รวม 3 ความสำเร็จ ออกกำลังกายสู้ภูมิแพ้
โรคภูมิแพ้ เป็นโรคที่พบมากในประเทศไทย เชื่อว่าหากไม่ป่วยเสียเอง มองไปรอบตัวก็ย่อมมีคนที่ป่วยด้วยโรคภูมิแพ้อยู่แน่ๆ วันนี้เรารวมเอาความสำเร็จของคนทางบ้าน ที่ใช้การ ออกกำลังกายสู้ภูมิแพ้ ได้สำเร็จ จนอาการดีขึ้น เห็นผลจริง มาแชร์บอกคุณผู้อ่านค่ะ
โยคะร้อน ขจัดโรคหืด ไซนัสอักเสบ ลมพิษ แพ้อาหาร
คุณหมออรพรรณ โพชนุกุล อายุ43 ปี
ถึงแม้เป็นหมอ แต่เธอก็ยอมรับว่าป่วยเป็นโรคภูมิแพ้มาตั้งแต่เด็ก และต้องเผชิญกับสารพัดโรคพ่วงจากภูมิแพ้ ทั้งโรคหืด ไซนัสอักเสบ ลมพิษ และแพ้อาหาร
คุณหมออรพรรณเล่าว่า เมื่อ 5 ปีที่แล้วเธอถูกโรคพ่วงจากภูมิแพ้รุมเร้าจนต้องรักษาโดยการพ่นยาขนาดสูงมาก อีกทั้งเมื่อเข้ารับการรักษาโดยการฉีดวัคซีนภูมิแพ้ก็แพ้วัคซีนจนมีอาการช็อก จึงไม่สามารถรับการรักษาด้วยวิธีนี้ได้ ทั้งยังต้องรับการยิงเลเซอร์จี้เยื่อบุโพรงจมูก เพราะมีอาการอักเสบมาก เป็นช่วงเวลาที่ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น ทำให้เธอรู้สึกว่ารับภาวะนี้ไม่ไหว และไม่อยากมีชีวิตอยู่กับอาการเจ็บป่วยเช่นนี้ตลอดไป จึงตัดสินใจออกกำลังกายสู้ภูมิแพ้ดูสักตั้ง
How-to ฝึกโยคะร้อนแก้สารพัดโรคพ่วง
คุณหมอเลือกฝึกโยคะร้อนในฟิตเนสใกล้บ้าน เพราะต้องการความสะดวกและสามารถไปฝึกได้สม่ำเสมอ ที่สำคัญ มีข้อมูลทางการแพทย์สนับสนุนว่า โยคะสามารถช่วยแก้โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจได้ดี โดยเฉพาะโยคะร้อนเป็นการออกกำลังกายในสถานที่ที่มีอุณหภูมิอุ่น ทำให้ปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยโรคหืดที่มีอาการอีไอบี (Exercise-induced Bronchoconstriction) ด้วย
ก่อนฝึก คุณหมอเตรียมร่างกายโดยการพักผ่อนให้เพียงพอ ใช้ยาพ่นจมูกตามคำแนะนำของแพทย์เฉพาะ และกินอาหารก่อนฝึกอย่างน้อย 45 นาทีถึง 1 ชั่วโมง เมื่อร่างกายพร้อมแล้วก็สามารถฝึกได้อย่างมั่นใจ
“หมอจะทำท่าต่างๆตามคำแนะนำของครูอย่างเคร่งครัด ไม่เลือกฝึกท่าใดท่าหนึ่งเป็นพิเศษค่ะ และเน้นฝึกด้วยความสม่ำเสมอและต่อเนื่อง โดยจะบังคับตัวเองด้วยการสมัครเป็นสมาชิกฟิตเนสใกล้บ้าน พอต้องเสียเงินและมีคนควบคุมตลอดก็ช่วยให้มีวินัยมากขึ้น”
คุณหมออรพรรณจัดสรรเวลาในการฝึกโยคะสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ 1-2 ชั่วโมง หลังจากฝึกเป็นเวลา 3 เดือน อาการต่างๆก็เริ่มดีขึ้น คุณหมออรพรรณเล่าว่า
“โรคหืดทำให้มีเสมหะ แต่การฝึกโยคะร้อนช่วยให้เสมหะไหลลงคอได้ดีขึ้น การหายใจจึงดีขึ้น อาการและโรคพ่วงต่างๆก็หายไปด้วย และผลพลอยได้คือรูปร่างดีขึ้นด้วยค่ะ” คุณหมอยิ้มและแนะนำต่อว่า
