน่งงานว่า ถ้าคุณไม่มีคุณสมบัติตามประกาศ องค์กรนี้จะเลือกคุณเข้ามาทำงานได้อย่างไร ดังนั้น จงภูมิใจและเห็นคุณค่าในตนเอง
แย่ที่ 2 งาน “ไม่ดีพอ” สำหรับฉัน
ลักษณะยอดแย่ประการที่สองนี้ ตรงกันข้ามกับข้อแรกอย่างสิ้นเชิง หลายคนมีอัตตาสูง คิดว่าตนเองเก่ง ดีอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่คิดว่า การพัฒนา การปรับปรุง หรือการอดทนกับเรื่องบางเรื่องเป็นสิ่งจำเป็น ทางออกก็หนีไม่พ้น การเปลี่ยนงานไปเรื่อย ๆ เพราะหวังจะตามหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ได้
บอกลานิสัยยอดแย่ : มองคนทำงานแบบมืออาชีพเป็นแบบอย่างว่า คนเก่ง คนมีความสามารถจริง ๆ จะอยู่ที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น สิ่งสำคัญคือ การปรับความคิด ปรับใจตนเอง ลองทำงานอย่างปราศจากอัตตาดู ให้เวลากับงานที่ทำอยู่สักระยะ ทำงานให้เต็มความสามารถ เมื่อใดก็ตามที่ความสำเร็จ ความก้าวหน้าในการทำงานมาเยือน คุณก็จะรู้ทันทีว่า “สิ่งที่ทำอยู่นั้นดีพอสำหรับคุณ แล้วหรือยัง”
แย่ที่ 3 ไม่มีใคร “เก่ง” เกินฉัน
คนประเภทนี้มุ่งมั่นทำงานสุดฝีมือ เพราะทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบ ถูกต้อง และดีที่สุด เมื่อใดก็ตามที่เห็นว่าคนอื่นทำได้ไม่เต็มที่เหมือนคุณ นอกจากคุณจะแอบไม่พอใจอยู่ลึก ๆ แล้ว คุณยังมักจะอาสารับงานทุกอย่างมาทำเสียเอง เข้าทำนอง “ฮีโร่ในออฟฟิศ” นิสัยแบบนี้นอกจากจะทำให้เพื่อนร่วมงานแอบเขม่นนิด ๆ หมั่นไส้หน่อย ๆ แล้ว ยังเป็นการเพิ่มดีกรีความเครียดให้ตนเองอย่างไม่รู้ตัวอีกด้วย
บอกลานิสัยยอดแย่ : ความมุ่งมั่นเป็นสิ่งที่ดี แต่หากมีมากเกินไป ความมุ่งมั่นจะกลายเป็น “ความกดดัน” ย้อนกลับมาทำร้ายตัวคุณเองได้ นอกจากนี้อย่าคาดหวังให้คนอื่นเป็นเหมือนคุณ แต่จงให้ความไว้วางใจและเชื่อใจในความสามารถของแต่ละคน เพราะท้ายที่สุดแล้วผลของงานจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความสามารถของคนคนนั้นเอง
แย่ที่ 4 จะทำอะไรก็ “กลัว” ไปหมด
คนประเภทนี้กลัวการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในชีวิตไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ หรือแม้แต่แค่คิดสร้างสรรค์อะไรใหม่ ๆ ก็ยังไม่กล้า ชอบอยู่นิ่ง ๆ เฉย ๆ กับสิ่งเดิม ๆ มากกว่า เพราะไม่มั่นใจว่าการเปลี่ยนแปลงจะส่งอิทธิพลดีร้ายอย่างไร และไม่รู้ว่าตนเองจะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนั้นได้อย่างไร นอกจากนี้ยังกลัวความขัดแย้งอีกด้วย เรียกว่าหลบได้เป็นหลบ เลี่ยงได้เป็นเลี่ยง
บอกลานิสัยยอดแย่ : คนที่ไม่รู้จักการเปลี่ยนแปลงก็ไม่ต่างจากคนที่ตายไปแล้ว ถ้าไม่กล้าเปลี่ยนแปลงทันทีก็ขอให้ลองจดรายการที่จะเปลี่ยนแปลงและผลที่จะตามมาดู ถ้าการเปลี่ยนแปลงนั้นมีแนวโน้มว่าจะเกิดผล “ดีกว่า” เดิมก็จงอย่ารีรอ พยายามกระตือรือร้นเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ อย่ากลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น และจงเชื่อมั่นว่า “เราทำได้”
