Dhamma Daily : ทุกข์เพราะตามใจลูกจนเสียคน ทำอย่างไรดี
ดิฉันกับสามีมีลูกสาวคนเดียว รักและตามใจลูกสาวมาก ผลคือตอนนี้ลูกสาวเอาแต่ใจตนเอง ใช้เงินฟุ่มเฟือย โตแล้วแต่ไม่มีงานทำเป็นหลั
พระมหาธนาธิป มหาธมฺมรกฺขิโต (ฮาดเนาลี) พระอาจาร์ผู้ไขปัญหา อธิบายถึงเรื่องนี้ว่า
การมีลูกคนเดียวทำให้พ่อแม่ประมาทในการเลี้ยงลูก เพราะคำนึงเพียงแต่ว่า ต้องมอบความรักและตามใจลูกเพียงคนเดียว ดังนั้น จึงเฝ้าปรนเปรอ อำนวยความสะดวก ประคบประหงมจนขาดสติ เพราะแรงจูงใจของบิดามารดา คือ การรู้สึกว่า ตนต้องมอบความรัก ความปรารถนาดี และสิ่งต่างๆมากมายให้แก่ลูก โดยลืมไปว่า เด็กๆนั้น ความจริงยังไม่มีความปรารถนาจะอยากได้อะไรมาปรนเปรอทั้งสิ้น เด็กต้องการเพียงความอบอุ่น ความเอ็นดู ความเอาใจใส่ ความไว้วางใจ และความรักจากพ่อแม่เท่านั้น
ถ้าจะตำหนิก็ต้องเริ่มต้นจากพ่อแม่ที่เติมเต็มความปรารถนาของตัวเอง โดยการปรนเปรอแก่ลูกซึ่งนั่นก็เท่ากับเป็นเครื่องล่อความปรารถนาและความต้องการของลูก จากเดิมลูกต้องการเพียงความอบอุ่น ความรักและความเอ็นดู แต่กลับได้วัตถุแทน เมื่อจิตเด็กถูกปลูกฝั่งด้วยอำนาจของวัตถุไปแล้ว ก็ยากที่จะถอนความฟุ่มเฟือยของเขาได้
ดังนั้น พ่อแม่ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ โดยการทำความเข้าใจกับลูก โดยบอกเล่าปัญหาและแจ้งเจตจำนงของพ่อแม่ให้ลูกได้รับทราบ อธิบายถึงปัญหาที่จะเกิดแก่ลูกในวันข้างหน้า และที่สำคัญต้องตั้งหลักให้ลูกให้ได้โดยการหางานหรือมอบงานให้ลูกได้ทำ เพื่อสร้างความรับผิดชอบให้ลูกได้ตระหนักและรับรู้
ที่สำคัญต้องงดการตามใจ การปรนเปรอ หรือ สิ่งอำนวยความสะดวกใดๆให้แก่ลูก สอนให้ลูกรู้จักความไม่มีบ้าง สอนให้ลูกสัมผัสกับความลำบาก หรือการขาดแคลนในการใช้ชีวิตโดยเฉพาะการทำให้เงินขาดหายไปจากมือของลูก วิธีการนี้ อาจช่วยให้ลูกเข้าใจความทุกข์หรือปัญหาของชีวิตได้ และเขาจะตระหนักว่า ชีวิตไม่สบายอย่างที่คิดหรือที่เคยสัมผัส เขาจะรู้ว่าในวันที่เขาไม่มี มันลำบากแค่ไหน การที่ลูกไม่ยอมเชื่อฟังพ่อแม่ก็เพราะลูกเชื่อว่า ไม่ว่าเขาจะทำตัวแบบไหน พ่อแม่ก็จะไม่ทิ้งเขาให้เดือดร้อนหรือลำบากแน่ เพราะความคุ้นชินที่เคยได้รับจากพ่อแม่นั่นเอง ดังนั้น พ่อแม่จึงควรมีกติกาหรือข้อตกลงให้เด็ดขาดลงไป ถ้าไม่เช่นนั้น ก็จะแก้นิสัยของลูกไม่ได้
ก็ย่อมแน่นอนว่า ถ้าพ่อแม่ยังไม่สามารถสร้างนิสัยให้ลูกรับผิดชอบได้ ยังตามใจลูก และยังไม่เปิดทางให้ลูกได้รู้จักความทุกข์และความลำบาก ก็ยากที่จะให้ลูกสร้างเนื้อสร้างตัวและเลี้ยงตัวเองได้ในอนาคต ดังนั้น พ่อแม่ต้องตระหนักเสมอว่าเราตามใจลูกมานานมากแล้ว จากนี้ไปต้องเลิกตามใจ และต้องวางหลักการว่า การสร้างความรับผิดชอบและเปิดทางให้ลูกได้เติบโตด้วยตัวเขาเอง ย่อมเป็นหนทางที่ดีในการแก้อุปนิสัยฟุ่มเฟือยของลูกได้
การทุกข์เพราะห่วงลูกเป็นวิสัยธรรมดาของบิดามารดา หากมารดาหรือบิดาใดไร้ความรัก ความเอ็นดูความห่วงใย หรือความปราณีต่อลูก บิดารหรือมารดานั้น ย่อมได้ชื่อว่า มิใช่มารดาบิดาผู้ให้กำเนิดโดยสมบูรณ์ แต่การเป็นห่วงมากก็จะก่อทุกข์ให้กับตัวพ่อแม่เอง เป็นการสร้างตราบาปให้กับลูกโดยไม่รู้ตัว ก็เท่ากับว่า แรกเกิดพ่อแม่ปฏิบัติตนผิดต่อลูกเพราะมอบความรักที่ไม่บริสุทธิ์เกิดขนาดให้(วัตถุ) ก่อนจะตายจากลูกก็สร้างตราบาปฝากไว้โดยที่ลูกเองไม่ได้มีเจตนาทำให้พ่อแม่ลำบากใจแต่อย่างใด แต่ทั้งหมดก็เกิดขึ้นเพราะการปฏิบัติผิดในขั้นต้นของพ่อแม่นั่นเอง
ส่วนลูกนั้น ถ้าหากพ่อแม่พยายามเต็มที่แล้วในการชักนำ หรือดึงลูกให้เดินบนทางที่ถูกที่ควร แต่ลูกยังไม่สำนึก ก็เป็นอันว่า เขาสร้างปัญญาไว้พียงเท่านั้น พ่อแม่ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอีก ต่อเมื่อเขาได้เผชิญกับปัญหาเอง เขาจึงจะสำนึกได้ เขาจะโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเขาเอง เพราะทั้งหมดคือผลลัพธ์อันเกิดจากการกระทำของเขาเอง