“กุญแจสำคัญของการออกกำลังกายเพื่อรักษาภูมิแพ้คือ ต้องมีแรงจูงใจค่ะ สำหรับหมออยากหายเพื่อจะได้นำประสบการณ์มาแนะนำคนไข้ จึงต้องใส่ความตั้งใจและวินัยในการปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ”
ว่ายน้ำ สยบโรคริดสีดวงจมูก
คุณหงส์- วัลลภา ลีลานันทกุล วัย 26 ปี เริ่มเป็นโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้เมื่ออายุ 18 ปี โดยมีอาการจามทุกเช้าหลังตื่นนอน คันเปลือกตา และจามเกือบทั้งวันจนบางครั้งเลือดกำเดาไหล แต่เนื่องจากเธอมักนอนดึก จึงทำให้โรคภูมิแพ้ลุกลามจนเกือบเป็นโรคริดสีดวงจมูก
“หมอบอกว่าเราเป็นโรคแพ้อากาศที่เริ่มมีอาการรุนแรงและมีความเสี่ยงเป็นโรคริดสีดวงจมูก ต้องรักษาด้วยการกินยาแก้แพ้และใช้ยาพ่นสเตียรอยด์ (Intranasal Steroids) ต้องกินและพ่นยาวันละ 3 – 4 ครั้ง ทำให้มีอาการระคายคอ คอแห้งจากการใช้ยาพ่นมาก”
เธอต้องไปพบหมอทุก 2 สัปดาห์ เป็นเวลาเกือบ 1 ปี แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น จึงตัดสินใจหันมาปรับพฤติกรรมตัวเองเสียใหม่
How-to ว่ายน้ำกำราบโรค
เพราะได้ศึกษาข้อมูลสุขภาพจึงรู้ว่าการออกกำลังกายช่วยรักษาโรคภูมิแพ้ได้ รวมทั้งคุณหมอที่รักษาแนะนำว่าให้ไปว่ายน้ำ เธอจึงตัดสินใจไปออกกำลังกายทันที
คุณหงส์ว่ายน้ำในตอนเย็นทุกวัน โดยจะวอร์มร่างกายด้วยการวิ่งเหยาะๆรอบสระว่ายน้ำประมาณ 2 รอบ แล้วจึงลงสระไปยืดกล้ามเนื้อประมาณ 10 นาที ก่อนเริ่มว่ายท่าฟรีสไตล์
ช่วงแรกที่เริ่มว่ายน้ำ เธอมีอาการจาม คัดจมูก และเหนื่อยง่าย จึงต้องว่ายช้าๆ ไม่หักโหม โดยใช้เวลาแค่ 10 – 15 นาที ซึ่งเธอจะชวนเพื่อนไปด้วยทุกครั้ง เพราะหากเกิดอุบัติเหตุจะได้มีคนช่วยทัน ผ่านไป 1 – 2 สัปดาห์ อาการจาม คัดจมูก และเหนื่อยง่ายก็หายไป และสามารถว่ายได้นานขึ้น จาก 15 นาที เป็น 1/2 -1 ชั่วโมง
ผ่านไป 1 – 2 เดือน อาการต่างๆของโรคภูมิแพ้ก็ลดน้อยลงจนเกือบหายเป็นปกติ นอกจากการออกกำลังกายแล้ว เธอยังให้ความสำคัญกับการพักผ่อน โดยเข้านอนไม่เกินห้าทุ่ม เพราะการนอนดึกทำให้โรคภูมิแพ้กำเริบ และกินอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ข้าวกล้อง ผักออร์แกนิก ผลไม้ ทุกมื้อ
คุณหงส์เล่าทิ้งท้ายว่า “การออกกำลังกาย เลือกกินอาหาร และพักผ่อนให้เพียงพอ ช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้นมาก ไม่เจ็บป่วยง่าย และที่สำคัญ ช่วยให้อาการภูมิแพ้หายเกือบสนิท จะมีอาการคัดจมูกและจามเป็นบางครั้งในช่วงที่ไม่มีเวลาออกกำลังกายหรือพักผ่อนน้อย”
วิ่ง ชนะริดสีดวงจมูก
