ทำแท้ง

แก้กรรม… ทำแท้ง?!?

แก้กรรม… ทำแท้ง?!? โดย พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ

พระอาจารย์ครับ แฟนผมเคยไป ทำแท้ง เพราะตอนนั้นเราไม่พร้อมมีลูก ผมเองก็ปล่อยให้เขาทำ อย่างนี้ผมจะต้องรับผลกรรมด้วยไหมครับ

รับไม่รับอยู่ที่ว่าจิตของเรามีส่วนร่วมไหม ถ้าจิตเราคอยคิดถึงมัน มีความเศร้าหมองขุ่นมัว ผลทางใจก็เกิดขึ้นแล้ว แต่เราจะทำอย่างไรจึงจะไม่ต้องคิดถึงเรื่องที่จบไปแล้ว…ก็กรรมฐานนี่แหละที่จะทำให้เราไม่คิดถึงอดีต ส่วนผลทางรูปธรรมว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นตามมานั้น ก็ต้องดูว่าเราทำอะไรมา…อย่างการทำแท้งก็เหมือนกับการฆ่าชีวิตหนึ่ง การฆ่าการเบียดเบียนผู้อื่นจะทำให้เราอายุสั้น สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง เจ็บป่วยบ่อย ส่วนการที่เราไปเกี่ยวพันกับการทำแท้ง จะมีอะไรติดตามมาหลังจากทำไปแล้วก็ต้องยอมรับไป เราควรดูแลสุขภาพใจและกายของเราให้ดี อะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องยอมรับแล้วหันไปทำสิ่งที่ดีทดแทน

แสดงว่า ทำดีทดแทนแล้ว จะแก้กรรมนี้ได้หรือครับ?

อธิบายอย่างนี้ดีกว่า สมมุติเคยทำแท้ง 1 ครั้ง ถือว่าติดลบไป 100 คะแนน เราก็ไปทำคุณงามความดีอย่างอื่นที่บวกแต้มเพิ่มอีก 100 ที่ติดลบยังไม่ไปไหนหรอก แต่เราแค่ไปทำความดีอย่างอื่นให้บวกเพิ่มขึ้นเป็น พัน – หมื่น – แสน เราจะไปกังวลทำไมกับลบ ตราบใดที่บวกมันเยอะกว่า ลบก็ให้ผลไม่ได้

บาปของการทำแท้งมีค่าเท่ากับฆ่าคน องคุลีมาลฆ่าคนเป็นพันคนแต่ก็ยังบรรลุอรหันต์ได้ ดังนั้นเมื่อมันผ่านไปแล้วก็อย่าปล่อยให้ใจเศร้าหมอง มุ่งหน้าตั้งใจทำสิ่งที่จะข้ามฝั่งคือเจริญสติอย่างเดียวดีกว่า

อย่างนี้ผมหรือแฟนบาปมากกว่ากันครับ

ผู้หญิงที่เป็นคนตัดสินใจทำแท้งรับกรรมไปเลย 80 เปอร์เซ็นต์ เพราะเป็นผู้ทำกรรมนั้นให้สำเร็จ ส่วนเราที่มีส่วนร่วมก็รับน้อยกว่า เพราะเรากุศลไม่แข็งแรงพอ จิตไม่ตั้งมั่นพอ หากตั้งมั่นพอ กุศลเพียงพอ เราจะไม่คล้อยตามอกุศล ยืนกระต่ายขาเดียวในสิ่งที่ถูกต้อง อยู่ในรั้วอยู่ในธรรม จริง ๆ แล้วถ้าเกิดว่าผู้หญิงมีเจตนาก็บาป 100 เปอร์เซ็นต์ คนเราทำกรรมเหมือนกัน แต่ความเข้มข้นของความตั้งใจหรือเจตนาไม่เท่ากันแน่นอน บางคนทำบาปแต่สักแต่ว่าทำ ไม่มีเจตนารุนแรง แบบนี้กรรมจะเบาบาง

แม่เคยทำแท้งผม แต่ผมไม่ตาย นั่นเป็นเพราะชาติก่อนผมเคยทำแท้งหรือเปล่าครับ ชาตินี้จึงมีเหตุปัจจัยทำให้โดนทำแท้งบ้าง แต่ก็บังเอิญรอดมาได้

ก็มีส่วน แต่ไม่ทั้งหมด เพราะถ้าชาติก่อนโยมทำแท้งสำเร็จ แม่โยมก็อาจทำแท้งสำเร็จ แต่เพราะโยมคงทำไม่สำเร็จก็เลยมีเหตุปัจจัยอื่นทำให้โยมได้เกิดมา และต่อจากนี้จะใช้ชีวิตแบบไหนก็ว่ากันไป

บางคนอาจโทษว่าเป็นเพราะแม่ แต่จริง ๆ เรื่องแบบนี้โทษแม่ก็เหมือนโทษตัวเอง เพราะเราเคยทำมาก่อนเอง กฎแห่งกรรมจึงทำให้เป็นแบบนี้ มันเป็นกฎธรรมชาติ มีเหตุมีปัจจัย วงจรได้จบไปแล้ว รับผลแล้วก็จบไป

