นอนผิดเวลา ไม่ใช่แค่ทำให้การพักผ่อนไม่เพียงพอ แต่เป็นอันตรายต่อสุขภาพกว่าที่คุณคิด…
เมื่อเร็วๆ นี้ มีงานวิจัยชิ้นใหม่จาก สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) ประเทศสหรัฐอเมริกา รายงานว่า การทำงานกะกลางคืน หรือ นอนผิดเวลา จนติดเป็นนิสัย ถือเป็นการรบกวนนาฬิกาทางชีวภาพ ทำให้กระบวนการพักผ่อนไม่เป็นไปตามปกติ ยิ่งกว่านั้น อาจทำให้เซลล์มะเร็งในร่างกายเติบโตได้ เพราะร่างกายมนุษย์ได้รับการออกแบบมาให้ทำงานตอนกลางวัน และพักผ่อนในตอนกลางคืน นั่นเอง
ในงานวิจัยนี้ ทีมวิจัยได้ศึกษาปฎิกิริยาที่เกิดขึ้นกับหนูทดลอง โดยพบว่า มียีนส์ 2 ชนิดในหนูทดลอง คือ Bmal1 และ Per2 ซึ่งทำงานควบคุมวงจรนาฬิกาชีวภาพในเซลล์ และช่วยระงับการเติบโตของมะเร็งด้วย โดย นายแพทย์เธลส์ ปาปาเกียนนา โกเปาลอส ผู้นำทีมวิจัย จากสถาบัน Koch Institute for Integrative Cancer Research แห่ง MIT บอกว่า หากการทำงานของยีนส์เหล่านี้ไม่เป็นปกติ ก็เหมือนการรบกวนวงจรเวลากลางวันและกลางคืนของร่างกาย จะทำให้เซลล์มะเร็งพัฒนาในร่างกายได้เร็วขึ้น
ในการทดลอง นักวิจัยได้ลองรบกวนวงจรนาฬิกาชีวภาพของหนูทดลองที่เลี้ยงมา เพื่อทำให้เป็นมะเร็งปอด โดยเลียนแบบการทำงานกะกลางคืน และภาวะเจ็ตแเล็ก (Jet Lag) ของมนุษย์ พบว่า ภาวะเจ็ตแล็กทำให้เซลล์มะเร็งโตเร็วขึ้น และมีอันตรายมากขึ้น
คลิกเพื่ออ่านต่อหน้าถัดไป
นอกจากนี้ รายงานจากสมาคมจิตวิทยาอเมริกัน ยังชี้ว่า หากนอนผิดเวลา ไม่ว่าจะนอนเพิ่มอีกเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถชดเชยผลเสียที่เกิดจากการรบกวนวงจรนาฬิกาชีวภาพได้ การนอนเพิ่มชั่วโมงในช่วงกลางวันจึงไม่สามารถเยียวยาผลที่เกิดขึ้นนี้ได้
อย่างไรก็ตาม นายโจเซฟ ทากาฮาชิ ประธานแผนกประสาทวิทยาศาสตร์ ศูนย์การแพทย์เซาท์เวสเทิร์น มหาวิทยาลัยเท็กซัส บอกว่า แม้ว่าผลการทดลองจะค่อนข้างชัดเจน แต่นักวิทยาศาสตร์ยังจำเป็นต้องทำวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผลลัพธ์นี้
ถึงเรื่องราวนี้ยังอยู่ในขั้นทดลองเพื่อยืนยันผล แต่โดยสำนึกของเราล้วนทราบกันดีว่า การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ หรือการพักผ่อนผิดจากเวลาที่เหมาะสม (ช่วงกลางคืน) ก็ส่งผลต่อสุขภาพอยู่แล้ว แม้จะมีการนอนชดเชยก็ตาม ดังนั้น ในกรณีที่เลี่ยงการนอนผิดเวลาได้ ก็ควรทำอย่างยิ่งนะคะ
…แต่หากระบบงานทำให้คุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงการนอนผิดเวลาได้ ควรเพิ่มภูมิต้านทานด้านอื่นๆ ให้กับร่างกาย ได้แก่ การกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และพยายามดูแลจิตใจให้ไม่เครียด แม้จะทดแทนกันไม่ได้ แต่ก็ส่งเสริมสุขภาพได้อีกทางหนึ่งนั่นเอง
ที่มา: NaturalNews
