ริดสีดวงทวารหนัก โรคเล็กๆ ที่สร้างความรำคาญให้ชีวิต จนละเลยไม่ได้
ริดสีดวงทวารหนัก โรคไม่ติดต่อ แต่สร้างความรำคาญและความเจ็บปวดให้อย่างสาหัสสากรรจ์ วันนี้เรามาทำความรู้จักโรคนี้กันหน่อยดีกว่า
ริดสีดวงทวารหนัก ก็คือ กลุ่มหลอดเลือดดำที่อยู่ปลายสุดของลำไส้ใหญ่ และที่ขอบรูทวารหนักโป่งพองและยื่นออกมาเป็นติ่งด้านนอก โรคนี้เป็นกันได้ทุกเพศทุกวัย แต่มักจะพบในคนวัย 30 ปี ขึ้นไป
ซึ่งสาเหตุของการเกิดโรคนี้มีด้วยกันหลายอย่าง โดยเฉพาะพฤติกรรมที่ควรปรับ เช่น การนั่งอุจาระนานเช่นอ่านหนังสือ หรือเล่นโทรศัทพ์ระหว่างขับถ่าย เบ่งอุจจาระแรง กินอาหารที่กากใยน้อยจนท้องผูก การดื่มแอลกอฮอล์ รวมไปถึงกรรมพันธุ์ และการยืนนานๆ
สำหรับอาการของคนเป็นโรคริดสีดวงทวานจะมีเลือดออกขณะถ่ายอุจจาระ มีติ่งเนื้อที่ทวารหนัก และอาจมีอาการคัน ปวด เจ็บ ในขณะที่บางคนอาจมีอาการวิงเวียนศีรษะ
แต่การที่ถ่ายออกมาปนเลือด นอกจากริดสีดวงหวานหนักแล้ว อีกโรคที่คล้ายกันคือ มะเร็งลำไส้ส่วนปลาย แต่ทั้งสองโรคก็มีข้อแตกต่างให้สังเกตได้เล็กน้อยว่า มะเร็งลำไส้ส่วนปลาย
แต่ข้อสังเกตอย่างหนึ่งที่ควรระวังก็คือ การถ่ายเป็นเลือด จะตีเป็นริดสีดวงทันทีไม่ได้ เนื่องจากมะเร็งลำไส้ส่วนปลายก็ทำให้ขับถ่ายเป็นเลือดได้เช่นกัน ซึ่งมะเร็งลำไส้นั้นจะไม่มีติ่งเนื้อยื่นออกมา มีอาการปวดก้น และเลือดออกมาปนมากับอุจจาระ ส่วนริดสีดวงนั้นเลือดตะออกหลังขับถ่ายเสร็จ
การรักษา
- นั่งแช่ในน้ำอุ่น ควรทำทั้งก่อนและหลังขับถ่าย
- ทานอาหารที่มีกากใยเพิ่มมากขึ้น
- เหน็บยา
- ฉีดยา
- ใช้ยางรัดเพื่อทำให้หัวริดสีดวงฟ่อและหลุดออก
- จี้ด้วยไฟฟ้า
- ผ่าตัด
สำหรับการป้องกันไม่ให้เกิดริดสีดวงนั้นทำได้ง่ายมาก เพียงแค่เลือกทานอาหารที่มีกากใย ดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว ไม่เบ่งอุจจาระแรงเกินไป รักษาสุขอนามัย ใช้กระดาษชำระที่ไม่แข็งจนเกินไป
นอกจากนั้นแล้วในช่วงระหว่างการรักษาก็ควรแช่กันในน้ำอุ่น เพื่อทำให้บริเวณริดสีดวงสะอาด นั่งบนเบาะที่มีรู เพื่อไม่ให้เกิดแผลกดทับ รวมไปถึงเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ด้วย
ข้อมูล โรงพยาบาลพญาไท, โรงพยาบาลเพชรเวท, โรงพยาบาลกรุงเทพ
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ
อายุ 40+ ประจำเดือนมาน้อย อ่อนเพลีย เป็นโรคอะไรได้บ้าง
วิธีทำความสะอาดมือถือ ช่วยลดเชื้อโรค ป้องกันป่วย
เทคนิคดูแลไต ขับพิษไต ที่ใครๆ ก็ทำได้เอง ป้องกันโรคถามหา