ไข่เยี่ยวม้า 🥚
ไข่เยี่ยวม้า กำเนิดมากว่าห้าศตวรรษ ตามตำนานที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ บอกว่าไข่เยี่ยวม้าค้นพบเมื่อประมาณ 600 ปีก่อนในมณฑลหูหนานในสมัย “ราชวงศ์หมิง” เมื่อเจ้าของบ้านพบไข่เป็ดในบ่อปูนขาวที่ใช้ในระหว่างการก่อสร้างบ้านของเขา เมื่อได้ลองชิมแล้วรู้สึกว่ามันมีกลิ่นรสเฉพาะตัวและสามารถนำมารับประทาน เขาจึงริเริ่มการผลิตเพื่อขาย โดยนำไข่ดิบมากลบอยู่ในบ่อปูนขาวประมาณ 2 เดือน และเติม เกลือลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติ จึงพัฒนามาเป็นวิธีทำไข่เยี่ยวม้าในปัจจุบัน และนอกจากนี้ยังเป็นที่นิยมมานำมาปรุงอาหารได้หลายอย่าง ที่นิยมก็ได้แก่ จานออร์เดิร์ฟบนโต๊ะจีน และไข่เยี่ยวม้ากระเพรากรอบ แต่คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าไข่เยี่ยวม้าที่มีผิวเปลือกสีชมพูแสนสวยนั้น ข้างในซ่อนไว้จะน่ารับประทานหรือไม่ มาดูกันเลยดีกว่า!
🐴ไข่เยี่ยวม้าคืออะไร?
ไข่เยี่ยวม้าที่เราเห็นเปลือกสีออกแดงนั้นเป็นกรรมวิธีการถนอมอาหารของชาวจีน โดยใช้ส่วนประกอบที่ให้ความเป็นด่างสูง (pH 11.0 – 11.5) อาทิ เกลือ โซดาแอช(โซเดียมคาร์บอนเนต) ใบชาดำ และสังกะสีออกไซด์ผสมกับปูนขาวแล้วพอกบนเปลือกไข่ เพื่อให้เก็บไว้รับประทานได้นาน และสะดวกในการส่งไปขายในที่ไกลๆ
💗ไข่เยี่ยวม้าอันตรายหรือไม่?
ไข่เยี่ยวม้าตามท้องตลาดอาจมีพ่อค้า แม่ค้า บางรายใช้สารตะกั่วออกไซด์ หรือซัลไฟด์ลงในส่วนผสมในกรรมวิธีฟอกหรือแช่ เพื่อเป็นการเร่งปฏิกริยาให้กลายเป็นไข่เยี่ยวม้าเร็วขึ้น ซึ่งส่งผลอันตรายต่อผู้บริโภคได้ ดังนั้นควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ และเลือกรับประทานอาหารให้หลากหลายจะดีกว่า เพื่อสุขภาพที่ดีค่ะ
พลังงานต่อหนึ่งหน่วยบริโภค 355.51 กิโลแคลอรี
โปรตีน 18.68 กรัม ไขมัน 28.17 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 5.71 กรัม ไฟเบอร์ 0.38 กรัม
🍳ไข่เยี่ยวม้าเลือกอย่างไรให้ปลอดภัย
ปัจจุบันพ่อค้าแม่ค้าหัวใสใช้ตะกั่วในการเร่งปฏิกิริยาให้ไข่ขาวในไข่เยี่ยวม้าแข็งตัวสม่ำเสมอเท่ากัน ทำให้มีสารตะกั่วตกค้างซึ่งเราสามารถสังเกตไข่เยี่ยวม้าที่มีตะกั่วได้โดย จะพบจุดสีดำบริเวณไข่ขาวและไข่ขาวมีลักษณะขุ่นไม่โปร่งแสง
วิธีสังเกตไข่เยี่ยวม้าที่ดี เนื้อของไข่ขาวจะมีลักษณะใส และสีเข้มคล้ายสีน้ำตาลชาแก่ๆ ไม่ควรเป็นสีดำเกินไปหรือขุ่น ถ้าผิดไปจากนี้ขอให้สันนิษฐานว่าเป็นไข่เยี่ยวม้าที่ปนเปื้อนสารตะกั่ว จากขั้นตอนการผลิตไข่เยี่ยวม้า ก่อนเลือกซื้อ ให้ใช้นิ้วมือดีดแล้วฟังเสียง หากเสียงดังเหมือลูกยางเด้งไปมา เนื้อไข่ข้างในจะมีลักษณะดี แต่หากไม่มีเสียง ก็แสดงว่าเป็นไข่ที่เก็บไว้นานเกินไป
นอกจากนี้หากกระบวนการหมักไข่ไม่ดีอาจทำให้เกิดจุลินทรีย์หรือเชื้อราในไข่ วิธีสังเกตคือ หากไข่เยี่ยวม้าฟองใดมีกลิ่นของก๊าซไข่เน่าหรือมีจุดสีเขียวของเชื้อราภายในเปลือกไข่ ก็ไม่ควรรับประทาน
ส่วนกรณีที่ไข่เยี่ยวม้านั้นแช่น้ำด่างเข้มข้นเกินไปหรือแช่นานเกินไปจะทำให้ด่างเข้าไปละลายอยู่ในไข่ในปริมาณมาก เวลากินจะมีรสฝาดกัดลิ้นและมีกลิ่นแอมโมเนียจัด แก้ไขได้โดยการรับประทานคู่กับขิงดองเพื่อให้กรดในขิงดองน้ำส้มสายชูช่วยปรับสมดุลของด่างให้เป็นกลางขึ้น และลดกลิ่นของแอมโมเนียลงไข่เยี่ยวม้าที่ดีนั้น ควรเลือกชนิดที่เปลือกไข่ไม่แตกร้าว ไม่บุบ ไม่มีจุดสีดำ ไข่แดงและไข่ขาวแยกจากกันชัดเจน ไข่ขาวต้องเป็นวุ้นใสมีสีน้ำตาลไม่มีจุดดำ ไม่ขุ่นจนทึบแสง อ่อนนุ่ม คงตัวดี ส่วนไข่แดงควรมีสีเทาดำหรือน้ำตาลอมเขียว เป็นยางมะตูมหรือแข็งกว่า ไข่ขาวมีรสเค็มเล็กน้อย ไข่แดงมีรสมันและเค็มเล็กน้อย (อาจมีกลิ่นฉุนและฝาดนิด ๆ)