หลวงพ่อฟับเหนี่ยม พระธรรมาจารย์ อาวุโสแห่งหมู่บ้านพลัม
ความทุกข์อันเกิดจากสงครามทำให้ชายผู้หนึ่งตัดสินใจออกเดินทางบนเส้นทางสายจิตวิญญาณ เพื่อตามหาหนทางแห่งการดับทุกข์ หลวงพ่อฟับเหนี่ยม พระธรรมาจารย์ อาวุโส หมู่บ้านพลัม ฝรั่งเศส เกิดที่เมืองเว้ ประเทศเวียดนาม ช่วงวัยเด็กท่านต้องประสบภาพความโหดร้ายของสงครามเวียดนาม จนกระทั่งอายุได้ 15 ปี ท่านจึงอพยพไปยังค่ายลี้ภัยในฮ่องกง
ขณะอยู่ที่ค่ายลี้ภัย ท่านพบผู้อพยพคนอื่น ๆ และเห็นถึงความทุกข์ยากลำบากของคนเหล่านั้น ด้วยเหตุนี้เองท่านจึงเริ่มศึกษาพุทธประวัติของพระพุทธเจ้า ผนวกกับขณะนั้นมีพระชาวเยอรมันที่บวชในนิกายเถรวาทรูปหนึ่ง เดินทางมาเยี่ยมเยียน ให้การรักษา และพาผู้ลี้ภัยนั่งสมาธิอยู่เสมอ เมื่อเห็นจริยวัตรอันงดงามของพระสงฆ์รูปนั้น พระธรรมาจารย์ฟับเหนี่ยมจึงรู้สึกประทับใจและสนใจในพุทธศาสนามากขึ้น
“ข้าพเจ้าเริ่มสวดมนต์เป็นภาษาเวียดนาม และเข้าร่วมกิจกรรมทางพุทธศาสนาในค่ายผู้ลี้ภัย ตอนนั้นข้าพเจ้าเริ่มความคิดอยากบวช แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้บวชเมื่อใด”
หลังจากนั้น 2 ปี พระธรรมาจารย์ฟับเหนี่ยมก็เดินทางไปยังประเทศแคนาดาเพื่อศึกษาต่อ แม้จะอยู่ในดินแดนห่างไกล แต่ท่านก็ไม่ทิ้งปณิธานทางธรรม ท่านเข้าร่วมสมาคมคนเวียดนามในแคนาดาและเข้าวัดเพื่อทำกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาทุกวันเสาร์อาทิตย์
“แม้ว่าแคนาดาจะเป็นประเทศที่สวยงาม แต่ข้าพเจ้ากลับรู้สึกได้ถึงความทุกข์ของคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ญาติพี่น้อง หรือเพื่อนที่โรงเรียน บางคนหันไปดื่มสุราและใช้ยาเสพติด แต่แทนที่จะทำให้มีความสุข พวกเขากลับยิ่งทุกข์หนัก และทำให้คนรอบข้างเป็นทุกข์ไปด้วย
“ข้าพเจ้าอยากช่วยเหลือคนเหล่านี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะนำสิ่งที่เรียนรู้จากที่วัดไปประยุกต์ใช้ในการช่วยเหลือคนรอบข้างได้อย่างไร ข้าพเจ้ารู้สึกสิ้นหวัง และเริ่มตั้งคำถามเพื่อหาหนทางช่วยเหลือทุกคนให้พ้นจากความทุกข์
“หลังเรียนจบชั้นมัธยมปลาย ข้าพเจ้าคิดอยากบวชอย่างจริงจัง แต่ยังไม่สามารถหาพระอาจารย์ของตัวเองได้ กระทั่งวันหนึ่งได้อ่านหนังสือชื่อว่า ‘Transformation and Healing: Sutra on the Four Establishments of Mindfulness’ ของหลวงปู่ติช นัท ฮันห์ ซึ่งเขียนเกี่ยวกับสติปัฏฐาน 4 ตอนนั้นเองที่ข้าพเจ้ารู้สึกว่าได้พบพระอาจารย์ที่ตามหาแล้ว”
ปณิธานอันยิ่งใหญ่ในทางธรรมทำให้พระธรรมาจารย์ฟับเหนี่ยมฝันถึงหลวงปู่ติช นัท ฮันห์
“ในความฝัน ข้าพเจ้าเดินขึ้นไปบนเวทีขณะที่หลวงปู่กำลังให้ธรรมบรรยาย ก่อนที่ข้าพเจ้าจะก้มลงกราบท่านเพื่อขอบวชเป็นศิษย์ ท่านถามข้าพเจ้าว่า การบวชเป็นพระนั้นลำบาก ต้องปล่อยวางความต้องการทางเพศและสิ่งล่อใจต่าง ๆ ข้าพเจ้าพร้อมหรือไม่ ข้าพเจ้าจึงตอบไปอย่างไม่ลังเลว่า ‘พร้อม’ หลวงปู่จึงถามต่อว่า ข้าพเจ้าพร้อมจะบวชตอนนี้เลยหรือไม่ ข้าพเจ้าตอบไปว่า ‘พร้อม’ ก่อนจะเดินไปยังหลังเวที และความฝันก็สิ้นสุดลง
