เมียนักมวย

True Story: รักนี้จัดหนัก… ชีวิตคู่ที่แตกยับของเมียนักมวย

True Story: รักนี้จัดหนัก… ชีวิตคู่ที่แตกยับของ เมียนักมวย

เมื่อแรกรัก แม้แต่หมัดหนักๆ ของเขาที่ชกเข้าหน้าแบบจังๆ ฉันก็ยังเข้าใจไปว่า “เขาคงรักคงหวงเรามาก แต่เพราะเขาเรียนมาน้อย เลยไม่รู้วิธีแสดงออกอย่างอื่น”กว่า 3 ปีที่ได้ชื่อว่าเป็น เมียนักมวย ชื่อดังระดับประเทศ ฉันได้เรียนรู้อะไรมากมายกว่าคนวัยเดียวกันหลายเท่า…ฉันได้รู้ว่า เมื่อคนขาดวุฒิภาวะสองคนมาเจอกัน มันมีแต่พังกับพัง ฉันได้รู้ว่าเมื่อมือ เท้า ศอกของคนที่เราเรียกว่าสามีปะทะเข้ากับร่างกายราวกับจะฆ่ากันให้ตายมันเจ็บอย่างไร!

ฉันเกิดมาในครอบครัวที่แตกแยก พ่อติดหนี้การพนันและทิ้งแม่ไปตั้งแต่ตอนที่แม่ท้องฉันได้ 8 เดือน พอโตขึ้น ฉันเลือกเข้ามาทำงานขายประกันที่กรุงเทพฯ เพราะคิดว่า ถ้าเราขยันมาก เราก็จะได้เงินมากแล้วก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ในวัยไม่ถึง 20 ปีฉันมีรายได้เดือนละเป็นแสน ๆ สามารถซื้อรถราคาเป็นล้าน ๆ และส่งเงินไปให้แม่สร้างบ้านได้ ฉันสู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็ก และคิดว่า ถ้าเรามีความรู้ ชีวิตก็จะดีขึ้น ฉันเรียนกศน.จนจบ ม.6 และเรียนภาษาอังกฤษเพิ่ม-เติมจนสามารถพูดอ่านเขียนได้ใกล้เคียงเจ้าของภาษา ฉันคิดว่า ถ้าเก่งภาษาอังกฤษเสียอย่าง ชาตินี้ก็จะไม่อดตายชีวิตฉันเข้าไปข้องแวะกับวงการมวยเพราะชอบออกกำลังกาย จึงแวะเวียนไปซ้อมมวยตามค่ายมวยอยู่บ่อย ๆ คู่ซ้อมของฉันเป็นผู้หญิงชาวแคนาดา วันหนึ่งเธอจะต้องขึ้นชกทางช่องโมเดิร์นไนน์เจ้าของค่ายมวยจึงให้ฉันช่วยเป็นล่ามให้งานนี้เองที่ทำให้ฉันได้พบกับนักมวยแชมป์ระดับประเทศคนหนึ่ง เขามีค่าตัวเรือนแสนประวัติการชกแพ้น้อยมาก หมัดหนัก และมีหลายรางวัลการันตี ในที่สุดฉันกับนักมวยคนนั้นก็ลงเอยเป็นแฟนกัน สามเดือนต่อมา เขาย้ายมาอยู่กับฉันที่อพาร์ตเมนต์เราวางแผนจะแต่งงานกันในอีก 7 - 8 เดือนข้างหน้า

ฉันคลุกคลีอยู่ในแวดวงหมัดมวย จึงพอจะรู้ว่านักมวยส่วนใหญ่มาจากครอบครัวที่ยากจน ไม่ได้เรียนหนังสือ และรู้จักโลกภายนอกน้อยมาก นักมวยอาชีพต้องซ้อมหนักมาตั้งแต่อายุ 7 - 8 ขวบ ต้องตื่นตีห้ามาวิ่งและซ้อม ๆ ๆ พอซ้อมเสร็จก็เข้านอน  ตื่นมาก็ซ้อมต่อ วนเวียนอยู่อย่างนี้จนไม่มีโอกาสรับรู้ข่าวสารอะไร ชีวิตของพวกเขาอยู่แต่ในค่ายมวย หลังขึ้นชกแต่ละครั้งจะมีเวลาให้พักผ่อนแค่ 7 วันและส่วนใหญ่ก็หมดไปกับการเที่ยวผับ เล่นไพ่ ไฮโล กินเลี้ยงสังสรรค์ตามประสาผู้ชาย และที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือ ผู้ชายเหล่านี้มักขาดการยับยั้งชั่งใจ และถูกปลูกฝังให้ใช้ความรุนแรงตัดสินปัญหาแต่ถึงจะรู้อย่างนั้น ฉันก็ตัดสินใจแต่งงานกับนักมวยในวัย 25 ปี ฉันเลือกเขาเพราะเขาทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองมีค่า ไม่ว่าจะทำอะไรเขาก็ปรึกษาฉัน ฉันเป็นเหมือนหน้าตาและความภาคภูมิใจของเขา เป็นผู้หญิงเก่งขับรถราคาเป็นล้าน

