ทำไมคนที่ สนับสนุนให้ผู้อื่นทำแท้ง จึงบาปไปด้วย?
ถ้ามีคนมาปรึกษาเรื่อง ทำแท้ง แล้วคนให้คำปรึกษาเห็นว่า ถ้าเอาเด็กไว้ คนเป็นแม่จะลำบากมาก และ สนับสนุนให้ผู้อื่นทำแท้ง แต่คนแนะนำไม่ได้เป็นคนทำเอง เหตุใดจึงบาป?
พระมหาเฉลิม ปิยทสฺสี ตอบปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของคนที่สนับสนุนคนอื่นให้ ทำแท้ง ไว้ว่า
ตอบ: บาปคือความเศร้าหมองแห่งจิต เพราะจิตนั้นมีคุณภาพตกต่ำลงจนสกปรก มืดมัว และร้อนเร่า ดังนั้นบางครั้งต้องพิจารณาในหลายมิติ เช่น ปรึกษาสถานสังคมสงเคราะห์หรือมูลนิธิต่าง ๆ ที่ทำหน้าที่ให้การปรึกษาและทางออกจากการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ ก็อาจไม่ต้อง ทำแท้ง หากการแนะนำนั้นมาจากการไตร่ตรองดีแล้ว เป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย ก็ควรยกจิตให้คิดสูงว่า เราได้กระทำบุญช่วยเหลือทั้งสองฝ่าย หากว่าเป็นอันตรายแก่ชีวิตของแม่ แม่ก็มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจว่าจะคลอดหรือทำแท้ง ควรฟังการวินิจฉัยของแพทย์ด้วย อย่าดิ่งไปในทางใดทางหนึ่ง ต้องพิจารณาบนฐานแห่งปัญญาและเมตตามาก ๆ
นอกจากนี้ยังมีคำถามอีกว่า…
ถ้าแฟนทำแท้ง ผู้ชายต้องรับผลกรรมด้วยหรือเปล่า
พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ พระวิปัสสนาจารย์ ศูนย์วิปัสสนายุวพุทธฯ เฉลิมพระเกียรติ ได้ตอบปัญหาเรื่อง ” ทำแท้ง ” นี้ไว้ว่า
ตอบ: รับไม่รับอยู่ที่ว่าจิตของเรามีส่วนร่วมไหม ถ้าจิตเราคอยคิดถึงมัน มีความเศร้าหมองขุ่นมัว ผลทางใจก็เกิดขึ้นแล้ว แต่เราจะทำอย่างไรจึงจะไม่ต้องคิดถึงเรื่องที่จบไปแล้ว…
ก็กรรมฐานนี่แหละที่จะทำให้เราไม่คิดถึงอดีต ส่วนผลทางรูปธรรมว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นตามมานั้น ก็ต้องดูว่าเราทำอะไรมา…อย่างการทำแท้งก็เหมือนกับการฆ่าชีวิตหนึ่ง การฆ่าการเบียดเบียนผู้อื่นจะทำให้เราอายุสั้น สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง เจ็บป่วยบ่อย ส่วนการที่เราไปเกี่ยวพันกับการทำแท้ง จะมีอะไรติดตามมาหลังจากทำไปแล้วก็ต้องยอมรับไป เราควรดูแลสุขภาพใจและกายของเราให้ดี อะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องยอมรับแล้วหันไปทำสิ่งที่ดีทดแทน
ท่านว.วชิรเมธีได้ตอบคำถามว่า…