“เมื่อตื่นขึ้นมา ข้าพเจ้าซื้อตั๋วเครื่องบินแบบเที่ยวเดียวไปประเทศฝรั่งเศสเลย เพราะข้าพเจ้าตัดสินใจแล้ว และสมาชิกในครอบครัวของข้าพเจ้าต่างก็ยินดีในการตัดสินใจครั้งนี้”
หลังจากบวชแล้ว พระธรรมาจารย์ก็ศึกษาคำสอนของพระพุทธองค์อย่างจริงจัง จนรู้ว่าความเชื่อเรื่องการตรัสรู้และความสุขที่ตนเคยมีในอดีตนั้นเป็นความเชื่อที่ผิด
“ในอดีตข้าพเจ้าเคยคิดว่าเราจะมีความสุขได้ก็ต่อเมื่อเราตรัสรู้และไปเกิดในอีกที่หนึ่งซึ่งไม่ใช่โลกใบนี้ เพราะโลกใบนี้เต็มไปด้วยความทุกข์ แต่เมื่อบวชแล้วจึงได้เรียนรู้จากหลวงปู่ว่า เราสามารถบ่มเพาะความเบิกบานได้ในทุกขณะของชีวิต เพียงแค่เราสัมผัสได้ว่าหัวใจและอวัยวะภายในของเรายังทำงานเป็นปกติ ก็นับเป็นของขวัญของชีวิตที่เราต้องตระหนักถึง
“หากเราย้อนกลับมามองตนเอง เราจะเห็นคุณสมบัติที่งดงามมากมาย ทั้งความรัก ความกรุณา ความเข้าใจ และการให้อภัย ถ้าเราหมั่นรดน้ำเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ให้ผลิบาน เราก็จะสามารถสัมผัสได้ถึงความเบิกบานและความสุข”
“เมื่อความทุกข์เกิดขึ้น บางคนเลือกที่จะวิ่งหนี ในขณะที่บางคนเลือกที่จะเก็บกักหรือกลบเกลื่อนความทุกข์ด้วยการดื่มสุรา อันที่จริงพระพุทธองค์ตรัสสอนว่า หนทางที่จะทำให้ความทุกข์นั้นบรรเทาเบาคลายก็คือการเผชิญหน้ากับความทุกข์ และเราจะทำเช่นนั้นได้ก็ด้วยการฝึกสติ
“เมื่อใจเราสงบ เราก็จะสามารถมองเห็นรากของความทุกข์ และเมื่อเข้าใจรากของความทุกข์ที่เกิดขึ้น เราก็จะสามารถออกจากความทุกข์นั้นได้”
หลังจากบวชแล้ว พระธรรมาจารย์ฟับเหนี่ยมก็ยังเดินหน้าสานต่อเจตนารมณ์ของตนที่จะนำพาผู้คนให้พ้นจากความทุกข์ ท่านแปรเปลี่ยนพลังที่จะนำไปใช้ชีวิตทางโลกเป็นพลังแห่งความกรุณาที่นำไปสู่การสร้างชุมชนแห่งสติ
“คนแรกที่ข้าพเจ้าช่วยเหลือก็คือตัวของข้าพเจ้าเอง หลังจากนั้นจึงนำหลักการปฏิบัติไปถ่ายทอดให้แก่คนรอบข้าง ปัจจุบันสมาชิกในครอบครัวของข้าพเจ้ารู้จักการฝึกสติ หลายคนหยุดดื่มสุรา หยุดเล่นการพนัน และหยุดใช้ความรุนแรง ผลคือครอบครัวของเรามีความสงบ รัก และกลมเกลียวกันมากขึ้น”
พระธรรมาจารย์ฟับเหนี่ยมถือเป็นศิษย์รุ่นแรก ๆ ของท่านติช นัท ฮันห์ ด้วยเหตุนี้ท่านจึงมีเรื่องราวความประทับใจในตัวหลวงปู่มากมาย
“ข้าพเจ้าประทับใจในการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายของหลวงปู่ ท่านดำเนินชีวิตอย่างมีสติในทุกย่างก้าวดังที่ท่านสอน แม้ว่าท่านจะเป็นพระที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่งของโลก แต่ท่านก็มีเวลาให้กับลูกศิษย์เสมอ บางครั้งท่านก็สอนให้เราทำอาหาร และนั่งรับประทานด้วยกันพร้อมหน้า
“นอกจากนั้นท่านยังสอนให้เรารู้ว่าจะประยุกต์คำสอนของพระพุทธเจ้าเพื่อนำไปใช้ดับทุกข์ที่เกิดขึ้นรอบตัวเราได้อย่างไร”
มนุษย์มากมายไล่ตามความสุขภายนอก วิ่งตามหาสิ่งฉาบฉวยที่จะมาเติมเต็มความต้องการ จนหลงลืมไปว่าสุขแท้อยู่ไม่ไกล หากแต่อยู่ใกล้ภายในตัวเรา
ที่มา : นิตยสาร Secret ฉบับที่ 229
เรื่อง : อุราณี ทับทอง, เชิญพร คงมา, อิศรา ราชตราชู
ภาพ : วรวุฒิ วิชาธร, สรยุทธ พุ่มภักดี
บทความน่าสนใจ
ภาวนาครอบครัว หายใจสงบ เดินเป็นสุข ณ มูลนิธิหมู่บ้านพลัม