7 อาหารสุขภาพ กินมากไปป่วยแน่
อาหารสุขภาพ เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับคนยุคใหม่ที่อยากมีร่างกายแข็งแรง ปลอดโรคภัย แต่รู้ไหมว่า อาหารบางอย่างอาจมีพิษแฝงอยู่ กินมากไป กินไม่ถูกวิธีอาจทำให้เจ็บป่วยได้เลย มาดูเลยว่ามีอะไรบ้าง
มะเขือเทศ
ประโยชน์ มะเขือเทศอุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร ซึ่งพบว่ามะเขือเทศหนึ่งผลให้วิตามินเอมากถึง 1 ใน 3 ของวิตามินเอที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน นอกจากนี้ในมะเขือเทศยังมีโพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียมและแร่ธาตุอื่นๆอีกหลายชนิด การกินมะเขือเทศที่ปรุงสุกโดยใช้ความร้อนจะได้คุณค่า สารอาหารมากกว่าการกินมะเขือเทศสดๆถึง 4 เท่า
เนื่องจาก มะเขือเทศที่ผ่านความร้อนแล้วจะมีปริมาณสารไลโคปีน (Lycopene) ซึ่งเป็นสารแอนติออกซิแดนต์มากขึ้น ไลโคปีนช่วยลดอัตราการเกิดโรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรค เบาหวาน โรคกระดูกพรุน และภาวะการเป็นหมันในชาย
ความเป็นพิษ พิษที่พบในมะเขือเทศอยู่ในส่วนของก้านและผลของมะเขือเทศดิบ โดยจะพบสารพิษในกลุ่ม Steroidal Alkaloids ซึ่งเป็นสารพิษอันตรายที่พบได้ในบุหรี่และกัญชา เมื่อร่างกายได้รับสารพิษนี้จะทำให้มีอาการคลื่นไส้ ปวดท้อง และเกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหารได้
วิธีกิน หลีกเลี่ยงการกินมะเขือเทศดิบ และควรดึงก้านมะเขือเทศ ออกก่อนกินทุกครั้ง
เห็ด
ประโยชน์ เห็ดที่กินได้มีหลายชนิดซึ่งมีประโยชน์แตกต่างกัน เช่น เห็ดหอมหรือเห็ดชิตาเกะช่วยลดไขมันในเส้นเลือด เพิ่มภูมิคุ้มกันมะเร็ง เห็ดหูหนูช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้เม็ดเลือดขาว ในผู้สูงอายุ เห็ดฟางมีวิตามินซีสูงและกรดแอมิโนที่สำคัญ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดการติดเชื้อต่างๆ และลดความดันโลหิตได้
ความเป็นพิษ เห็ดบางชนิดเป็นเห็ดที่มีพิษ เมื่อกินเข้าไปจะทำให้มีอาการเวียนศีรษะ อาเจียน หน้ามืด ง่วงนอน และปวดท้องอย่าง รุนแรง หรืออาจเสียชีวิตได้
วิธีกิน ก่อนบริโภคเห็ดที่ไม่แน่ใจว่าเป็นพิษหรือไม่ ควรทำการทดสอบก่อน ซึ่งการทดสอบเห็ดพิษมีหลายวิธี แต่ก็ไม่ได้ผล 100 เปอร์เซ็นต์ จึงอาจยังก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้บริโภคได้ ดังนั้น การกินเฉพาะเห็ดที่เคยบริโภคแล้วไม่เกิดอันตรายเท่านั้น จึงเป็นวิธีการที่ปลอดภัยที่สุดค่ะ
พริก
ประโยชน์ สารแคปไซซิน (Capsaicin) ในพริกพบอยู่มากที่บริเวณเยื่อแกนกลางสีขาวที่เรียกว่า “รกพริก” ซึ่งนอกจากจะให้ความเผ็ดร้อนแล้ว ยังมีคุณสมบัติช่วยทำให้หลอดเลือดขยายตัว และเกล็ดเลือดไม่รวมตัวกันเป็นก้อนง่าย ซึ่งป้องกันการอุดตันของหลอดเหลือด โดยเฉพาะหลอดเลือดหัวใจ
ความเป็นพิษ การกินพริกปริมาณมากเกินไปจะทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหารหรือโรคในระบบทางเดินอาหารได้
วิธีกิน ควรลดปริมาณการกินพริกให้น้อยลง และก่อนนำพริกสดมาประกอบอาหาร ควรล้างให้สะอาดทุกครั้ง
มันฝรั่ง