ดังนั้นถ้าคนอื่นมาปรึกษาเรื่องนี้ เราก็ต้องบอกเขาเรื่องกฎแห่งการกระทำ เราคงไม่สามารถห้ามใครไม่ให้ทำสิ่งใดได้ แต่เชื่อเถอะว่า แต่ละการกระทำมีผลในตัวมันเอง เมื่อกล้าทำก็ต้องกล้ารับ แล้วปัญหาจะไม่เกิด ที่ปัญหาเกิดเพราะกล้าทำแต่ไม่กล้ารับ เลยต้องไปเดือดร้อนหาคนมาตัดเวรตัดกรรม

เชื่อกันว่าถ้าทำแท้งแล้วจะมีวิญญาณเด็กมาเกาะติดตัวเรา ทำให้ชีวิตที่เหลือทำอะไรก็ไม่รุ่งเรือง จริงหรือเปล่าครับ

จริงไม่จริงไม่รู้ แต่ส่วนมากเขาอยู่ไม่ได้หรอก แต่ละภพภูมิเขาก็มีที่อยู่ของเขา เขาจะมาอยู่ตรงนี้ตลอดก็ไม่ได้ พวกเทวดา ภูติผี อสูรกาย อื่น ๆ ก็มีวิบากกรรมที่เขาต้องไปรับ ไม่ใช่ว่าจะมีอิสระเสรีไปอยู่ที่ไหนก็ได้ บางทีก็เป็นคลื่นจิตของเราเองที่คิดว่ามีสิ่งนั้นมาอยู่กับเรา จริง ๆ เป็นอุปาทานจิตอย่างหนึ่ง ไปปรุงขึ้นมาให้เห็นเป็นจริงเป็นจังว่ามาหลอกมาหลอน

เพราะฉะนั้นก็ควรตัดตรงนี้ออก แล้วตั้งหน้าตั้งตาตั้งใจทำกิจการงานที่มีอยู่โดยสมมุติให้ดี มีสติ มีสมาธิในการทำงาน เรื่องอื่น ๆ ก็ไม่ได้ปฏิเสธ แต่ถ้ามันไม่ใช่แก่นสารสาระของชีวิต เราก็เดินทางมุ่งหน้าต่อไป จะแวะไปไหนบ้างก็แวะได้ แต่สุดท้ายก็ต้องมีเป้าหมาย…ว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร

พวกเราเกิดมาเป็นนักเดินทาง ในระหว่างทางแต่ละคนก็มีเรื่องราวร้อยแปด แต่สุดท้ายคือต้องเดินทาง ในที่นี้หมายถึงเดินทางธรรม เดินทางข้ามฝั่ง ออกจากสังสารวัฏ หลายคนระหว่างเดินทางได้ทำอะไรต่อมิอะไรไว้เยอะ ก็จะมีแรงเสียดทานมาก ทำให้การเดินทางล่าช้าลงอีก…ว่าแต่ตอนนี้มีแฟนหรือยัง

มี 4 คนครับ

มีแค่ 4 เองเหรอ มีอีกสิ! มีให้มากไปเลย จะได้รู้ว่าทุกข์เป็นยังไง (หัวเราะ)

แต่ก่อนเคยมีมากกว่านี้ครับ แต่ตอนนี้ลดลงแล้ว

เห็นไหม…จิตมันก็เห็นทุกข์เห็นโทษเอง ยิ่งมีมาก ก็ยิ่งวุ่นวายใช่ไหม ต่อไปจำนวนแฟนเราก็จะลดลงเรื่อย ๆ สุดท้ายก็ไม่มีสักคน อย่าว่าแต่มีเมียเลย มีเงินมีทองก็เหมือนกัน เขาเรียกใจเป็นภพ มีภาวะ มีของเรา ตัวเรา ท่านจัดเป็นภพ ภาวะในใจ ซึ่งมันหนัก เป็นภาระ แต่กรรมฐานจะทำให้ความ “ไม่มี” มาอยู่ในใจ เป็นความว่าง ความสงบ ไม่มีความดี ไม่มีชาติภพ ไม่มีอะไรเลย การประพฤติตรงนี้ทำให้จิตไม่สร้างภพ

ต่อไปเมื่อเข้าถึงธรรมแล้ว อยู่กับภรรยาก็เหมือนไม่อยู่กับภรรยา ตัวอยู่แต่ใจไม่ได้อยู่กับคนนี้ เมื่อใจเราไม่มีเขาเราก็ไม่ทุกข์ เพราะเขาไม่เกิดความหึงหวงหวงแหน แต่อยู่ช่วยเหลือกันฉันเพื่อนมนุษย์ มีเมตตาปราณีต่อกันและกัน เอ็นดู และอยากดูแลเขาอย่างดีที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะพึงปฏิบัติต่อผู้หญิงคนหนึ่งได้ ในฐานะที่เรามีเขามาอยู่กับเราแล้ว เราก็ต้องรับผิดชอบเขาอย่างดีที่สุด แต่ถ้าเขาจะไป ก็ไม่มีทุกข์ไม่มีผล…คนที่มีธรรมะสูงจะเป็นอย่างนั้น

…เหมือนน้ำกับน้ำมัน สัมพันธ์แต่ไม่ผูกพันกัน

 

ที่มา  นิตยสาร Secret

เรื่อง  พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ

Photo by Irina Murza on Unsplash

Secret Magazine (Thailand)

IG @Secretmagazine

© COPYRIGHT 2024 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.