สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ – สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อัมพร อมฺพโร)
เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2560 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร โปรดเกล้าสถาปนา สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (อัมพร อมฺพโร) เจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ซีเคร็ต จึงขอนำเสนอ 10 เรื่องที่ควรรู้ ของพระอริยสงฆ์
1. สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อัมพร อมฺพโร) สมเด็จพระสังฆราช สิริอายุ 89 ปี พรรษา 68 ทรงมีพระนามเดิมว่า อัมพร ประสัตถพงศ์ ประสูติเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ.2470 พระองค์เป็นชาวราชบุรีโดยกำเนิด
2.พระองค์ศึกษาจนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่โรงเรียนเทวานุเคราะห์ กองบินน้อยที่ 4 ต.โคกกระเทียม อ.เมือง จ.ลพบุรี และมาศึกษาต่อจนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนประชาบาลวัดพเนินพลู จนเมื่อพระชันษาครบ 10 ปี (พ.ศ.2480) ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดสัตตนารถปริวัตร ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี โดยมีพระธรรมเสนานี (เงิน นันโท) เจ้าคณะจังหวัดราชบุรี เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากนั้นท่านย้ายไปจำพรรษาที่วัดตรีญาติ ต.พงสวาย จ.ราชบุรี เพื่อเรียนพระปริยัติธรรม
3.พระองค์ทรงมีพระอัจฉริยภาพและสนพระทัยศึกษาพระพุทธศาสนามาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ โดยสอบได้ตามลำดับดังนี้ เมื่อพ.ศ.2483 ทรงสอบได้นักธรรมชั้นตรี พ.ศ.2484 ทรงสอบได้นักธรรมชั้นโท พ.ศ.2486 ทรงสอบได้นักธรรมชั้นเอกและได้เปรียญธรรม 3 ประโยค และเมื่อพ.ศ. 2488 ทรงสอบได้เปรียญธรรม 4 ประโยค
4.จากนั้นในปีพ.ศ.2490 ทรงได้ย้ายมาจำพรรษา ณ วัดราชบพิตรสถิตมหาสีมาราม โดยสมเด็จพระพุทธปาพจนบดี (ทองเจือ จินตากโร) และได้เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2491 ณ มหาพัทธสีมาวัดราชบพิธฯ โดยมีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (วาสน์ วาสโน) เป็นพระอุปัชฌาย์ และสมเด็จพระพุทธปาพจนบดี (ทองเจือ จินตากโร) ครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่พระจินดากรมุนี เป็นพระกรรมวาจาจารย์
5.หลังอุปสมบทแล้ว ทรงได้ศึกษาพระปริยัติธรรมที่สำนักเรียนวัดราชบพิตรฯ และสามารถสอบได้เปรียญธรรม 5 ประโยคเมื่อพ.ศ.2491 และสอบได้เปรียญธรรม 6 ประโยคเมื่อพ.ศ.2493 ต่อมาทรงเข้าศึกษาต่อที่ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (มมร) เป็นนักศึกษารุ่นที่ 5 และเรียนจบปริญญาตรี สาขาศาสนศาสตรบัณฑิต เมื่อปีพ.ศ. 2500
คลิกเลข 2 เพื่ออ่านหน้าถัดไป
6. พ.ศ.2509 ทรงเข้าอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศรุ่นแรก ก่อนเดินทางไปศึกษาต่อระดับปริญญาโท ณ มหาวิทยาลัยพาราณสี (Banaras Hindu University) ประเทศอินเดีย
7. ในปีพ.ศ.2516 ทรงเป็นหัวหน้าพระธรรมทูตนำพระพุทธศาสนาไปเผยแผ่ที่นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย นับเป็นพระธรรมทูตรุ่นแรกของคณะสงฆ์ธรรมยุต ที่เดินทางไปวางรากฐานพระพุทธศาสนาในประเทศนี้
8. ในปี พ.ศ.2551 พระองค์ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดราชบพิตรสถิตมหาสีมาราม
9.พระองค์ทรงเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ฝั้น อาจาโรที่มีสมณศักดิ์สูงสุดในปัจจุบัน คือเป็นสมเด็จพระราชาคณะ ทรงเคารพศรัทธาหลวงปู่ฝั้นมาก
10. ความสมถะ ใจดี และมีเมตตาสูงของพระองค์ท่าน ทำให้ลูกศิษย์ใกล้ชิดกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า “ท่านเป็นพระที่กราบได้ อย่างสนิทใจ ท่านเจ้าระเบียบ และมักกำชับพระเณรอยู่เสมอว่า ให้เคร่งครัดในพระธรรมวินัย ไม่ให้รับเงิน ไม่ให้เอาเงินใส่ย่าม ห้ามไปไหนมาไหนรูปเดียว และให้ระมัดระวังกิริยามารยาท” แม้จะเป็นพระผู้ใหญ่ แต่ก็ไม่เคยถือพระองค์กับญาติโยมที่มาทำบุญเลย ทรงมีความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย กุฏิที่อยู่เป็นเพียงห้องเล็กๆ ทรงตรัสเสมอว่า เป็นสมเด็จฯก็นั่งรถแท็กซี่หรือนั่งรถตุ๊กๆได้
คำสอนและคติธรรม
“ อยู่ในเขาเบาใจ ยามจากไปให้เขาอาลัยถึง ไม่ใช่อยู่ในเขาหนักใจ จากไปให้เขาไล่ส่ง”
“อย่าทำเป็นตากระทู้ หูกระทำ กระทู้คืออะไร คือต้นเสารั้วบ้าน ที่เขาเรียกต้นกระทู้ เพราะมันมีตา แต่มันมองไม่เห็นอะไร”
“เขาสอนก็ฟัง เขาทำก็ดู เรียนรู้แล้วปฏิบัติ ลงท้ายกลายเป็นสัตบุรุษ
“แต่ถ้าเขาสอนก็ไม่จำ เขาทำก็ไม่ดู เรียนรู้ก็ไม่ปฏิบัติ ลงท้ายกลายเป็นควาย”
ทีฆายุโก โหตุ สงฺฆราชา
ข้อมูลอ้างอิง
มติชนออนไลน์ www.matichon.co.th
ไทยรัฐออนไลน์ www.thairath.co.th
สำนักข่าวไทย อสมท.
เนชั่นทีวี
อมรินทร์ทีวี
แหล่งที่มา : นิตยสาร Secret
เรียบเรียง ธันยาภัทร์ รัตนกุล ภาพ พีระพันธุ์ วิจิตรไกรวิน
บทความที่น่าสนใจ
ชีวิตนี้น้อยนัก บทพระนิพนธ์ในสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลสังฆปรินายก
พระเกียรติคุณของสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่19