ส่วนสามีที่เคย สมรู้ร่วมคิด สมรู้ร่วมทำนั้น คุณไม่ต้องเป็นห่วงดอกว่ากฎแห่งกรรมจะไม่ส่งผล กฎแห่งกรรมจะตามผลิดอกออกผลแน่นอนไม่เร็วก็ช้า หลักการในเรื่องนี้มีอยู่ว่าเมื่อสมรู้ร่วมคิด สมรู้ร่วมทำ ก็ต้องเป็นผู้สมรู้ร่วม (รับ) กรรมอย่างไม่มีทางปฏิเสธ จริงอยู่วันที่ผู้หญิงทุกข์ ผู้ชายอาจจะยังไม่ทุกข์ แต่ขอให้รู้ไว้เถิดว่า เขาหนีกรรมไม่พ้นแน่ อุปมาดั่งผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งที่ไม่รู้ว่าตัวเองป่วย เขาจึงมีชีวิตรื่นเริงอยู่ได้ การที่เขารื่นเริงไม่ได้หมายความว่าโรคมะเร็งทำอะไรเขาไม่ได้ มะเร็งกำลังเล่นงานเขาอยู่ทีเดียว ปัญหามีแต่เพียงว่า เขายังไม่รู้สึกตัวเท่านั้นเอง วันไหนที่เขารู้สึกตัวขึ้นมา วันนั้นเขาจะรู้เองว่า ความทุกข์นั้นหนักหนาสาหัสเพียงไหน การให้ผลของกฎแห่งกรรมก็เป็นเช่นนั้น
การทำแท้งเป็นกระบวนการสุดท้ายของโศกนาฏกรรมแห่งชีวิตคู่ ความจริงก่อนหน้านั้นจะต้องมีกิจกรรมที่นำไปสู่การ “ท้อง” แล้วจึงค่อย “แท้ง” เหตุที่คุณพบว่า เวลามีทุกข์เห็นแต่ภาพผู้หญิงเท่านั้นที่ก้มหน้ารับกรรมอยู่ฝ่ายเดียว ก็เพราะการทำแท้งกิจกรรมหลักขึ้นอยู่กับผู้หญิงเป็นสำคัญ เนื่องจากเด็กหรือลูกนั้นอยู่ในท้องของเธอ เธอเป็นผู้อุ้มท้องเป็นผู้เอาลูกออกจากท้อง เป็นผู้เจ็บปวดทางกายและทางใจโดยตรงจากกิจกรรมนี้ ส่วนผู้ชายนั้น ถ้ารักกันอย่างดีก็แค่พาไปส่งถึงหน้าคลินิก คอยดูต้นทาง หลังจากนั้นก็อาจกลับมาคบกันต่อหรือต่างคนต่างไป หรือที่ร้ายหน่อยก็คือขู่บังคับให้คนรักหรือบางทีคู่นอนไปทำแท้ง หลังจากนั้นก็สลัดผู้หญิงทิ้ง ไปทำอะไรต่อมิอะไรได้อีกโดยไม่สนใจว่าหลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้น
ความทุกข์ที่เกิดกับผู้หญิงนั้นเป็นความทุกข์ที่เข้มข้นเพราะเหตุต้นผลกรรมส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับเธอ ยิ่งถ้าเป็นผู้หญิงที่มีมโนธรรมในใจสูง เธอจะยิ่งทุกข์หนักหนาสาหัสเป็นทวีคูณเพราะการทำแท้ง กล่าวอย่างถึงที่สุดก็คือการฆ่าคนดี ๆ นี่เอง
ความจริงการที่แม่ฆ่าลูกด้วยการทำแท้ง ก็คือการที่แม่กำลังฆ่าตัวเองให้ตายไปจากความดีงามนั่นเอง แล้วรอยบาปนี้จะถูกบันทึกไว้ในกล่องดำแห่งความทรงจำไปตราบจนชีวิตหาไม่ นี่แหละจึงทำให้คนเป็นแม่เจ็บปวดหนักหนาสาหัสยิ่งนัก
บทความอื่นๆ เกี่ยวกับการทำแท้ง
Dhamma Daily : ทำแท้งแล้วจะมีวิญญาณเด็กมาเกาะ ติดตัวเรา จริงหรือเปล่า
ลูกต้องรับกรรม เพราะแม่ ทำแท้ง คุณเชื่อเรื่องแบบนี้หรือไม่ ?