ประโยชน์ มันฝรั่งมีโพแทสเซียม ช่วยให้หลอดเลือดหัวใจแข็งแรง ลดความเสี่ยงต่อการเป็นนิ่วในไต และมีใยอาหารปริมาณสูง ช่วยบำรุงลำไส้ แก้อาการท้องผูกได้
ความเป็นพิษ เปลือกของมันฝรั่งมีสารพิษที่ชื่อว่า ชาโคนีน (Chaconine) และโซลานีน (Solanine) หากเผลอกินเข้าไปจะทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ อาเจียน หรือท้องเสียได้ นอกจากนี้ยังพบว่า การเก็บรักษามันฝรั่งผิดวิธี เช่น นำไปวางภายใต้แสงนีออน เป็นเวลานาน จะทำให้มันฝรั่งมีสารพิษนี้เพิ่มมากขึ้น 2 – 3 เท่า โดยที่ความร้อนก็ไม่สามารถทำลายสารพิษนี้ได้
วิธีกิน ในชีวิตประจำวันของคนไทย เรากินมันฝรั่งไม่มากนัก จึงไม่ได้รับอันตรายจากสารพิษนี้ แต่เพื่อความปลอดภัย หากต้องซื้อมาบริโภค ควรเลือกซื้อมันฝรั่งที่บรรจุในหีบห่อมิดชิด และเมื่อจะนำมาประกอบอาหาร ก็ควรหลีกเลี่ยงการกินเปลือกมันฝรั่ง
อัลมอนด์
ประโยชน์ อัลมอนด์เป็นถั่วที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เพราะเป็นแหล่งโปรตีน ใยอาหาร แคลเซียม และซีลีเนียม นอกจากนี้ยังมีวิตามินอีที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และมีไขมันไม่อิ่มตัวที่ช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและลดการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน ได้อีกด้วย
ความเป็นพิษ การกินอัลมอนด์ดิบมีอันตราย เพราะมีสารไฮโดรเจนไซยาไนด์ที่เป็นพิษต่อร่างกายอยู่ด้วย โดยจะทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ หายใจลำบาก มึนงง หมดสติ หรือเสียชีวิตได้หากกินเข้าไปในปริมาณมาก
วิธีกิน การกินอัลมอนด์อย่างปลอดภัยจึงควรนำไปอบให้สุกก่อนทุกครั้ง เพื่อกำจัดสารไฮโดรเจนไซยาไนด์
เชอร์รี่
ประโยชน์ เชอร์รี่เป็นผลไม้ที่มีไขมันและแคลอรีต่ำ อุดมไปด้วยโซเดียม โพแทสเซียม ไฟเบอร์ วิตามินซี และวิตามินบีปริมาณสูง จึงช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน เพิ่มปริมาณ สารแอนติออกซิแดนต์ในร่างกาย และทำให้ความดันโลหิตเป็นปกติ
ความเป็นพิษ เชอร์รี่มีสารไฮโดรเจนไซยาไนด์อยู่ในเมล็ด เวลาที่เราบดเคี้ยวผลเล็กๆของเชอร์รี่พร้อมกับเมล็ดจะทำให้ร่างกาย ได้รับสารไฮโดรเจนไซยาไนด์เข้าไปด้วยซึ่งเป็นพิษต่อร่างกาย ทำให้มีอาการปวดศีรษะและอาเจียนได้
วิธีกิน ควรกินเฉพาะเนื้อเชอร์รี่เท่านั้น โดยคายเมล็ดทิ้ง
แอ๊ปเปิ้ล
ประโยชน์ แอ๊ปเปิ้ลเป็นผลไม้ยอดนิยมที่มีรสอร่อยและได้ชื่อว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพมาก เพราะมีสารเพกทินที่เป็นประโยชน์ ต่อลำไส้ ช่วยในการขับถ่าย ลดคอเลสเตอรอล ลดความเสี่ยง ในการเกิดมะเร็ง และช่วยชะลอวัยได้
ความเป็นพิษ เมล็ดของแอ๊ปเปิ้ลมีกรดไซยาโนจีนิก (Cyanogenic acids) ซึ่งจะสลายตัวเกิดเป็นสารพิษไซยาไนด์ ฉะนั้น เมื่อเราเคี้ยวเมล็ดแอ๊ปเปิ้ลเข้าไป ร่างกายจึงได้รับพิษจากไซยาไนด์ อ่อนๆซึ่งทำให้รู้สึกปวดหรือเวียนศีรษะได้
คราวนี้ก่อนกินอาหารชนิดไหน ก็ควรเช็กความเป็นพิษและวิธีกินอย่างถูกต้องเหมาะสม เพื่อความปลอดภัยและได้ประโยชน์กับสุขภาพที่สุดค่ะ
(สนับสนุนข้อมูล : คอลัมน์ ชีวจิต+ นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 346)
บทความน่าสนใจอื่นๆ
6 วิธีกิน + 7 เทคนิค ตัวช่วยเพิ่มมวล กระดูก