คุณยุ้ย – วิภาดา ดิษกุลนรภัทร อายุ 32 ปี เคยเป็นโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้เมื่ออายุ16 ปี ทำให้มีอาการคัดจมูก
น้ำมูกไหล และหายใจไม่สะดวก รวมทั้งบ้านของเธออยู่ติดถนนใหญ่ จึงทำให้ต้องสูดดมควันพิษ ฝุ่นละออง และ
มลพิษทางอากาศชนิดอื่นๆ ส่งผลให้อาการภูมิแพ้กำเริบหนัก และกลายเป็นโรคริดสีดวงจมูกในที่สุด
“ตอนนั้นรู้สึกแน่นจมูกมาก หายใจไม่สะดวก มีน้ำมูกไหลมากผิดปกติ จนต้องไปหาหมอ และตรวจพบว่าเป็นโรคริดสีดวงจมูกแล้ว คุณหมอรักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งก็ทำให้อาการต่างๆดีขึ้น แต่คุณหมอบอกว่า ถ้าไม่ดูแลตัวเองก็จะกลับมาเป็นได้อีก เราจึงดูแลตัวเองมากขึ้น”
How-to วิ่งเพื่อสุขภาพ
คุณหมอที่รักษาแนะนำให้คุณยุ้ยออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เช่น การวิ่ง ชกมวย กระโดดเชือก ปั่นจักรยาน เพื่อเสริมความแข็งแรง เธอจึงเลือกการวิ่งเพราะทำได้ง่าย โดยวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้า สลับกับการวิ่งในสวนสาธารณะ
ก่อนวิ่งทุกครั้ง เธอจะวอร์มร่างกายด้วยการยืดกล้ามเนื้อส่วนต่างๆประมาณ 10 นาที เพื่อลดอาการปวดและการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ จากนั้นจะเดินเร็วประมาณ 10 นาที เพื่อให้อัตราการเต้นของหัวใจเร็วขึ้น แล้วจึงเริ่มวิ่งช้าๆ และ
ค่อยๆเพิ่มความเร็วขึ้นประมาณ 5 – 10 นาทีจนรู้สึกว่าหายใจแรง แต่ไม่ถึงกับต้องหายใจทางปาก จึงค่อยๆชะลอความเร็วลง และเปลี่ยนมาเดินอีก 10 นาที พร้อมกับยืดเหยียดกล้ามเนื้อส่วนต่างๆของร่างกายปิดท้าย
คุณยุ้ยวิ่งเป็นประจำสัปดาห์ละ 5 วัน ส่วนอีก 2 วันจะฝึกโยคะเพื่อยืดเหยียดและช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย 2 สัปดาห์แรกที่เริ่มออกกำลังกายทำให้อาการคัดจมูกลดลง ไม่จามบ่อย และไม่มีน้ำมูก 2 เดือนต่อมาอาการดีขึ้นมาก สามารถอยู่ในที่ที่มีอากาศเย็นได้ โดยไม่มีอาการจาม คัดจมูก น้ำมูกไหล
นอกจากออกกำลังกายแล้ว เธอยังกินผักผลไม้มากขึ้น โดยเฉพาะผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม ฝรั่ง มะละกอ มะเขือเทศ คุณยุ้ยบอกว่า “การออกกำลังกายและกินผักผลไม้ช่วยให้รู้สึกจมูกโล่ง หายใจสะดวก และสูดอากาศบริสุทธิ์ได้อย่างเต็มปอด”
การออกกำลังกายเพื่อส่งเสริมสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นกีฬาชนิดใดหรือกิจกรรมประเภทไหน หัวใจสำคัญคือความสม่ำเสมอ ชีวจิตเชื่อว่า หากตั้งใจจริง ทุกคนย่อมเอาชนะโรคพ่วงจากภูมิแพ้ได้อย่างแน่นอนค่ะ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
6 เทคนิคกดจุดด้วยตัวเอง พิชิตภูมิแพ้
5 วิตามิน และแร่ธาตุ เยียวยาหวัดและภูมิแพ้