ฉันได้เห็นธาตุแท้ของว่าที่สามีก่อนแต่งงานเพียงแค่ 7 วัน แต่ฉันก็เปลี่ยนใจไม่ทันเสียแล้ว!ฉันรู้ดีว่าเขาขี้หึงมาก แรก ๆ เขาบันดาลโทสะขว้างปาโทรศัพท์มือถือของฉันไปไม่ต่ำกว่า 7 เครื่อง แต่แล้ววันหนึ่ง  เขาก็หันมาทำร้ายร่างกายของฉันด้วย  วันนั้นฉันเป็นคนขับรถเหมือนเช่นทุกวัน โดยมีเขานั่งไปข้าง ๆ เราเริ่มทะเลาะกันด้วยเรื่องหึงหวง แล้วจู่ ๆ เขาก็ฟาดท่อนแขนมาที่หน้าฉันด้วยแรงโทสะ ฉันรู้สึกเหมือนโลกดับวูบไปต่อหน้าต่อตา ทั้งเจ็บตัวทั้งเจ็บใจไม่คิดว่าเขาจะทำกับฉันได้ ฉันโกรธจัด  จึงลงไม้ลงมือกับเขาบ้าง เราสองคนตบตีกันอยู่ในรถจนหน้าตาฟกช้ำบวมปูด เนื้อตัวเขียวไปหมด ท่อนแขนของเขาที่ฟาดลงมาบนหน้าทำให้ฉันอยากจะยกเลิกงานแต่ง แต่ติดที่ว่าแจกการ์ดไปแล้ว ฉันจึงจำใจต้องแต่งงานกับเขา ทั้งที่เห็นแววแล้วว่าชีวิตคู่ของเราสองคนคงจะไปกันไม่รอด

ตอนแรกที่รักกัน ฉันรู้สึกเห็นใจแลสงสารเขา เพราะรู้ดีว่าวงการมวยในประเทศไทยคือการพนัน ถ้าชนะก็เป็นฮีโร่ ถ้าแพ้หรือไม่ทำตามคำสั่งก็จะถูกตบศีรษะทันทีที่ลงมาจากเวที โดยไม่สนใจเลยว่าตรงนั้นจะมีกล้องทีวี มีนักข่าว หรือผู้ชมยืนดูอยู่เขาอยู่ในสังคมที่ไม่ให้เกียรติกัน ดังนั้นเวลาที่เขาโมโห เขาก็จะไม่ให้เกียรติใครเหมือนกัน

ครั้งหนึ่งเขาเคยคว่ำโต๊ะกินข้าวต่อหน้าต่อตาฉันและเพื่อนร่วมค่าย เพียงเพราะโมโหที่ฉันไม่กินอาหารที่เขาทำให้ เขาพูดกับฉันว่า“ทำอะไรให้แดก ก็แดกเข้าไปเหอะ” หลังจากนั้นเราก็เริ่มโต้เถียงกัน และจบลงด้วยการลงไม้ลงมือ เขาตั้งการ์ดแล้วถีบเข้าที่ท้องฉันสุดแรง ร่างฉันกระเด็นลงไปกองแอ้กอยู่กับพื้น ความรู้สึกแรกไม่ใช่ความเจ็บปวด แต่เป็นความรู้สึกชา ฉันตกใจและโมโหสุด ๆจึงพยายามเอาคืนบ้าง เมื่อเขาเดินเข้ามาหมายจะทำร้ายซ้ำ ฉันก็คว้าส้อมที่ตกอยู่ที่พื้น แล้วแทงลงไปตรงคอของเขา ส้อมหักงอไปกับมือ ส่วนเขาก็ได้แผลเลือดไหลออกมาพอมีคนมาห้าม เราสองคนจึงยุติการตบตีลงได้ในลักษณะที่เจ็บตัวกันทั้งคู่ ฉันเป็นไข้ไปสามวัน รู้ซึ้งถึงคำที่บอกกันว่า นักมวยที่ขึ้นชกครั้งแรกจะเจ็บจนนั่งห้องน้ำไม่ได้ร่างกายฉันช้ำในจนแม้แต่เวลานั่งชักโครกก็ยังปวดระบมไปหมด แต่หลังจากนั้นไม่กี่วันเขาก็มาง้อด้วย “เซ็กซ์คืนดี” เหมือนผัวเมียคู่อื่น ๆ ที่ทะเลาะกันจะเป็นจะตาย แต่พอนอนด้วยกัน ตื่นเช้ามาก็คืนดีกัน