แย่ที่ 5 สำคัญผิดว่า “คิดนอกกรอบ”
คนประเภทนี้ปฏิเสธที่จะเดินตามกฎเกณฑ์หรือวัฒนธรรมขององค์กร โดยอ้างว่าตน “คิดนอกกรอบ” ยิ่งไปกว่านั้น บางคนยังพยายามหาสารพัดเหตุผลเพื่อต่อต้านด้วยซ้ำ จนในที่สุดก็กลายเป็นคนแปลกแยกจากสังคม ไม่มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับคนในองค์กร จึงยากที่จะทำงานอย่างมีความสุข
บอกลานิสัยยอดแย่ : ทำความเข้าใจความหมายของการคิดนอกกรอบเสียใหม่ คิดนอกกรอบหมายถึงการคิดอย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่คิดเพื่อสร้างความแปลกแยกให้เกิดขึ้นในองค์กร ประการหลังนี้นอกจากจะทำให้เพื่อนร่วมงานมองว่าคุณเป็นคนหัวรุนแรง ไม่มีใครอยากคบหาแล้ว โอกาสที่จะก้าวหน้าในหน้าที่การงานก็ยังแทบมองไม่เห็นอีกด้วย
แย่ที่ 6 ไม่รู้ “ตรงกลาง”อยู่ตรงไหน
ในโลกของคนบางคน มีแค่ “ดีกับเลว” เท่านั้น ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด ไม่มีกลาง ๆ หรือยืดหยุ่นให้กับเงื่อนไขแบบใด คนประเภทนี้จะมีปัญหาอย่างมากในการแสดงออก เช่น คิดอะไรก็พูดโพล่งออกมาอย่างนั้นไม่ว่าที่ไหนหรือเมื่อไร ไม่รู้จักกาลเทศะ ไม่รู้ว่าสิ่งไหนควรพูด สิ่งไหนไม่ควรพูด นอกจากจะทำให้เพื่อนร่วมงานไม่อยากคบหาแล้ว ยังทำให้ไม่ได้รับความไว้วางใจอีกด้วย
บอกลานิสัยยอดแย่ : มองโลกให้กว้างขึ้น ทำความเข้าใจว่า โลกนี้มีอะไรที่เรายังไม่รู้อีกมาก นอกจากสีขาว-ดำก็ยังมีสีอื่น ๆ อีก หัดยืดหยุ่นบ้าง ส่วนเรื่องการวางตัวนั้น ควรเริ่มจากรู้ว่าอะไรควรไม่ควร รู้ว่าควรปฏิบัติตนต่อใครอย่างไรไม่ให้มากเกินไปและไม่น้อยเกินไป
แย่ที่ 7 ไม่สนใจใคร แถมยังไร้ความรู้สึก
บางคนมักเอาความรู้สึกของตนเป็นใหญ่เสมอ ใครจะคิดอย่างไรไม่สนใจ บางครั้งพูดจาตรง (เกินไป) ไม่ถนอมความรู้สึกของผู้ฟัง คนประเภทนี้ต่อให้ทำงานเก่งมากแค่ไหนก็ไม่มีใครอยากคบหา และยากที่จะได้รับการสนับสนุนให้เติบใหญ่ขึ้นเป็นผู้นำหรือผู้บริหารที่ดีต่อไป
บอกลานิสัยยอดแย่ : ลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา ต้องการให้คนปฏิบัติแบบไหนกับเรา เราก็ต้องปฏิบัติแบบนั้นกับเขา ในเรื่องของการทำงานร่วมกัน ไม่ควรเอาความคิดของตนเป็นใหญ่ ต้องรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นด้วย จริงอยู่ว่าบางคนอาจไม่ต้องการมีเพื่อนในออฟฟิศ แต่ก็ไม่ควรสร้างศัตรูในออฟฟิศเหมือนกัน!
สรุปว่าต้องหาต้นตอของปัญหาให้เจอ แล้วรีบแก้ไขปรับปรุงพฤติกรรมเสียแต่วันนี้ อนาคตที่สดใสก็จะอยู่ไม่ไกลเหมือนดวงดาว!
ที่มา นิตยสาร Secret
บทความน่าสนใจ
8 วิธีคลายเครียดสะสม อย่างง่าย ๆ ในเวลาทำงาน : Secret เคล็ดลับ
3 ความ กลัว ที่ต้องทำความรู้จัก แล้วกำจัดมันซะ : Secret เคล็ดลับ