เมื่อมีการลงไม้ลงมือกันสักครั้ง ก็เริ่มมีครั้งอื่น ๆ ตามมา หลังแต่งงาน 3 เดือนฉันก็ท้องลูกคนแรก วันนั้นเราทะเลาะกันด้วยเรื่องหึงหวงเหมือนเดิม คราวนี้มีผู้หญิงมาเกาะแกะเขา เราเริ่มต้นด้วยการโต้เถียงด่าทอกัน และจบลงด้วยศอกด้วยเข่าอีกเช่นเคย เขาโมโห บีบคอฉันติดกับผนัง ฉันปัดมือเขาออก พร้อมศอกไปที่ลำตัว เขาโกรธมาก ต่อยฉันร่วงลงไปที่พื้น แล้วก็เดินมาขึ้นคร่อม ก่อนจะกำหมัดชกลงมาที่หน้าเต็ม ๆ ที่คาดไม่ถึงคือ เขาขากถุยใส่หน้าฉันด้วยสีหน้าท่าทางเหมือนไม่ใช่คน ไม่น่าเชื่อว่าเขาคือคนเดียวกับคนที่เคยบอกว่ารักฉันและจะทำทุกอย่างเพื่อฉัน ยอมชกมวยจนเลือดอาบ เย็บไม่รู้กี่เข็มต่อกี่เข็ม ยอมเจ็บตัวก็เพราะอยากมีชีวิตอยู่กับฉันฉันตัดสินใจหย่ากับเขา เพราะไม่สามารถทนอยู่ด้วย “ลำแข้ง” แบบนี้ได้อีกต่อไป แต่หลังจดทะเบียนหย่าได้ 7 - 8 วันเขาก็มาขอคืนดีเหมือนเดิม ด้วยความหน้ามืดตามัวตกอยู่ในห้วงความรัก ฉันก็ยอมอภัยให้เขาอีก แล้วชีวิตฉันก็ “บอบช้ำ” ซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น

นอกจากเรื่องหึงหวงแล้ว เรายังมีปัญหาเรื่องการเงินด้วย เพราะช่วงที่เขาไม่ได้ขึ้นชก ครอบครัวเราก็ไม่มีรายได้หนำซ้ำนักมวยอย่างเขาก็กินข้าวคนเดียวไม่เป็น ต้องกินกับน้อง ๆ นักมวยครั้งละหลาย ๆ คน และเขาก็ต้องเลี้ยงต้องจ่ายเงินหามาได้เท่าไรก็ไม่เคยมีเหลือ พอฉันพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เขาก็บอกว่า “ก็เงินกู กูต่อยมา กูเหนื่อย กูเจ็บ กูจะใช้” ตอนหลังเขาแบ่งเงินให้ฉันครึ่งหนึ่ง แต่นั่นก็ยังไม่พอจ่ายค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่านมลูก เขาไม่อนาทรถึงความเป็นอยู่ของลูกเมีย ฉันทนไม่ไหวถึงขั้นหอบลูกคนโตวัยหนึ่งขวบหนีกลับบ้านนอก ทั้ง ๆ ที่ลูกอีกคนก็กำลังอยู่ในท้อง เขากลับมาไม่เห็นลูกเมีย แถมข้าวของในบ้านก็ถูกขนไปหมด เขาตกใจจนเป็นลม แต่ไม่นานทุกอย่างก็วนกลับมาเหมือนหนังม้วนเดิม เขาไปตามง้อฉันที่บ้านหลังคลอดลูกคนที่สองฉันก็กลับมาใช้ชีวิตกับเขาที่บ้านเช่าหลังเดิม

ตอนหลังฉันหาทางออกด้วยการไปซื้อกางเกงยีนมือสองจากปอยเปตมาขายช่วงแรกยังหมุนเงินไม่ทัน ฉันจึงยืมเงินเขา4,000 บาท  แต่เขาก็ทวงแล้วทวงอีก ฉันกลับถึงบ้านตอนเที่ยงคืน และต้องตื่นตีสามเพื่อไปขายเสื้อผ้าทุกวัน คืนหนึ่งเขามาทวงเงินในขณะที่ฉันกำลังนั่งทบัญชี ฉันหยิบเงินให้เขาอย่างแกน ๆ เขาโมโห  หาว่าฉันประชดแล้วเราก็เริ่มทะเลาะตบตีกันต่อหน้าลูกสาวคนโตที่มาเกาะแข้งเกาะขาฉันอยู่ คราวนี้ฉันโมโหมาก ชี้หน้าและพูดขู่เขาว่า “อย่ามาแตะต้องตัวหนูอีกนะ คราวนี้หนูเอาถึงตาย” ได้ยินคำนี้เขาจึงหยุด  และหลังจากนั้นก็ไม่กลับมานอนบ้านอีกเลย  แต่ก็ยังกลับมาเล่นกับลูกทุกเย็น  เพราะเขารักลูกมาก

เหตุการณ์ที่ทำให้ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาของเราสิ้นสุดลงเกิดขึ้นในเย็นวันหนึ่งเขามาหาลูกตามปกติ แต่ตอนกลับเขาอุ้มลูกคนโตไปด้วย ฉันคิดว่าพ่อคงอยากอยู่กับลูกบ้าง เดี๋ยวเบื่อก็คงพาลูกกลับมาส่ง  แต่7 วันผ่านไป 10 วันผ่านไป  ก็ยังไม่มีวี่แววเพื่อนของเขาที่อยู่ในค่ายมวยโทรศัพท์มาบอกว่า เขาให้แม่ของเขามารับลูกไปเลี้ยงที่ต่างจังหวัด พอได้ยินอย่างนั้นฉันก็นั่งไม่ติดชวนพี่สาวและหลาน ๆ ขับรถไปทีค่ายมวยเพื่อรับลูกสาวกลับบ้านทันทีวันนั้นหลังจากกระชากลากถู ยื้อแย่งลูกกันอยู่ครู่หนึ่ง ฉันก็ได้ตัวลูกคืนมาและส่งให้พี่สาวอุ้มไว้ เขาวิ่งตามมาทัน ก็กระชากผมฉันแล้วต่อยเข้าที่หน้าเต็มแรง มิหนำซ้ำยังตั้งการ์ดเหมือนนักมวยกำลังชกคู่ต่อสู้พอได้จังหวะ เขาก็เตะฉันจนร่วงลงไปกองกับพื้น แล้วชูมือขึ้นสองข้างเหมือนนักมวยบนเวทีเวลาได้รับชัยชนะ เขาไม่ทันได้เห็นหรอกว่า…ตอนนั้นแววตาของลูกช็อกมากแค่ไหนที่เห็นพฤติกรรมรุนแรงของพ่อแบบนี้เมื่อหลุดพ้นจากสถานการณ์นั้นมาได้ฉันแจ้งความและฟ้องร้องเขา เพราะไม่อยากให้เขาเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีของคนอื่น และอยากให้สังคมลงโทษ เพื่อเขาจะได้สำนึกผิดความจริงแล้วเขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แต่ฉันเชื่อว่าการที่เขาอยู่กับความรุนแรงมาตลอด ทำให้ไม่รู้จักการแก้ปัญหาด้วยวิธีอื่น

ทุกวันนี้ฉันอโหสิกรรมให้เขา ขอโทษเขาที่ฉันอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาต้องใช้ความรุนแรง ส่วนเขาเองก็สำนึกผิดและขอโทษฉัน
เช่นกัน เราสองคนคิดว่า แม้เราจะไม่สามารถเป็นสามีภรรยากันได้ แต่ในอนาคต ถ้าเขาปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น ใช้อารมณ์ให้น้อยลงบางทีเขาอาจจะยังเป็นพ่อที่ดีของลูกได้ตอนนี้ฉันทำงานหาเงินเลี้ยงลูกได้อย่างสบาย แต่สำหรับความอบอุ่นในครอบครัวฉันคิดว่าลูกคงต้องการทั้งพ่อและแม่ เมื่อถึงวันที่เขาพร้อม ฉันก็ยังยินดีให้เขาได้ทำหน้าที่พ่อเสมอ

ฉันอยากบอกผู้หญิงอีกหลายคนที่เป็นเหมือนฉันว่า การใช้ชีวิตคู่นั้น วุฒิภาวะของคนสองคนเป็นสิ่งสำคัญ และการดูแลครอบครัวให้มีความสุขก็ไม่ใช่จะใช้เงินเพียงอย่างเดียว แต่คู่ชีวิตต้องทุ่มเททั้งเวลาและความอดทนร่วมกัน ที่สำคัญ อย่าเอาชีวิตไปฝากไว้กับใคร เราต้องหายใจให้ได้ด้วยตัวเอง

 

ธรรมในการครองรัก
โดยพระอาจารย์ชาญชัย อธิปญฺโญ

หนุ่มสาวเวลารักกันนั้น ส่วนใหญ่จะรักเพราะหลงรักอย่างเป็นเจ้าของและคอยกำกับให้อีกฝ่ายเป็นไปอย่างที่ตนต้องการ คนที่เป็นสามีภรรยากัน ถือว่ามีกรรมสัมพันธ์กันมาแต่อดีตชาติจวบจนปัจจุบัน หากสร้างกรรมสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ก็จะอยู่กันด้วยดี แม้บางครั้งจะมีความเห็นต่างกันหรือมีปากเสียงกันบ้าง แต่ก็ไม่รุนแรงถึงกับทำร้ายกัน ต่างก็รักใคร่ปรองดองอยู่กันอย่างมีความสุข บางคู่มีกรรมสัมพันธ์กันในอดีตไม่ดี แม้ปัจจุบันก็ยังสร้างกรรมที่ไม่ดีต่อกันอีก จึงทำร้ายร่างกายและจิตใจกันประจำ บางครั้งทำให้ได้รับบาดเจ็บและที่ร้ายแรงที่สุดก็ทำร้ายกันถึงชีวิต

อย่างไรก็ตาม ทุกคนสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมของตนจากไม่ดีให้ดีได้ ในกรณีที่ฝ่ายหนึ่งยอมอดทน เสียสละ และให้อภัย แต่อีกฝ่ายหนึ่งยังคงพฤติกรรมที่ร้ายกาจทำร้ายร่างกายและจิตใจคู่ครองเป็นประจำ หากเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ควรจะอยู่ร่วมกันต่อไป
เพราะชีวิตของแต่ละคนควรจะมีโอกาสเลือกทางเดินที่ดีที่จะนำความสุขมาให้ แทนที่จะ
จมปลักอยู่กับความทุกข์

 

เรื่อง อดีตเมียนักมวย เรียบเรียง เสาวลักษณ์ ศรีสุวรรณ 


หากใครมีเรื่องราวชีวิตจริงที่อยากแบ่งปัน สามารถส่งเรื่องเข้ามาได้ที่อีเมล therranuch_pa@amarin.co.th


บทความน่าสนใจ

3 วิธี เปลี่ยนสู่ชีวิตใหม่ ที่ใช้ได้ตลอดปีและตลอดไป โดย ท่านปิยโสภณ

7 วิธี ลืมแฟนเก่า คนรักเก่า คนที่เรารัก อดีตคนรัก เพื่อเดินหน้าต่อไปอย่างเข้มแข็ง

คุณมอง “อดีต” เป็นตราสัง หรือพลัง บทความชวนคิด จาก ท่านปิยโสภณ

เรื่องราวดี ๆ เมื่อคุณแม่เขียนข้อความขอบคุณแฟนใหม่ของอดีตสามีจากใจ

ชีวิตใหม่ ของอดีตนักยกน้ำหนักแชมป์โลกพิการ สมศักดิ์ ค้าขึ้น

3 สิ่งที่ผู้หญิงควรเข้าใจและ 3 สิ่งที่ผู้ชายควรรู้ เคล็ดลับ ครองคู่ให้ยาวนาน

ความรัก และสุขที่แท้ ข้อคิดจาก วิลล์ สมิธ คนที่ทำให้คุณมีความสุข

คิดจะเลือกคู่ ถึงจะเสียดายก็ยังดีกว่าเสียใจ

 

 

 

 

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.